พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่249 ไม่จำเป็นต้องหนี

บทที่249 ไม่จำเป็นต้องหนี

บทที่249 ไม่จำเป็นต้องหนี

สีหน้าของจิรโชติและรชนิชลเต็มไปด้วยความดูถูก รู้สึก ว่ารพีพงษ์พูดอวดเก่งขึ้นมาเอง

ก้องภพหันไปสบตากับทัศน์พล แล้วพูด: “พี่ทัด อย่ามัวแต่ พูดจาไร้สาระกับไอ้งั่งนี้เลย ทำให้มันเห็นถึงความร้ายกาจ ของพี่เลย ให้พี่ตัดแขนตัดขาของมันก่อน เมื่อวานนี้มันให้เรา เห่าเรีบนแบบสุนัขต่อหน้าผู้คนมากมาย วันนี้ก่อนที่จะฆ่ามัน ฉันจะให้มันกลายเป็นสุนัขจริงๆ”

6 ใบหน้าของทัศน์พลแสดงถึงความโหดเหี้ยม แล้วพูดกับ ลูกน้องตัวเอง: “ลุยพร้อมกัน ทำตามที่น้องลิปตาบอก ตัดแขน ตัดขามันก่อน”

รพีพงษ์มองไปที่อันนาพวกเขาทั้งสามคน แล้วพูด: “พวก คุณถอยหลังไปหน่อย”

รชนิชลและจิรโชติรีบดึงตัวอันนาให้ถอยหลัง รชนิชล

จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างโกรธแค้น ดวงตาเต็มไปด้วยความ แค้นใจ “พูดอย่างกับว่าสามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้ นายโดน ทุบตีตายก็สมควรแล้ว”รชนิชลกล่าวด้วยความโกรธ

ลูกน้องของทัศน์พลก็พุ่งตรงไปล้อมรอบตัวรพีพงษ์ แต่ละคนกระตือรือร้นมาก โดยไม่สนใจรพีพงษ์เลย

“ไอ้เศษสวะนี้เคยฝึกฝนมาหรือเปล่า? ทำไมฉันรู้สึกว่า ท่าทางของเขาไม่กลัวอะไรเลย?”จิรโชติถาม
ชรินทร์ทิพย์เยาะเย้ย แล้วพูด : “มันเคยฝึกบ้าอะไรล่ะ มัน อยู่ในบ้านก็ทำเป็นแค่ล้างจานซักผ้า หัวสมองที่เสียหายคงจะ เกิดจากการกวาดพื้นกวาดจนรู้สึกออกมาว่าตัวเองเหนือกว่า ถึงขนาดนี้คิดว่าตัวเองสามารถจัดการคนมากมายขนาดนี้ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของชรินทร์ทิพย์ ก้องภพและทัศน์พลก็ หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา

ในตอนนี้ลูกน้องคนหนึ่งของทัศน์พลก็เตะไปที่รพีพงษ์ หนึ่งที่ร่างกายของรพีพงษ์ก็ขยับทันที

การเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ในสายตารพีพงษ์นั้นก็ เหมือนกับเต่าที่คลานอยู่ รพีพงษ์เคลื่อนไหวร่างกายอย่าง ว่องไว เตะไปที่ลูกน้องคนนั้นหนึ่งที ก็มีเสียงดังแกร๊กขึ้นมา ชายคนนั้นล้มลงไปบนพื้น ก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บขึ้นมา

จากนั้น ร่างของรพีพงษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางลูกน้อง พวกนั้น คนพวกนี้มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์ พวก เขารู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนส่วนใดส่วนหนึ่งบน ร่างกาย จากนั้นก็ล้มลงส่งเสียงครวญคราง

สีหน้าของก้องภพพวกเขาทั้งสามคนที่แสยะยิ้มอยู่ก็นิ่งอึ้ง ไปชั่วขณะ มองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ พวกเขาคิดไม่ถึง เลย ไอ้เศษสวะที่พวกเขาคิดว่าจะทำเป็นแต่ล้างจาน จะมีฝีมือ ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้

รชนิชลและจิรโชติเองก็นึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะยอดเยี่ยม ขนาดนี้ เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์สามารถจัดการกับลูกน้องของทัศน์ พลได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมรพี พงษ์ถึงมีความมั่นใจกล้าจะพูดแบบนี้

อันนาก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น เธอรู้ดีอยู่แล้ว ว่ายังรพีพงษ์ไม่ปล่อยให้พวกเขาเป็นอะไรไปแน่

“พี่ ตอนนี้พี่เชื่อคำพูดของฉันหรือยัง รพีพงษ์ไม่เหมือนกับ คนทั่วไป เขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอย่างที่พวกพี่กล่าว หา”อันนาพูดอย่างภาคภูมิใจ

“ไม่….มันก็แค่สามารถสู้พวกนี้ได้ ไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษ เลย ช่วงนี้ฉันก็กำลังฝึกชกมวย ถ้าเกิดเป็นฉันขึ้นไป ก็คงไม่ ได้แย่ไปกว่าเขา”จิรโชติกล่าวออกมาอย่างหน้าด้านๆ

อันนาเบะปาก แล้วพูด: “อย่างนั้นพี่ก็ขึ้นไปสิ ก็ไม่รู้ว่าใคร นะ เมื่อกี้กลัวจนเกือบจะร้องขอชีวิตจากคนอื่น พี่ฝึกมวยมา แล้วจะมีประโยชน์อะไร ก็เอามาแค่เพื่อรังแกคนที่ชื่อๆกว่า”

“เธอ!”สีหน้าจิรโชติเต็มไปด้วยความละอาย คำพูดของ อันนาเหมือนกับมีดแหลมคมเลย เสียบลงมาที่หน้าอกเขา จะ ไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง

“เธออะไรของพี่ ฉันพูดไม่ถูกเหรอ ถ้าพี่คิดว่าที่ฉันพูดมัน ไม่ถูก ตอนนี้ก็เข้าไปช่วยรพีพงษ์เลย พี่ก็ยังกลัวคนที่ชื่อทัศน์ พลมาหาเรื่องพี่”อันนาพูดออกมาอย่างกล้าหาญ

รชนิชลก็เริ่มมองไปที่จิรโชติอย่างดูถูก รู้สึกว่าวันนี้จิร โชติไม่เหมือนผู้ชายเลย ไม่มีความกล้าหาญเลยสักนิด หลัง จากที่เจอทัศน์พล ก็รีบร้องขอความเมตตาทันที

แน่นอนว่า เธอเองก็ไม่ได้ดีมากนัก เพียงแต่เธอไม่ยอมรับ เท่านั้นเอง

ไม่ถึงนาทีของการพยายาม รพีพงษ์ก็สามารถจัดการกับ ลูกน้องของทัศน์พลได้ทั้งหมด บนพื้นเต็มไปด้วยคน ที่ร้อง คร่ำครวญด้วยความเจ็บ

ทัศน์กัดฟัน แล้วกริชออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเอง วิ่งพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์

“เยี*แมร่ง ไปตายซะ!”

รพีพงษ์หันกลับมา เอื้อมมือไปจับข้อมือของทัศน์พล ทัศน์ พลก็ปล่อยเสียงเย็นเยือก และก็ขยับแขนอย่างรวดเร็ว โดย หลบหลีกมือของรพิพงษ์ไปได้

เขาเป็นลูกน้องมือหนึ่งของประดิพุทธิ์ ก็ต้องมีความ แข็งแกร่งเป็นธรรมดา ตอนนี้ร่องรอยการบาดเจ็บบนตัวรพี พงษ์ สามารถใช้พลังได้เพียงแค่ครึ่งเดียว อยากจะรีบจัดการ ทัศน์พลให้จบๆไป ก็มีความยากนิดหนึ่ง

แน่นอนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรพีพงษ์ทำให้ไม่

สามารถจัดการทัศน์พลได้เลยทันที ต้องใช้เวลามากไปหน่อย สุดท้ายยังไงทัศน์พลก็ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของรพีพงษ์ อยู่ดี

“พี่ทัดเป็นถึงลูกน้องมือหนึ่งของประดิพุทธิ์ จัดการไอ้งั่งนี้ ยังไงก็ไม่ใช่ปัญหา”ก้องภพกัดฟันแล้วพูดออกมา

ชรินทร์ทิพย์มองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ในใจก็ รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา ท้ายที่สุดไม่ว่ายังไง รพีพงษ์ก็เก่งกว่า

“ไอ้เหี้ยที่สมควรตาย ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ หรือแม้ ทัศน์พลก็ไม่สามารถจัดการเขาได้เลยเหรอ?”ชรินทร์ทิพย์ จ้องไปที่รพีพงศ์อย่างเคียดแค้น

เธอหันไปมองก้องภพ แล้วพูด: “ฉันรู้สึกว่าทัศน์พลไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของรพีพงษ์ ฉันว่านายโทรศัพท์หาคนที่ชื่อประดิพุทธิ์ ตอนนี้ที่สามารถจัดการกับรพีพงษ์ได้ ก็คงจะมีแต่ประดิพุทธิ์ แล้วล่ะ นายและทัศน์พลก็เป็นคนของประดิพุทธิ์ ยังไงเขาก็ ต้องช่วยพวกนายอยู่แล้ว ต่อให้วันนี้ไม่สามารถจัดการกับไอ้เศษสวะนี้ได้ ทำให้มันทุกข์ทรมานหน่อยก็ยังดี”

ก้องภพสุดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูด ว่า: ” ก็ได้ อย่างนั้นฉันก็จะเชื่อเธอละกัน จะโทรหาพี่พุดเดี๋ยว นี้ เพียงแค่พี่พูดมา วันนี้ไอ้หมอนี่ไม่มีโอกาสจะได้กระโดดแน่”

เมื่อพูดจบ เขาก็รีบเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมา

ขณะที่การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และทัศน์พลใกล้จะสิ้นสุด ลง รพีพงษ์กลัวว่ากำลังภายในร่างกายจะเดี๋ยวจะตามไม่ทัน ดังนั้นเลยไม่ได้จะต่อสู้กับทัศน์พลเป็นเวลานาน ก็ใช้กระบวน ท่าไม้ตายออกมาสองสามท่า ทำให้การเคลื่อนของทัศน์ล่า

ถอยลง สีหน้าของทัศน์พลจ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยความกลัว เขา รู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ความแข็งแกร่งยังจะน่ากลัว กว่าประดิพุทธิ์ซักอีก เขาไม่มีความสามารถที่จะรับมือได้

ในเวลานี้ทัศน์พลก็เกิดข้อบกพร่องขึ้น รพีพงษ์ใช้โอกาส นี้ ชกไปที่กระดูกซี่โครงของทัศน์หนึ่งหมัด ขณะที่มืออีกข้าง ก็คว้ากริชในมือขอทัศน์พล แล้วแทงไปที่ขาของเขาโดยไม่ ลังเล

ทัศน์พลก็ส่งเสียงกรีดร้อง รีบก้าวถอยหลัง และนั่งลงตรง หน้าก้องภพและชรินทร์ทิพย์

“ไอ้หมอนี่มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน พวกแกรีบหนีไปซะ ทำได้เพียงแค่รอกลับมาแก้แค้นภาย หลัง”ทัศน์พลกล่าว

ก้องภพและชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนก็ไม่ขยับ แต่บน ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มที่เล่ห์เหลี่ยมปรากฏออกมา

“พี่ทัด ไม่ต้องกังวล ผมโทรเรียกพี่พูดแล้ว เขาจะพาคนมีที่นี่อย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นก็ถึงเวลาตายของไอ้หมอนี่!”ก้อง ภพกล่าวอย่างเย็นชา

“พี่พุด? พวกนายเรียกประดิพุทธิ์เหรอ?”จิรโชติอุทานขึ้น

ก้องภพกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ใช่แล้ว อยู่ที่อำเภอโซชิง ประดิพุทธิ์เป็นตัวแทนของอะไร พวกแกก็น่าจะรู้ดี เพียงแค่พี่ พุดมาถึง พวกแกจบเห่แน่”

จิรโชติและรชนิชลต่างก็มองหน้ากันแล้วสบตา สีหน้าเต็ม ไปด้วยความกังวล

ในตอนนี้อันนาจ้องมองไปที่พวกเขา แล้วพูดว่า: “แล้ว ทำไมพวกเราต้องอยู่รอที่นี่ด้วย คนพวกนั้นของพวกคุณก็ถูก รพีพงษ์จัดการล้มลงไปหมดแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเราอยากจะหนี อย่างพวกคุณสองคน จะสามารถขัดขวางพวกเราได้เหรอ?”

ก้องภพและชรินทร์ทิพย์ก็นิ่งอึ้ง สีหน้าก็แสดงออกมาถึง ความลำบากใจ อันน่าพูดถูก ตอนนี้แม้แต่ทัศน์พลยังล้มลงมา เลย แล้วอย่างพวกเขาสองคน จะไปขัดขวางรพีพงษ์ได้ยังไง กัน

“พวก…พวกแกห้ามหนีนะ! ต่อให้พวกแกหนีไป พี่พุดก็ สามารถตามหาพวกแกจนเจอ!”ก้องภพกล่าวขึ้นอย่างร้อนตัว

“แม้แต่ชื่อพวกเราก็ยังไม่รู้จัก จะไปตามหาพวกเราได้ที่ ไหน คุณก็อยากมาอวดดีไปหน่อยเลย รพีพงษ์ พวกเรารีบไป กันเถอะ เพียงแค่พวกเขาไม่สามารถตามหาพวกเราได้ ก็ไม่ สามารถทำอะไรพวกเราได้”อันนากล่าว

รชนิชลและจิรโชติทั้งสองคนก็พยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่ อันนาพูดมามีเหตุผล ต้องออกไปจากที่นี่ทันที

“พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่ามัวแต่ยืนเฉยที่นี่ต่อไปเลย รพีพงษ์ นายรีบจัดการพวกเขาทั้งสองคนเลย ประดิพุทธิ์มาแล้ว จะต้องหาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเราแน่นอน”รชนิชลหันกลับ ไปมองรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดว่า: “ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหนี พวก เขาก็อุตส่าห์เรียกประดิพุทธิ์มาแล้ว อย่างนั้นก็รอประดิพุทธิ์ มาดีกว่า ฉันก็อยากดูว่าพวกเขาจะให้ประดิพุทธิ์จัดการกับฉัน ยังไง”

รชนิชลพวกเขาทั้งสามคนก็เบิกตากว้างทันที คิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา แบบนี้มันรนหาที่ตายชัดๆ!

“นายบ้าไปแล้วเหรอ ตอนนี้มีโอกาสที่จะหนี นายก็ยังไม่ หนี ยังจะรอประดิพุทธิ์มาอีก ฉันไม่เคยเห็นคนที่โง่เหมือนกับ นายมาก่อนเลย!”รชนิชลตะโกน

“พวกเราก็อย่าไปสนใจเขาเลย เขาไม่ไปเราไปกัน เถอะ”จิรโชติกล่าว

“รพีพงษ์ พวกเราไปกันเถอะ ประดิพุทธิ์แข็งแกร่งกว่า พวกเขาอีกนะ ถ้าเกิดรอให้ประดิพุทธิ์มาถึงที่นี่จริงๆ แบบนั้น ก็ยังหนีไปไม่ได้จริงๆนะ”สีหน้าของอันนาก็เต็มไปด้วยความ กังวล

ก้องภพและชรินทร์ทิพย์ก็แสยะยิ้มขึ้นมา ก็เขาคิดไม่ ถึงว่ารพีพงษ์จะโง่ขนาดนี้ ถึงขนาดจะรอให้ประดิพุทธิ์มาถึงที่ นี่ หรือเขาจะคิดว่าเขาสามารถจัดการกับคนของทัศน์พลได้ ก็ มีสิทธิ์ที่จะท้าทายประดิพุทธิ์ได้เหรอ?

ตลกสิ้นดี!

รพีพงษ์จ้องมองไปที่อันนาพวกเขาทั้งสามคน แล้วพูด “พวกคุณสามคนไปก่อนเถอะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องสนใจฉัน”

อันนาก็อยากจะทั้งรพีพงษ์ไปเช่นนี้ ก็เลยพูดว่า: “รพีพงษ์ ฉันรู้ว่านายเก่ง แต่ว่าประดิพุทธิ์เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดใน อำเภอโซซิง ถ้านายสู้กับเขา ไม่มีผลดีอะไรเลย นายหนีไป พร้อมกับพวกเราเถอะ”

“อันนา เธอก็อย่าไปสนใจเขาแล้ว เขาไม่อยากไป ก็ไม่ใช่ เรื่องของพวกเราแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยว ประดิพุทธิ์มาถึง พวกเราอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น”รชนิชลดึงตัว อันนาเดินออกไปข้างนอก

รพีพงษ์ยิ้มให้อันนา แล้วพูดว่า: “ไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร” เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ยืนกรานเช่นนี้ อันนาก็ทำได้เพียงตาม รชนิชลออกไปข้างนอก

ก้องภพและชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนยังอยากจะขัดขวาง พวกเขา รพีพงศ์เบิกตากว้างจ้องมองไปที่พวกเขา พวกเขา สองคนก็สั่นเทาทันที รีบหลีกทางออกจากประตู

หลังจากที่อันนาพวกเขาสามคนจากไป ก้องภพและชริน ทร์ทิพย์ก็แสยะยิ้มมองไปที่รพีพงษ์ สายตาของชรินทร์ทิพย์ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น แล้วก็บ่มพรึมพำ: “รนหาที่ตายเอง นะ รอเดี่ยวประดิพุทธิ์มาถึง ดูสิว่านายยังจะอวดเก่งแบบนี้

หรือเปล่า!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท