พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 473 พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม

บทที่ 473 พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม

บทที่ 473 พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม

เมื่อเห็นว่าชัยภัทรอึ้งไป ธฤตญาณจึงพูดว่า “ยืนอึ้งอะไรอยู่ เรียกเขาว่าพี่สิ”

ชัยภัทรหลุดออกจากภวังค์ เขาคิดในใจว่าถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร แต่ในเมื่อธฤตญาณให้เขาเรียก เขาก็เรียก

เขามองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “พี่รพี”

รพีพงษ์หยักหน้าเบาๆ และไม่ได้พูดอะไร

ชัยภัทรรู้สึกเพียงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเย็นชาเหลือเกิน เขาเรียกว่าพี่ แต่กลับตอบกลับมาแค่พยักหน้า แถมเขาก็แค่คนทั่วไปที่ตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แต่เพราะเห็นแก่หน้าของธฤตญาณ เขาจึงทำได้เพียงเก็บความไม่พอใจเอาไว้

“เมื่อกี้ตอนเข้ามา คนของธรรมนาถจะให้รพีพงษ์จ่ายเงินค่าเข้าให้ได้ รพีพงษ์จึงจัดการมันไปไม่น้อย เดี๋ยวธรรมนาถคงจะพาคนมา ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงห้ามเอาส่วนแบ่งให้มันเด็ดขาด นายอย่าอ่อนข้อให้มัน ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวธรรมนาถกับถิรพุทธิ์อีก” เมื่อธฤตญาณเห็นชัยภัทรทักทายรพีพงษ์ เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ชัยภัทรฟัง

ชัยภัทรได้ฟังจึงขมวดคิ้วขึ้น “พี่ธฤต ช่วงนี้ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์มันจับตามองเราอยู่ มันอยากจะเอาส่วนแบ่งที่เป็นของเราไป เกิดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ ผมว่ามันจะไม่ดีกับเรา”

เขาไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมาอย่างชัดเจน แต่ฟังออกว่าเขากำลังโทษการกระทำของรพีพงษ์

ธฤตญาณมองเขาแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไง หลังจากนี้นายไม่ต้องกังวลเรื่องของธรรมนาถกับถิรพุทธิ์อีก มีรพีพงษ์อยู่ ไม่แน่วันนี้เราอาจจะแย่งส่วนแบ่งมาจากมือของทั้งสองคนนั้นก็ได้”

ชัยภัทรอึ้งไป เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ ธฤตญาณคิดว่าคนธรรมดาแบบนี้จะแย่งส่วนแบ่งมาจากมือของธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้อย่างนั้นเหรอ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไป

แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงดังวุ่นวายก็ดังขึ้นจากไม่ไกล พวกเขามองไปตามเสียงนั้น และพบว่ามีกลุ่มคนท่าทางเกรี้ยวกราดกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา คนที่เดินนำมาคือคนคิ้วเข้มที่ชื่อว่าธรรมนาถ

ชายร่างกายกำยำเมื่อครู่สีหน้าถมึงทึง เขากุมแขนของตัวเองยืนอยู่ข้างธรรมนาถ สีหน้าของเขาดูอาฆาตมาก

ชัยภัทรเห็นดังนั้น จึงแอบก่นด่าในใจ และรีบส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ไม่ไกลรีบเข้ามา ดูท่าทางของธรรมนาถน่าจะเกิดเรื่องในไม่ช้า

“ธฤตญาณ ชัยภัทร พวกแกทำอะไร กล้าทำให้แขนของลูกพี่ลูกน้องของฉันหลุดเหรอ แกอยากแตกคอกับฉันใช่ไหม ฉันเห็นพวกแกขวางหูขวางตามานานแล้ว ถ้าแกไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป งั้นเราก็มาสู้กัน ให้พวกแกยอมแพ้แล้วออกไปจากเมืองแทยก” ธรรมนาถตะโกนใส่พวกธฤตญาณ

“หึหึ ดูเหมือนว่าธฤตญาณจะไม่พอใจตั้งแต่ส่วนแบ่งครั้งที่แล้ว พูดตรงๆ นะ พวกธฤตญาณมันขวางหูขวางตาฉันมานานแล้ว ถ้าธรรมนาถจะสู้กับมัน ฉันกะว่าจะร่วมด้วย”

ขณะนั้นเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น คนที่เพิ่งมาก็คือถิรพุทธิ์

ชัยภัทรเห็นดังนั้นจึงกระวนกระวายขึ้นมา ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์แอบไปคุยกันเป็นการส่วนตัว เขาคิดจะไล่พวกธฤตญาณออกจากเมืองแทยกตลอดเวลา

แต่ทว่าไม่มีเหตุผลมากพอ และพวกเขาก็ไม่สามารถทำร้ายพวกธฤตญาณได้ วันนี้รพีพงษ์ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของธรรมนาถ จึงทำให้พวกเขามีข้ออ้างในการทำร้ายพวกธฤตญาณ

เดิมทีชัยภัทรดูแลสถานการณ์ของที่นี่มันก็ยากอยู่แล้ว พอรพีพงษ์มาก็ทำให้เรื่องวุ่นวายทันที ถึงธฤตญาณจะเคารพรพีพงษ์แค่ไหน แต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี

“ทั้งสองท่าน ผมว่านี่คือเรื่องเข้าใจผิด คนที่ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของธรรมนาถคือคนที่เพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้กฎของที่นี่ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะออกค่ารักษาให้ลูกพี่ลูกน้องของนายเอง” ชัยภัทรรีบพูดขึ้นมา เพื่อทำให้เรื่องดีขึ้น

“ค่ารักษา? ให้ตายเถอะ แกคิดว่าฉันออกค่ารักษาแค่นี้ไม่ได้เหรอ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของลูกพี่ลูกน้องฉัน เงินมาแค่ไหนก็ไม่สามารถสะสางเรื่องนี้ได้หรอก ถ้าแกอยากให้เรื่องนี้จบง่ายๆ งั้นก็เรียกไอ้คนที่ทำร้ายเขาออกมา ให้มันคุกเข่าขอโทษลูกพี่ลูกน้องฉันต่อหน้าทุกคน แล้วก็ให้ลูกพี่ลูกน้องฉันบิดแขนมันด้วย จากนั้นฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกแกอีก ไม่งั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่!” ธรรมนาถพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

ชัยภัทรได้ยินที่ธรรมนาถพูด เขาหันไปมองรพีพงษ์เหมือนจะบอกให้รพีพงษ์ออกไปจัดการเรื่องที่ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์มาข่มขู่พวกเขา

ขณะนั้นธฤตญาณก็ก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว แล้วพูดกับธรรมนาถว่า “อย่าคิดว่าตัวเองทำถูก ลูกพี่ลูกน้องของนายไม่โดนซัดตายก็ถือว่าบุญแล้ว อีกอย่างถิรพุทธิ์นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวกนายร่วมมือกันและพยายามไล่ฉันออกจากที่นี่ ฉันจะบอกให้นะ ที่ฉันมาวันนี้ ฉันต้องการทำให้พวกนายรู้ว่าพวกนายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น!”

ชัยภัทรได้ยินสิ่งที่ธฤตญาณพูดก็หน้าเปลี่ยนสี นี่เขากำลังฉีกหน้าธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ชัดๆ

ถ้าวันนี้จัดการสองคนนั้นไม่ได้ ไม่ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาเลย

แต่ว่าคนที่เป็นต้นเรื่องคือธฤตญาณ เขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้อีก

เขามองรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ และคิดในใจว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะรพีพงษ์ ถ้าเขาทำลายสิ่งที่สร้างไว้ที่เมืองแทยก ถึงธฤตญาณจะห้ามเขา เขาก็ไม่ปล่อยรพีพงษ์ไปแน่

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์มองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะไม่ยอมอ่อนข้อ และฉีกหน้าพวกเขา

แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตกใจอะไร และยิ้มออกมา นี่คือผลที่พวกเขาต้องการ ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น พวกเขาถึงจะไล่ธฤตญาณออกจากเมืองแทยกได้

“ไอ้เวรเอ๊ย ฉันว่าแกอยากมีเรื่องใช่ไหม ในเมื่อพูดด้วยดีๆไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังแล้วล่ะ อย่าหาว่าพวกฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” ธรรมนาถตะโกนใส่ธฤตญาณ และกำลังจะเข้ามาหาเรื่อง

ขณะนั้นรพีพงษ์เดินเข้ามา เขามองไปยังคนพวกนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน “ขึ้นไปบนเวทีเถอะ เรื่องวันนี้ฉันจะจัดการกับพวกแกเอง”

ธรรมนาถมองรพีพงษ์อย่างประเมิน เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “แกน่ะเหรอ จะขึ้นไปสู้บนเวทีกับฉัน?”

“ไม่ใช่แก แต่เป็นพวกแกทั้งสองคน” รพีพงษ์ชี้ไปที่ถิรพุทธิ์ “พวกแกสองคนขึ้นไปบนเวทีกับฉัน ถ้าพวกแกชนะ ฉันจะยกส่วนแบ่งของธฤตญาณให้พวกแกทั้งหมด แต่ถ้าพวกแกแพ้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสนามประลองในเมืองแทยก ต้องเป็นของธฤตญาณ”

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้ทั้งสนามประลองตกอยู่ในความเงียบไปหลายวินาที จากนั้นคนใหญ่ก็หัวเราะออกมา

“ไอ้หมอนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า มันจะขึ้นไปสู้กับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ แถมยังเดิมพันกับส่วนแบ่งของธฤตญาณอีก หรือธฤตญาณมันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เลยให้ไอ้คนที่ไม่รู้ชั่วดีมาทำลายชีวิตเขา”

“หนึ่งคนสู้กับสองคนเหรอ ตั้งแต่ฉันอยู่ในสนามประลอง ไม่เคยมีใครอวดดีขนาดนี้เลยนะ ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์เป็นคนที่รับมือยากอันดับต้นๆ เลยนะ ไม่ต้องพูดถึงทั้งสองคนเลย”

“ให้ตายเหอะ รนหาที่ตายชัดๆ ธฤตญาณคงไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ ถึงให้ไอ้โง่ที่ไหนไม่รู้มาท้าประลองกับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่”

……

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้ชัยภัทรหน้าเปลี่ยนสี เขารีบหันไปมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายอย่ามาพูดล้อเล่นแถวนี้ นายพูดแบบนั้นออกไป อาจจะไม่สามารถคืนคำได้นะ”

รพีพงษ์เหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมไม่ได้ล้อเล่น”

“ไอ้เด็กน้อย นายจะขึ้นไปประลองกับพวกฉันสองคนจริงๆ เหรอ ฉันจะบอกให้นะ พวกเราไม่ได้คิดว่าการที่สองรุมหนึ่งจะเป็นเรื่องน่าอายอะไรหรอกนะ ถ้าแกเอาส่วนแบ่งของธฤตาณมาได้จริง พวกเราจะรีบขึ้นไปบนเวทีทันที” ถิรพุทธิ์จ้องรพีพงษ์แล้วพูดขึ้น

“เขาพูดถูกแล้ว พวกนายสองคนขึ้นไปสู้กับเขา ถ้าพวกแกชนะ ฉันจะเอาส่วนแบ่งให้พวกแกทั้งหมด แต่ถ้าแกแพ้ แกต้องเอาส่วนแบ่งทั้งหมดมาให้ฉัน!” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างพากันอึ้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะพูดสนับสนุนรพีพงษ์ด้วยตัวเอง

พวกเขาคิดว่า ธฤตญาณบ้าไปแล้วถึงทำเช่นนี้

ชัยภัทรตกใจเหมือนเห็นผี เขารีบพูดกับธฤตญาณว่า “พี่ธฤต พี่อย่าพูดล้อเล่นสิ ใช่ว่าพี่จะไม่รู้ถึงพละกำลังของพวกเขา โอกาสที่พี่รพีจะชนะพวกเขามีน้อยมาก พวกเราจะเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

“มันไม่ใช่เรื่องเสี่ยง แต่เขาชนะแน่นอน นายไม่ต้องสนใจหรอก ผ่านวันนี้ไป ฉันจะให้นายดูแลสนามประลองทั้งหมด” ธฤตญาณพูดด้วยความจริงจัง

ไม่ว่าชัยภัทรจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่รู้สึกว่ารพีพงษ์จะเอาชนะสองคนนั้นได้ แต่ว่ากันตามเนื้อผ้า นี่มันเป็นเรื่องของธฤตญาณ เขาเป็นผู้รับผิดชอบดูแลที่นี่เท่านั้น เขาจึงกลืนคำที่จะพูดออกมาลงไปเหมือนเดิม

เมื่อธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้ยินธฤตญาณพูดยืนยันด้วยตัวเอง จึงหัวเราะออกมา ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็ไม่อยากระดมลูกน้องมาสู้เหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้มีวิธีที่ง่ายขนาดนี้ เขาก็ยอมรับอย่างเต็มใจ

“ได้ ในเมื่อธฤตญาณพูดออกมาเอง งั้นฉันตกลงตามที่บอกไว้” ธรรมนาถเอ่ยขึ้น

“ฉันก็จะร่วมด้วย ในเมื่อเราชนะอยู่แล้ว นายเอาส่วนแบ่งของนายมาให้เราเปล่าๆ ทำไมเราจะไม่ตกลงล่ะ” ถิรพุทธิ์หัวเราะแล้วพูดออกมา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนตอบตกลง รพีพงษ์ไม่ปล่อยให้เสียเวลาอีก เขาขึ้นไปบนเวทีประลอง

ถึงเขาจะช่วยธฤตญาณแย่งส่วนแบ่งมา แต่นั่นก็แค่การทำไปเล่นๆ จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ก็คือการระบายอารมณ์

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์เห็นรพีพงษ์ขึ้นไปบนเวที เขาก็ขึ้นไปบนเวที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

ทุกคนพากันเดินเข้าไปล้อมรอบเวที เพื่อที่จะดูการประลองครั้งนี้ว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ

ชัยภัทรถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคิดในใจว่า ถ้าผ่านคืนนี้ไป พวกเขาต้องโดนไล่ออกจากเมืองแทยกแน่นอน

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ขึ้นมาอยู่บนเวที ทั้งสองมองไปยังรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ในสายตาของพวกเขารพีพงษ์ก็แค่ไก่อ่อน ถึงจะมีฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคน

รพีพงษ์เหลือบมองทั้งสองคน แล้วพูดพึมพำว่า “วันนี้ฉันไม่ออมมือแน่นอน พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท