พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง

บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง

บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา ก็มีสีหน้าไม่พอใจ ธรรมนาถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ปากดีจริงๆ ฉันว่าคนที่ควรจะทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ คือแกมากกว่า!”

จากนั้นธรรมนาถก้าวเข้าไปหารพีพงษ์อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว ฝีมือของเขาไม่เหมือนคนอื่น การเคลื่อนไหวของเท้าพิเศษไม่เหมือนใคร เขาดูเหมือนผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมานาน

ถิรพุทธิ์เห็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ลังเลและตามหลังธรรมนาถเข้าไปจู่โจมรพีพงษ์ เมื่อครู่ธฤตญาณพูดแล้ว เขาเดิมพันส่วนแบ่งของเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ เขาไม่สนใจว่าจะเป็นกลั่นแกล้งผู้น้อยหรือไม่

ทั้งสองเข้าไปจู่โจมรพีพงษ์ทั้งซ้ายและขวาโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย

คนที่อยู่ล่างเวทีต่างมีสีหน้าคาดหวังกับการประลองครั้งนี้ แน่นอนว่าคนจำนวนมากอยากเห็นรพีพงษ์ถูกธรรมนาถและถิรพุทธิ์ต่อยจนอนาถ คนที่อยู่ในสนามนอกจากธฤตญาณกับไตรทศ ก็ไม่มีใครคิดว่ารพีพงษ์จะชนะสองคนนั้นได้

ชัยภัทรมองไปบนเวทีอย่างร้อนใจ เหงื่อไหลออกมาเต็มฝ่ามือของเขา ตอนนี้อนาคตของพวกเขาอยู่ในกำมือของคนที่ดูธรรมดาอย่างรพีพงษ์ เพราะว่าเขาไม่รู้จักรพีพงษ์ จึงไม่มีกะจิตกะใจไปดูการประลองบนเวที

เขาหันไปมองธฤตญาณกับไตรทศ แล้วสูดหายใจลึก เขากำลังจะพูดห้ามธฤตญาณ

แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก จู่ๆ คนที่ยืนมองไปบนเวทีอย่างธฤตญาณก็พูดออกมา “นายว่าครั้งนี้จะใช้เวลาแค่ไหน”

ไตรทศที่ยืนอยู่อีกด้านพูดว่า “ดูยังไงก็คงจะหนึ่งนาที อาจจะไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ น่าอับอายสิ้นดี”

“น่าจะไม่ถึงในหนึ่งนาที” ธฤตญาณยิ้มแล้วพูดออกมา

ชัยภัทรได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า “พี่ธฤต ขนาดพวกพี่ยังเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ถึงหนึ่งนาที แล้วพี่จะให้เขาขึ้นไปสู้กับสองคนนั้นทำไม นี่มันเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองชัดๆ”

ธฤตญาณกับไตรทศมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“เราไม่ได้บอกว่ารพีพงษ์จะโดนจัดการในหนึ่งนาที” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น

ชัยภัทรอึ้งไป จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “งั้นเมื่อกี้พี่หมายความว่า…”

“ไม่ต้องคิดแล้วล่ะ สองคนนั้นสู้รพีพงษ์ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก” ไตรทศพูด

“ก็ไม่แน่ ครั้งนี้รพีพงษ์มาเพื่อระบายอารมณ์ เขาคงไม่จัดการสองคนนั้นง่ายๆ หรอก เขาน่าจะลองเชิงสองคนนั้นก่อน” ธฤตญาณพูดเสริม

ราวกับชัยภัทรได้ยินเรื่องช็อกโลก เขาเบิกตาโตมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะคิดว่าธรรมนาถกับถิรพุทธิ์จะสู้กับรพีพงษ์ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที

หรือว่าเขาฟังผิดไปเอง ชัยภัทรหันหน้ากลับไปมองบนเวทีด้วยความงุนงง

ขณะนี้รพีพงษ์ยืนประจันหน้ากับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ เขากำลังควบคุมลมหายใจของตัวเอง เพื่อปรับสมดุลพละกำลังของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ทำให้ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ตายเร็วเกินไป

เป็นอย่างที่ธฤตญาณคิดไว้ วันนี้รพีพงษ์มาเพื่อระบายอารมณ์ แน่นอนว่าเขาไม่ทำให้สองคนนั้นตายง่ายๆ แน่นอน เขาต้องควบคุมพละกำลังของตัวเอง เพื่อทำให้การประลองครั้งนี้นานขึ้นสักหน่อย

ขณะที่รพีพงษ์กำลังควบคุมลมหายใจของตัวเอง ธรรมนาถและถิรพุทธิ์พุ่งเข้ามาหาเขา และจู่โจมเข้ามาที่หน้าของเขา

รพีพงษ์ถอยไปข้างหลัง เพราะว่าเขากำลังจดจ่อกับการควบคุมลมหายใจ จึงไม่ได้จัดการพวกเขาในทันที

เพราะเป็นเช่นนี้ พวกคนที่ดูอยู่ล่างเวที ต่างคิดว่าแค่เริ่มต้นรพีพงษ์ก็รับมือของทั้งสองคนไม่ได้ จึงทำได้เพียงเดินถอยกลับ

“ฉันนึกว่าไอ้เด็กนั่นจะเก่ง ที่แท้ก็ทำอะไรไม่ได้ ขึ้นไปก็โดนสองคนนั้นต่อยจนไม่สามารถสวนกลับได้”

“ดูเหมือนว่ามันก็แค่อวดเก่ง เมื่อกี้ที่มันพูด ฉันนึกว่ามันจะรับมือกับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ได้ แต่พอมาตอนนี้ มันก็แค่พูดโม้เท่านั้น”

“หึหึ พูดโม้ซะใหญ่โต แต่มีฝีมือแค่นิดเดียว ฉันว่าสองคนนั้นคงไม่ปล่อยให้มันมีชิวิตลงจากเวทีแน่นอน”

……

ชัยภัทรเห็นรพีพงษ์จนมุมตั้งแต่เริ่ม เขาขมวดคิ้ว เมื่อกี้ที่ได้ยินธฤตญาณกับไตรทศคุยกัน นึกว่ารพีพงษ์จะมีพละกำลังที่น่ากลัว แต่มาดูตอนนี้ มันคงจะไม่ใช่เช่นนั้น

“ดูเหมือนว่าพี่ธฤตกับไตรทศจะประเมินมันสูงไป ฝีมือแค่นี้จะจัดการสองคนนั้นในหนึ่งนาทีได้ยังไง ดูเหมือนว่าบทสรุปของวันนี้จะยากเสียแล้ว” ชัยภัทรส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

บนเวทีธรรมนาถและถิรพุทธิ์ เห็นว่ารพีพงษ์เอาแต่ถอยหลัง ก็แสยะยิ้มออกมา พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่ได้มีฝีมืออะไร คำที่พูดก่อนหน้านี้ ก็แค่คุยโม้เท่านั้น

“ฉันว่านายก็ไม่ได้เก่งอะไรนิ เมื่อมาประจันหน้ากับพวกเรา นายทำได้แค่หลบ นายคิดว่าจะหลบแบบนี้ต่อไปได้เหรอ” ธรรมนาถพูดกับรพีพงษ์

“ฉันว่ามันไม่เจียมตัว ตอนขึ้นมาบนเวทีคงคิดว่าตัวเองจะชนะเราได้ สุดท้ายเมื่อต้องใช้ความสามารถจริงๆ มันถึงรู้ว่ามันไม่มีความสามารถ!” ถิรพุทธิ์ตะโกนออกมาเช่นกัน

ขณะนั้นเองรพีพงษ์ควบคุมลมหายใจของตัวเองได้เรียบร้อย เขาหยุดและไม่ก้าวถอยหลังอีก ชายหนุ่มมองสองคนนั้นแล้วพูดว่า “งั้นเหรอ”

จากนั้นรพีพงษ์จึงปล่อยหมัดใส่สองคนนั้นโดยไม่หลบอีก เขาควบคุมแรงของตัวเอง ถ้าเมื่อครู่เขาไม่ควบคุมลมหายใจ ก็คงจะต่อยหนึ่งในนั้นสองคนนี้ตายในหมัดเดียว

จู่ๆ ธรรมนาถและถิรพุทธิ์ก็รู้สึกว่าท่าทางของรพีพงษ์เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

หมัดที่พวกเขาปล่อยใส่รพีพงษ์ โดนรพีพงษ์รับเอาไว้ได้ทั้งหมด และหมัดที่รพีพงษ์สวนกลับมา พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่หมัดเดียว

คนที่ดูอยู่ข้างล่างเห็นการเปลี่ยนแปลงของรพีพงษ์ ต่างพากันตกตะลึง คนที่เคยหัวเราะเยาะรพีพงษ์ถึงกับหุบปากและดูการประลองบนเวทีด้วยความตกตะลึง

ผ่านไปไม่นาน คนดูเห็นเพียงรพีพงษ์กำลังปล่อยหมัดใส่สองคนนั้นไม่หยุด ตั้งแต่ต้นจนจบ สองคนนั้นไม่มีทางสวนรพีพงษ์กลับได้เลย ทั้งสองคนทำได้เพียงมองรพีพงษ์ปล่อยหมัดใส่ตัวเอง

ทุกคนพากันอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเก่งถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะตอนที่เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รพีพงษ์ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ชัยภัทรมองรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อสายตา ฝีมือของรพีพงษ์มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ แตกต่างกับที่เขาคิดกับรพีพงษ์ในตอนแรก

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมธฤตญาณกับไตรทศถึงพูดหนักแน่นเช่นนั้น ที่แท้รพีพงษ์มีฝีมือพอที่จะสู้กับธรรมนาถและถิรพุทธิ์

แต่สิ่งที่ชัยภัทรสงสัยก็คือ ถึงแม้รพีพงษ์จะสู้จนไม่สามารถทำให้สองคนนั้นสวนกลับมาได้ แต่ไม่เหมือนกับที่ธฤตญาณกับไตรทศพูดเอาไว้ว่าจะจัดการสองคนนั้นภายในหนึ่งนาที

ชัยภัทรคิดว่าพละกำลังของรพีพงษ์คงทำได้เพียงยื้อสองคนนั้นเอาไว้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ไตรทศพูด

ธรรมนาถและถิรพุทธิ์ไม่สามารถรับมือกับการจู่โจมของรพีพงษ์ได้ พวกเขารู้สึกว่าการที่รพีพงษ์ขึ้นมาบนเวที ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาชนะพวกเขา

ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนกลายเป็นเหมือนคนโง่

“หยุด ฉันยอมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปฉันต้องโดนนายต่อยตายแน่” ธรรมนาถพูดกับรพีพงษ์ จากนั้นเขาจึงส่งสายตาให้ถิรพุทธิ์

ถิรพุทธิ์รู้ถึงสิ่งที่ธรรมนาถต้องการจะสื่อ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันก็ไม่สู้แล้วเหมือนกัน ฉันสู้ไม่ไหว”

รพีพงษ์ได้ยินที่ทั้งสองคนพูด จึงหยุดและกำลังจะหันไปถามคนที่อยู่ข้างล่างว่ายังมีใครที่จะขึ้นมาสู้กับเขาอีกไหม เขารู้สึกว่าตัวเองยังระบายไม่หมด

ขณะนั้นเองธรรมนาถและถิรพุทธิ์มองรพีพงษ์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พวกเขาพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์เพื่อที่จะโจมตีด้านหลังเขา

“พวกเราแค่พูดว่าไม่สู้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะยอมแพ้ นายหันหลังให้พวกเราถือว่าโง่สุดยอด!”

ธรรมนาถแสยะยิ้มแล้วตะโกนออกมา เขากำลังจะใช้หมัดทุบลงไปที่ตัวของรพีพงษ์

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์รีบหันหลังกลับมาแล้วยกขาเตะไปที่ท้องของธรรมนาถ

ธรรมนาถเบิกตาโต จากนั้นตัวของเขาก็กระเด็นลงไปข้างล่างเวที จนทำให้ถิรพุทธิ์ที่อยู่ด้านหลังกลัวจนชะงักไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท