บทที่257 อารียาถูกจับตัวไป
อำเภอนกฟ้า ในคฤหาสน์ของประดิพุทธิ์
ที่หน้าประตูห้องอาบน้ำยาของรพีพงษ์ มีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งสบายอยู่ ในเวลาเดียวกันก็ดื่มชาเพื่อเพิ่มความสดชื่น
เขาคนนี้คือแพทย์แผนจีนที่ประดิพุทธิ์หามาให้รพีพงษ์ และเขาผสมน้ำยาทั้งหมดที่รพีพงษ์ต้องการสำหรับการแช่น้ำยานี้
“ความอดทนเด็กคนนี้น่าทึ่งจริงๆ ตั้งแต่เข้าไปผ่านมาแล้วหนึ่งวันครึ่ง แต่ก็ไม่มีตั้งใจจะออกมาสักที”ชายชราพึมพำกับตัวเอง
ในบรรดาของน้ำยาที่เขาเตรียมไว้ให้รพีพงษ์นั้น มีส่วนผสมหลายชนิดของยาจะมีปฏิกิริยาโดยตรงกับร่างกาย ทั้งแสบทั้งคัน อยู่ในนี้เป็นเวลานานๆ ก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ทนไม่ไหว
จากการคำนวณของชายชรา อย่างมากรพีพงษ์ก็ทนอยู่ในนี้เป็นเวลาได้แค่หนึ่งวัน ก็จะออกมาจากข้างในอย่างช้าๆ นี่ถือว่าเป็นความอดทนสองเท่าของขีดจำกัดของคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ว่ารพีพงษ์กลับอยู่ในนั้นเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง ไม่มีสัญญาณใดๆว่าไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้
ในเวลานี้ประดิพุทธิ์เดินเข้ามาจากด้านนอก เขาเดินเข้ามาหาชายชรา กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “หมอทิ เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับตัวเอง?”
ชายชรามีชื่อว่าทิโนทัย เป็นหมอยาจีนที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีในอำเภอนกฟ้า สถานะของเขาที่นี่ ไม่น้อยไปกว่าสถานะของชุติเทพที่อยู่เมืองริเวอร์
ทิโนทัยยิ้มให้กับประดิพุทธิ์ แล้วกล่าวว่า: “ฉันกำลังชื่นชมความอดทนของพี่ชายของคุณ โดยทั่วไป คนปกติไม่สามารถจะทนได้หลังจากแช่น้ำยาของฉันเป็นเวลาไปแล้วครึ่งวัน และออกมาเพื่อสูบลมหายใจ แต่พี่ชายของคุณเข้าไปแล้วหนึ่งวันครึ่ง ซึ่งมันน่าทึ่งจริงๆ”
ประดิพุทธิ์เบิกตากว้าง แล้วพูด: “คงไม่ใช่ว่าน้ำยาของคุณไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณพูด ตอนที่ผมดูคุณผสมยา ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย มันเป็นแค่น้ำยาสีดำถังหนึ่งเอง ถ้าเกิดเป็นผม ผมก็สามารถฝืนทนอยู่ข้างในได้หลายๆวันเลย”
เมื่อทิโนทัยเห็นประดิพุทธิ์พูดเช่นนี้ ก็เบิกตากว้างทันที แล้วพูด: “คุณดูถูกน้ำยาที่ฉันผสมออกมาก พอดีว่าตอนที่ฉันผสมยายังมีเหลืออยู่บ้าง ก็มีอยู่ที่ในข้างๆห้องนี้ ยานี้มีผลประโยชน์มากต่อร่างกาย ไม่มีโรคก็สามารถแช่ได้ ในเมื่อคุณคิดว่าน้ำยาของฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น อย่างนั้นคุณก็ควรเข้าไปแช่ดู ดูสิว่าคุณจะฝืนทนแช่ได้นานแค่ไหนกัน”
ประดิพุทธิ์ยิ้มขึ้นมาทันที แล้วพูด: “แช่ก็แช่ ก็แค่น้ำยาเอง ผมสามารถแช่ได้นานเท่าที่ผมอยากแช่ ผมไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะน่ากลัวอย่างที่คุณพูด”
หลังจากพูดจบ ประดิพุทธิ์ก็เดินไปเข้าที่ห้องข้างๆ
ทิโนทัยก็ยังคงนั่งด้านนอกต่อ เขาไม่เชื่อว่าอานุภาพน้ำยาของเขาจะแย่ขนาดนี้ แม้ว่าความอดทนของรพีพงษ์จะผิดปกติ แต่ความอดทนประดิพุทธิ์คงจะทนได้ไม่เท่ากับรพีพงษ์แน่
แวบแรกเขาก็สามารถมองออกว่าประดิพุทธิ์ที่มีอารมณ์ใจร้อนแบบนั้น ความอดทนสำหรับเขาแล้ว น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ถนัด แต่กลับรพีพงษ์ไม่เหมือนกัน แวบแรกที่ทิโนทัยเห็นรพีพงษ์ เขาก็รู้สึกถึงสุดลึกล้ำที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แววตาของรพีพงษ์ มีความอดทนที่สร้างขึ้นมาหลายปี คนธรรมดาไม่สามารถทำตามได้
ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์อยู่ในนั้นมาเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง ทิโนทัยก็รู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่แรกเขา ก็รู้เลยว่ารพีพงษ์แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างแน่นอน
เกือบสามชั่วโมงต่อมา ประดิพุทธิ์ที่อยู่ในห้องข้างๆก็มีเสียงบ่นด่าโวยวายออกมา จากนั้น สีหน้าของประดิพุทธิ์เต็มไปด้วยความไม่พอใจวิ่งออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าทิโนทัย แล้วพูด: “ในน้ำยาของคุณใส่อะไรลงไป? ทำไมพอถึงช่วงหลังๆร่างกายเหมือนกับโดนไฟเผาไหม้ และมีอาการคันราวกับมดหนึ่งหมื่นตัวที่คลานอยู่บนร่างกาย มันทำให้คนทนไม่ไหวจริงๆ”
สีหน้าของทิโนทัยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แล้วพูด: “ฉันก็บอกกับคุณไปแล้ว ว่าน้ำยาของฉันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถฝืนทนได้ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าน้ำยาของฉันสุดยอดขนาดไหน”
สีหน้าของประดิพุทธิ์แสดงออกถึงความชื่นชม จากนั้นก็หันหน้าไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ในห้อง พร้อมกับพึมพำว่า: “น้ำยาที่น่ากลัวขนาดนี้ พี่รพีฝืนทนมาได้หนึ่งวันครึ่ง ดูแล้วระหว่างผมกับพี่ ก็ยังมีความแตกต่างที่ยากจะชดเชยได้อีกมาก”
ในเวลานี้ก็มีเสียงดังมาจากห้องรพีพงษ์ ทิโนทัยหันไปมอง แล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่สามารถฝืนทนไปได้อีกแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาจะสามารถทนฝืนไปให้ครบเป็นเวลาสองวัน ดูเหมือนว่าหนึ่งวันครึ่งจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว”
ในไม่ช้า เปิดประตูห้องของรพีพงษ์ก็เปิดออกมา รพีพงษ์ที่เปลี่ยนชุดก็เดินออกมาจากข้างใน ทิโนทัยก็รีบเข้าไป แล้วพูดว่า: “ไม่สามารถฝืนทนต่อไปได้แล้วใช้มั้ย คุณสามารถฝืนทนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เดี๋ยวค่อยเข้าไป แต่ว่าทำไมคุณถึงใส่เสื้อผ้าแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ต้องถอดออกมาอีก ยุ่งยากมาก”
รพีพงษ์ยิ้มและเหลือบมองไปที่ทิโนทัย แล้วพูด: “ไม่ต้องถอดแล้วล่ะ ร่างกายผมฟื้นคืนกลับมาแล้ว”
ทิโนทัยนิ่งอึ้ง แล้วสีหน้าก็แสดงออกมาถึงความตกใจ แล้วถาม: “คุณ…..คุณฟื้นฟูร่างกายดีแล้วเหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า ยิ้มแล้วพูด: “ครั้งนี้ต้องขอบคุณหมอทิเป็นอย่างมาก ค่าตอบแทนที่รับปากกับคุณไว้ผมทำตามสัญญาอย่าแน่นอน ถึงเวลาคุณก็แค่มาหาประดิพุทธิ์ก็พอ”
ทิโนทัยรู้สึกเพียงว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นเทพเจ้า เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับน้ำยาของตัวเองดี รู้ถึงสถานการณ์ของรพีพงษ์ อยากที่จะฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมา ให้เร็วที่สุดมันก็ต้องใช้เวลาถึงสองวัน
แต่ตอนนี้รพีพงษ์ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันครึ่งก็สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมาได้ นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแต่มีความอดทนที่เหนือกว่าคนธรรมดา แม้แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของร่างกาย คนธรรมดาก็ไม่สามารถเทียบได้
หลังจากขอบคุณทิโนทัยเสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็เดินไปที่ห้องชั้นบน เขาแช่ในน้ำยาเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง และไม่รู้ว่าอารียาโทรหาเขาหรือเปล่า
เมื่อถึงชั้นบน รพีพงษ์ก็เห็นจารุณีที่กำลังนั่งดูทีวีพร้อมกับของว่างมากมาย จารุณีเห็นรพีพงษ์ขึ้นมา นิ่งเงียบผิดปกติ ครั้งนี้รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจ และตามเหตุผลที่ตัวเองคิดไว้คือ จารุณีควรจะวิ่งเข้ามาหาแล้วตะโกนโหวกเหวกข้างๆตัวเอง
ถ้าหากไม่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ก็แสดงได้ว่าจารุณีต้องทำเรื่องอะไรผิดมาอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางแววตาที่ร้อนตัวของจารุณี รพีพงษ์ก็ถามขึ้นมาว่า: “มีคนโทรมาหาฉันหรือเปล่า?”
จารุณีส่ายหัว แล้วพูด: “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของนายวางอยู่บนเตียง”
คำพูดของหล่อนที่ทำเรื่องไว้แล้วคิดปกปิดกลับยิ่งเปิดเผยออกมาก็ทำให้รพีพงษ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขารีบเข้าไปในห้องทันที หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ออกมาดู ก็ไม่มีสายที่ไม่ได้รับ
แต่เมื่อเขาเข้าไปดูบันทึกการโทร ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจากอารียาสิบกว่าสาย เวลาก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และสายสุดท้ายมีการรับสาย โทรศัพท์นี้ก็คงมีแต่จารุณีเท่านั้นที่รับสาย
รพีพงษ์รีบถือโทรศัพท์ออกไปข้างนอก จ้องไปที่จารุณีแล้วถาม: “เธอพูดอะไรกับภรรยาของฉัน?”
จารุณีก็กลัวทันที และพูดด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา: “ใครให้วันนั้นนายไม่พาฉันออกไปด้วยล่ะ ฉันโกรธมาก ก็เลยบอกว่านายตายแล้ว บอกให้หล่อนว่าอยากโทรมาอีก”
สีหน้าของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไป ถือสาเอาความกับจารุณีไปก็ไม่ใช่เรื่อง รีบโทรกลับไปหาอารียา เพื่อบอกกับเธอว่านี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากโทรกลับไป ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย และเขาก็ยังโทรติดต่ออีกหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย
รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันที ปกติแล้วอารียามักจะพกโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอด เหตุการณ์ที่ไม่มีคนรับจะไม่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ปกติ ตอนนี้โทรไปหลายสายแล้ว ก็ยังไม่มีคนรับสาย ใจของเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที
เขาก็โทรหาชัญญาหลายสาย แต่ไม่มีใครรับสาย ในใจเขาเริ่มกังวลขึ้นมา และสงสัยว่าจักรพันธ์อาจจะไปที่เมืองริเวอร์แล้ว
“เกิด…..เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าคำพูดไม่กี่คำของฉันภรรยาของนาย ก็ไม่สนใจนายแล้ว”จารุณีพูดอย่างเสียใจ
รพีพงษ์กลอกตามาที่เธอ อารียาไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพียงเพราะคำพูดของคนอื่นก็เชื่อว่าเขาตายไปแล้ว ตอนนี้อารียาไม่รับโทรศัพท์ ต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน
เขาไม่ลังเล รีบลงไปที่ข้างล่างตึก ให้ประดิพุทธิ์รีบซื้อตั๋วบินไปที่เมืองริเวอร์ที่ใกล้ที่สุด ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมาแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่อำเภอนกฟ้าต่อไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้จักรพันธ์ไปที่เมืองริเวอร์หรือยัง ถ้าหากจักรพันธ์ทำอะไรอารียา ก็คงต้องพึ่งไตรทศพวกเขาแล้ว กลัวแต่ว่าจะรับมือไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด
เมืองริเวอร์ ที่ดงเย็น
อารียาเดินออกมาด้วยความเหม่อลอย เธอไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย เมื่อกี้ศศินัดดาเห็นว่าเธอดูท่าทางผิดปกติ ก็เลยออกมาเดินออกมาพร้อมกับเธอ แม้ว่าปากจะพูดปลอบใจ แต่ว่าสิ่งที่ศศินัดดาพูดมาคือให้อารียาลืมรพีพงษ์ไป แล้วหาคนที่ดีกว่าอะไรอีกมากมาย
อารียารู้สึกเหนื่อยใจ ดังนั้นจึงให้ศศินัดดากลับไป
ถ้าหากว่าเป็นเพียงแค่โทรศัพท์สายเดียว อารียาก็คงจะไม่เชื่อว่ารพีพงษ์ตายไปแล้ว แต่ว่าการปรากฏตัวของจักรพันธ์ทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ
แม้ว่าในใจของเธอจะยังคงมีความหวังอันริบหรี่อยู่ แต่ความรู้สึกเศร้าในใจก็ยังไม่สามารถยับยั้งได้ ดังนั้นเธอจึงวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ที่บ้าน และต้องการออกมาเดินเล่นผ่อนคลายเพียงลำพัง
เมื่อมาถึงด้านนอกของดงเย็น อารียาก็เดินตรงไปตามถนนสายที่เมื่อก่อนตัวเองและรพีพงษ์ชอบมาเดินด้วยกัน
ไตรทศพาคนติดตามอยู่ข้างหลังอารียา เมื่ออารียาออกจากดงเย็น พวกเขาก็จะตามติดทันทีเพื่อจะคุ้มกันความปลอดภัยให้กับอารียา
พวกเขายังไม่รู้ข่าวคราวของรพีพงษ์ อารียาก็ไม่ได้บอกกับพวกเขา
“ดูท่าทางของพี่สะใภ้แล้ว มีบางอย่างผิดปกติ หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”พัชรพลถามไตรทศ
“ไม่น่ามีอะไรนะ แม้ว่าท่าทางจะดูเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไร”ไตรทศกล่าว
“นายว่า ที่พี่รพีมีเรื่องอะไรเกิดหรือเปล่า?”พัชรพลถาม
“หุบปากเน่าๆของแกซะ พี่รพีเก่งกาจขนาดนั้น จะเกิดเรื่องได้ยังไง บางทีมันอาจจะอารมณ์ไม่ดี”ไตรทศจ้องมองไปที่พัชรพล
เพราะกลัวที่จะรบกวนอารียา ไตรทศจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป
เมื่อผ่านทางเข้าซอย จู่ๆก็มีร่างหลายคนปรากฏตัวตรงหน้าอารียา และลากเธอเข้าไปในซอยทันที
อารียากรีดร้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับคืนมา
เมื่อพวกไตรทศเห็นสิ่งนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งตามเข้าไปในซอย
“ใครแม่รงกล้าหาญแบบนี้ กล้าลงมือกับพี่สะใภ้ เร็วเข้า อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”ไตรทศตะโกนเสียงดัง
หลังจากที่พวกเขารีบเข้าไปในซอย ก็มีคนชุดดำรอพวกเขาอยู่ไม่กี่คน ไตรทศพาพัชรพลรีบลงมือจัดการกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาไม่คิดถึงก็คือ คนพวกนี้มีพลังมาก และพวกเขาไม่สามารถสู้ได้
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ไตรทศและคนอื่นๆก็ล้มลงกับพื้น
ในเวลานี้มีคนเดินออกจากซอยเพียงไม่กี่คน อารียาถูกจับโดยหนึ่งในนั้น และไม่มีทางขัดขืนได้
หัวหน้าคนเหล่านี้ คือจักรพันธ์ที่ใบหน้าบวมเขียวช้ำ
“ให้ตายเถอะ พวกแกห่วยขนาดนี้ ยังอยากจะเทียบชั้นกับยอดฝีมือของตระกูลลัดดาวัลย์อีกเหรอ? ถ้าเดาไม่ผิด พวกแกก็น่าจะเป็นคนที่รพีพงษ์ส่งมาใช้มั้ย จะบอกพวกแกให้นะ รพีพงษ์ตายแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมียของมันก็คือเมียของฉัน กูมาที่เชี้ยแบบนี้แล้วสองวัน รองรับความทรมานมากมายขนาดนี้ วันนี้จะต้องสนุกสนานกับหล่อนดีๆ ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะเข้าใจถึงความคับแค้นในใจของฉัน!”