พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่257 อารียาถูกจับตัวไป

บทที่257 อารียาถูกจับตัวไป

บทที่257 อารียาถูกจับตัวไป

อำเภอนกฟ้า ในคฤหาสน์ของประดิพุทธิ์

ที่หน้าประตูห้องอาบน้ำยาของรพีพงษ์ มีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งสบายอยู่ ในเวลาเดียวกันก็ดื่มชาเพื่อเพิ่มความสดชื่น

เขาคนนี้คือแพทย์แผนจีนที่ประดิพุทธิ์หามาให้รพีพงษ์ และเขาผสมน้ำยาทั้งหมดที่รพีพงษ์ต้องการสำหรับการแช่น้ำยานี้

“ความอดทนเด็กคนนี้น่าทึ่งจริงๆ ตั้งแต่เข้าไปผ่านมาแล้วหนึ่งวันครึ่ง แต่ก็ไม่มีตั้งใจจะออกมาสักที”ชายชราพึมพำกับตัวเอง

ในบรรดาของน้ำยาที่เขาเตรียมไว้ให้รพีพงษ์นั้น มีส่วนผสมหลายชนิดของยาจะมีปฏิกิริยาโดยตรงกับร่างกาย ทั้งแสบทั้งคัน อยู่ในนี้เป็นเวลานานๆ ก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ทนไม่ไหว

จากการคำนวณของชายชรา อย่างมากรพีพงษ์ก็ทนอยู่ในนี้เป็นเวลาได้แค่หนึ่งวัน ก็จะออกมาจากข้างในอย่างช้าๆ นี่ถือว่าเป็นความอดทนสองเท่าของขีดจำกัดของคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ว่ารพีพงษ์กลับอยู่ในนั้นเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง ไม่มีสัญญาณใดๆว่าไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้

ในเวลานี้ประดิพุทธิ์เดินเข้ามาจากด้านนอก เขาเดินเข้ามาหาชายชรา กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “หมอทิ เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับตัวเอง?”

ชายชรามีชื่อว่าทิโนทัย เป็นหมอยาจีนที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีในอำเภอนกฟ้า สถานะของเขาที่นี่ ไม่น้อยไปกว่าสถานะของชุติเทพที่อยู่เมืองริเวอร์

ทิโนทัยยิ้มให้กับประดิพุทธิ์ แล้วกล่าวว่า: “ฉันกำลังชื่นชมความอดทนของพี่ชายของคุณ โดยทั่วไป คนปกติไม่สามารถจะทนได้หลังจากแช่น้ำยาของฉันเป็นเวลาไปแล้วครึ่งวัน และออกมาเพื่อสูบลมหายใจ แต่พี่ชายของคุณเข้าไปแล้วหนึ่งวันครึ่ง ซึ่งมันน่าทึ่งจริงๆ”

ประดิพุทธิ์เบิกตากว้าง แล้วพูด: “คงไม่ใช่ว่าน้ำยาของคุณไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณพูด ตอนที่ผมดูคุณผสมยา ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย มันเป็นแค่น้ำยาสีดำถังหนึ่งเอง ถ้าเกิดเป็นผม ผมก็สามารถฝืนทนอยู่ข้างในได้หลายๆวันเลย”

เมื่อทิโนทัยเห็นประดิพุทธิ์พูดเช่นนี้ ก็เบิกตากว้างทันที แล้วพูด: “คุณดูถูกน้ำยาที่ฉันผสมออกมาก พอดีว่าตอนที่ฉันผสมยายังมีเหลืออยู่บ้าง ก็มีอยู่ที่ในข้างๆห้องนี้ ยานี้มีผลประโยชน์มากต่อร่างกาย ไม่มีโรคก็สามารถแช่ได้ ในเมื่อคุณคิดว่าน้ำยาของฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น อย่างนั้นคุณก็ควรเข้าไปแช่ดู ดูสิว่าคุณจะฝืนทนแช่ได้นานแค่ไหนกัน”

ประดิพุทธิ์ยิ้มขึ้นมาทันที แล้วพูด: “แช่ก็แช่ ก็แค่น้ำยาเอง ผมสามารถแช่ได้นานเท่าที่ผมอยากแช่ ผมไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะน่ากลัวอย่างที่คุณพูด”

หลังจากพูดจบ ประดิพุทธิ์ก็เดินไปเข้าที่ห้องข้างๆ

ทิโนทัยก็ยังคงนั่งด้านนอกต่อ เขาไม่เชื่อว่าอานุภาพน้ำยาของเขาจะแย่ขนาดนี้ แม้ว่าความอดทนของรพีพงษ์จะผิดปกติ แต่ความอดทนประดิพุทธิ์คงจะทนได้ไม่เท่ากับรพีพงษ์แน่

แวบแรกเขาก็สามารถมองออกว่าประดิพุทธิ์ที่มีอารมณ์ใจร้อนแบบนั้น ความอดทนสำหรับเขาแล้ว น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ถนัด แต่กลับรพีพงษ์ไม่เหมือนกัน แวบแรกที่ทิโนทัยเห็นรพีพงษ์ เขาก็รู้สึกถึงสุดลึกล้ำที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แววตาของรพีพงษ์ มีความอดทนที่สร้างขึ้นมาหลายปี คนธรรมดาไม่สามารถทำตามได้

ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์อยู่ในนั้นมาเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง ทิโนทัยก็รู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่แรกเขา ก็รู้เลยว่ารพีพงษ์แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างแน่นอน

เกือบสามชั่วโมงต่อมา ประดิพุทธิ์ที่อยู่ในห้องข้างๆก็มีเสียงบ่นด่าโวยวายออกมา จากนั้น สีหน้าของประดิพุทธิ์เต็มไปด้วยความไม่พอใจวิ่งออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าทิโนทัย แล้วพูด: “ในน้ำยาของคุณใส่อะไรลงไป? ทำไมพอถึงช่วงหลังๆร่างกายเหมือนกับโดนไฟเผาไหม้ และมีอาการคันราวกับมดหนึ่งหมื่นตัวที่คลานอยู่บนร่างกาย มันทำให้คนทนไม่ไหวจริงๆ”

สีหน้าของทิโนทัยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แล้วพูด: “ฉันก็บอกกับคุณไปแล้ว ว่าน้ำยาของฉันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถฝืนทนได้ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าน้ำยาของฉันสุดยอดขนาดไหน”

สีหน้าของประดิพุทธิ์แสดงออกถึงความชื่นชม จากนั้นก็หันหน้าไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ในห้อง พร้อมกับพึมพำว่า: “น้ำยาที่น่ากลัวขนาดนี้ พี่รพีฝืนทนมาได้หนึ่งวันครึ่ง ดูแล้วระหว่างผมกับพี่ ก็ยังมีความแตกต่างที่ยากจะชดเชยได้อีกมาก”

ในเวลานี้ก็มีเสียงดังมาจากห้องรพีพงษ์ ทิโนทัยหันไปมอง แล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่สามารถฝืนทนไปได้อีกแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาจะสามารถทนฝืนไปให้ครบเป็นเวลาสองวัน ดูเหมือนว่าหนึ่งวันครึ่งจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว”

ในไม่ช้า เปิดประตูห้องของรพีพงษ์ก็เปิดออกมา รพีพงษ์ที่เปลี่ยนชุดก็เดินออกมาจากข้างใน ทิโนทัยก็รีบเข้าไป แล้วพูดว่า: “ไม่สามารถฝืนทนต่อไปได้แล้วใช้มั้ย คุณสามารถฝืนทนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เดี๋ยวค่อยเข้าไป แต่ว่าทำไมคุณถึงใส่เสื้อผ้าแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ต้องถอดออกมาอีก ยุ่งยากมาก”

รพีพงษ์ยิ้มและเหลือบมองไปที่ทิโนทัย แล้วพูด: “ไม่ต้องถอดแล้วล่ะ ร่างกายผมฟื้นคืนกลับมาแล้ว”

ทิโนทัยนิ่งอึ้ง แล้วสีหน้าก็แสดงออกมาถึงความตกใจ แล้วถาม: “คุณ…..คุณฟื้นฟูร่างกายดีแล้วเหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า ยิ้มแล้วพูด: “ครั้งนี้ต้องขอบคุณหมอทิเป็นอย่างมาก ค่าตอบแทนที่รับปากกับคุณไว้ผมทำตามสัญญาอย่าแน่นอน ถึงเวลาคุณก็แค่มาหาประดิพุทธิ์ก็พอ”

ทิโนทัยรู้สึกเพียงว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นเทพเจ้า เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับน้ำยาของตัวเองดี รู้ถึงสถานการณ์ของรพีพงษ์ อยากที่จะฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมา ให้เร็วที่สุดมันก็ต้องใช้เวลาถึงสองวัน

แต่ตอนนี้รพีพงษ์ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันครึ่งก็สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมาได้ นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำ

ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแต่มีความอดทนที่เหนือกว่าคนธรรมดา แม้แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของร่างกาย คนธรรมดาก็ไม่สามารถเทียบได้

หลังจากขอบคุณทิโนทัยเสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็เดินไปที่ห้องชั้นบน เขาแช่ในน้ำยาเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง และไม่รู้ว่าอารียาโทรหาเขาหรือเปล่า

เมื่อถึงชั้นบน รพีพงษ์ก็เห็นจารุณีที่กำลังนั่งดูทีวีพร้อมกับของว่างมากมาย จารุณีเห็นรพีพงษ์ขึ้นมา นิ่งเงียบผิดปกติ ครั้งนี้รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจ และตามเหตุผลที่ตัวเองคิดไว้คือ จารุณีควรจะวิ่งเข้ามาหาแล้วตะโกนโหวกเหวกข้างๆตัวเอง

ถ้าหากไม่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ก็แสดงได้ว่าจารุณีต้องทำเรื่องอะไรผิดมาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นท่าทางแววตาที่ร้อนตัวของจารุณี รพีพงษ์ก็ถามขึ้นมาว่า: “มีคนโทรมาหาฉันหรือเปล่า?”

จารุณีส่ายหัว แล้วพูด: “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของนายวางอยู่บนเตียง”

คำพูดของหล่อนที่ทำเรื่องไว้แล้วคิดปกปิดกลับยิ่งเปิดเผยออกมาก็ทำให้รพีพงษ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขารีบเข้าไปในห้องทันที หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ออกมาดู ก็ไม่มีสายที่ไม่ได้รับ

แต่เมื่อเขาเข้าไปดูบันทึกการโทร ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจากอารียาสิบกว่าสาย เวลาก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และสายสุดท้ายมีการรับสาย โทรศัพท์นี้ก็คงมีแต่จารุณีเท่านั้นที่รับสาย

รพีพงษ์รีบถือโทรศัพท์ออกไปข้างนอก จ้องไปที่จารุณีแล้วถาม: “เธอพูดอะไรกับภรรยาของฉัน?”

จารุณีก็กลัวทันที และพูดด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา: “ใครให้วันนั้นนายไม่พาฉันออกไปด้วยล่ะ ฉันโกรธมาก ก็เลยบอกว่านายตายแล้ว บอกให้หล่อนว่าอยากโทรมาอีก”

สีหน้าของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไป ถือสาเอาความกับจารุณีไปก็ไม่ใช่เรื่อง รีบโทรกลับไปหาอารียา เพื่อบอกกับเธอว่านี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากโทรกลับไป ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย และเขาก็ยังโทรติดต่ออีกหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย

รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันที ปกติแล้วอารียามักจะพกโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอด เหตุการณ์ที่ไม่มีคนรับจะไม่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ปกติ ตอนนี้โทรไปหลายสายแล้ว ก็ยังไม่มีคนรับสาย ใจของเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที

เขาก็โทรหาชัญญาหลายสาย แต่ไม่มีใครรับสาย ในใจเขาเริ่มกังวลขึ้นมา และสงสัยว่าจักรพันธ์อาจจะไปที่เมืองริเวอร์แล้ว

“เกิด…..เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าคำพูดไม่กี่คำของฉันภรรยาของนาย ก็ไม่สนใจนายแล้ว”จารุณีพูดอย่างเสียใจ

รพีพงษ์กลอกตามาที่เธอ อารียาไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพียงเพราะคำพูดของคนอื่นก็เชื่อว่าเขาตายไปแล้ว ตอนนี้อารียาไม่รับโทรศัพท์ ต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน

เขาไม่ลังเล รีบลงไปที่ข้างล่างตึก ให้ประดิพุทธิ์รีบซื้อตั๋วบินไปที่เมืองริเวอร์ที่ใกล้ที่สุด ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมาแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่อำเภอนกฟ้าต่อไปแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้จักรพันธ์ไปที่เมืองริเวอร์หรือยัง ถ้าหากจักรพันธ์ทำอะไรอารียา ก็คงต้องพึ่งไตรทศพวกเขาแล้ว กลัวแต่ว่าจะรับมือไม่ได้

ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด

เมืองริเวอร์ ที่ดงเย็น

อารียาเดินออกมาด้วยความเหม่อลอย เธอไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย เมื่อกี้ศศินัดดาเห็นว่าเธอดูท่าทางผิดปกติ ก็เลยออกมาเดินออกมาพร้อมกับเธอ แม้ว่าปากจะพูดปลอบใจ แต่ว่าสิ่งที่ศศินัดดาพูดมาคือให้อารียาลืมรพีพงษ์ไป แล้วหาคนที่ดีกว่าอะไรอีกมากมาย

อารียารู้สึกเหนื่อยใจ ดังนั้นจึงให้ศศินัดดากลับไป

ถ้าหากว่าเป็นเพียงแค่โทรศัพท์สายเดียว อารียาก็คงจะไม่เชื่อว่ารพีพงษ์ตายไปแล้ว แต่ว่าการปรากฏตัวของจักรพันธ์ทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่าในใจของเธอจะยังคงมีความหวังอันริบหรี่อยู่ แต่ความรู้สึกเศร้าในใจก็ยังไม่สามารถยับยั้งได้ ดังนั้นเธอจึงวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่บ้าน และต้องการออกมาเดินเล่นผ่อนคลายเพียงลำพัง

เมื่อมาถึงด้านนอกของดงเย็น อารียาก็เดินตรงไปตามถนนสายที่เมื่อก่อนตัวเองและรพีพงษ์ชอบมาเดินด้วยกัน

ไตรทศพาคนติดตามอยู่ข้างหลังอารียา เมื่ออารียาออกจากดงเย็น พวกเขาก็จะตามติดทันทีเพื่อจะคุ้มกันความปลอดภัยให้กับอารียา

พวกเขายังไม่รู้ข่าวคราวของรพีพงษ์ อารียาก็ไม่ได้บอกกับพวกเขา

“ดูท่าทางของพี่สะใภ้แล้ว มีบางอย่างผิดปกติ หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”พัชรพลถามไตรทศ

“ไม่น่ามีอะไรนะ แม้ว่าท่าทางจะดูเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไร”ไตรทศกล่าว

“นายว่า ที่พี่รพีมีเรื่องอะไรเกิดหรือเปล่า?”พัชรพลถาม

“หุบปากเน่าๆของแกซะ พี่รพีเก่งกาจขนาดนั้น จะเกิดเรื่องได้ยังไง บางทีมันอาจจะอารมณ์ไม่ดี”ไตรทศจ้องมองไปที่พัชรพล

เพราะกลัวที่จะรบกวนอารียา ไตรทศจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป

เมื่อผ่านทางเข้าซอย จู่ๆก็มีร่างหลายคนปรากฏตัวตรงหน้าอารียา และลากเธอเข้าไปในซอยทันที

อารียากรีดร้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับคืนมา

เมื่อพวกไตรทศเห็นสิ่งนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งตามเข้าไปในซอย

“ใครแม่รงกล้าหาญแบบนี้ กล้าลงมือกับพี่สะใภ้ เร็วเข้า อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”ไตรทศตะโกนเสียงดัง

หลังจากที่พวกเขารีบเข้าไปในซอย ก็มีคนชุดดำรอพวกเขาอยู่ไม่กี่คน ไตรทศพาพัชรพลรีบลงมือจัดการกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาไม่คิดถึงก็คือ คนพวกนี้มีพลังมาก และพวกเขาไม่สามารถสู้ได้

ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ไตรทศและคนอื่นๆก็ล้มลงกับพื้น

ในเวลานี้มีคนเดินออกจากซอยเพียงไม่กี่คน อารียาถูกจับโดยหนึ่งในนั้น และไม่มีทางขัดขืนได้

หัวหน้าคนเหล่านี้ คือจักรพันธ์ที่ใบหน้าบวมเขียวช้ำ

“ให้ตายเถอะ พวกแกห่วยขนาดนี้ ยังอยากจะเทียบชั้นกับยอดฝีมือของตระกูลลัดดาวัลย์อีกเหรอ? ถ้าเดาไม่ผิด พวกแกก็น่าจะเป็นคนที่รพีพงษ์ส่งมาใช้มั้ย จะบอกพวกแกให้นะ รพีพงษ์ตายแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมียของมันก็คือเมียของฉัน กูมาที่เชี้ยแบบนี้แล้วสองวัน รองรับความทรมานมากมายขนาดนี้ วันนี้จะต้องสนุกสนานกับหล่อนดีๆ ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะเข้าใจถึงความคับแค้นในใจของฉัน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท