พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 482 ผู้หญิงไร้สมอง

บทที่ 482 ผู้หญิงไร้สมอง

บทที่ 482 ผู้หญิงไร้สมอง

รพีพงษ์ได้ยินการคาดเดาของนันทิตา ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือยิ้มดี ความสามารถในการเชื่อมโยงความคิดของผู้หญิงคนนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เกินไปแล้วจริงๆ กลับนึกว่าไกรเดชมาเล่นละครกับเขาโดยเฉพาะ

ไกรเดชก็ทำหน้าที่ตกตะลึง ทีแรกเขานึกว่าตัวเองบอกว่ารพีพงษ์เป็นแขกผู้มีเกียรติของเขา คนพวกนี้ก็จะรีบขอโทษรพีพงษ์ทันที ทว่าทำให้เขานึกไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนี้กลับสงสัยว่าเขามาแสดงละครกับรพีพงษ์ ความคิดแบบนี้เขาก็เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก

“คุณบอกว่าใครแสดงละคร ผมจำเป็นต้องแสดงละครกับคุณด้วยหรอ? ” ไกรเดชจับจ้องนันทิตาไว้

นันทิตารีบพูดขึ้น “ดูเร็วเข้า เพราะว่าเขาถูกฉันแฉความจริง ฉะนั้นเลยทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย โดยทั่วไปคนที่ถูกแฉคำโกหกก็มักจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ต้องเป็นพวกเดียวกับผู้ชายไร้ความสามารถคนนี้แน่นอน! ”

ใบหน้าของเธอเคล้าด้วยความได้ใจ รู้สึกว่าตัวเองสามารถมองทะลุฐานะพวกเดียวกับรพีพงษ์ได้อย่างเก่งกาจ และอยากจะเป็นฝ่ายชื่นชมตัวเองจนใจจะขาด

ที่ผ่านมาไกรเดชเป็นคนที่เรียบง่าย ต่อให้มีฐานะที่สูงส่ง เขายังคงยึดหลักในการขยันอดออมมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่แพงมาก แค่ใส่เสื้อที่เหมาะกับตัวเองก็พอแล้ว

รวมไปถึงปกติเขาต้องจัดการกับงานและการพบปะทางธุรกิจมากมาย เวลานานๆ ไป แน่นอนว่าต้องมีการผมร่วงและท้องโตเพราะดื่มเบียร์มากเกินไป

นี่จึงทำให้เขาดูเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่น่ารังเกียจ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้กลับถูกนันทิตาสงสัยในหลักฐานของเขา

หัวหน้ารปภ.และประเวก ทั้งสองคนกำลังสังเกตมองไกรเดชอย่างละเอียด รู้สึกว่านันทิตาพูดได้ค่อนข้างมีเหตุผล โดยเฉพาะหัวหน้ารปภ. เพราะว่านันทิตาได้ล้างสมองให้เขาเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินได้เห็น ดังนั้นเขาคิดว่ารพีพงษ์มาสร้างเรื่องก่อกวนที่นี่มาโดยตลอด งั้นเพื่อนของเขาก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไร

“พวกคุณสองคน รีบบอกพวกผมว่าพวกคุณมาทำอะไรที่นี่ ไม่งั้นตอนนี้จะจับพวกคุณไปไต่สวนอย่างเข้มงวด” หัวหน้ารปภ.ขึงตามองรพีพงษ์และไกรเดชพร้อมกับพูดขึ้น

“เมื่อกร้ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วหรือไง พวกเขาสองคนมาสร้างเรื่องก่อกวน ไอ้หมอนี่อยากไปห้องมังกร ได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของพวกคุณ แขกข้างในเป็นตั้งผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่า ถ้าถูกเขาเข้าไปก่อกวนจริงๆ ร้านอาหารนี้ของพวกคุณก็คงเปิดต่อไม่ได้อีกต่อไป” ประเวกแสยะยิ้มแล้วจับจ้องรพีพงษ์และไกรเดชทั้งสองคนไว้

หัวหน้ารปภ.จึงรู้สึกตกใจในใจ นึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์กลับอยากจะไปหาเรื่องคนใหญ่คนโตท่านนั้น นี่ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถรับผิดชอบได้

เขาหันไปมองรปภ.พวกนั้นที่อยู่ข้างหลังตนเอง แล้วตะโกนขึ้น “พวกนายยังนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวพวกเขาสองคนอีก! ”

“เหลวไหลไปกันใหญ่! ฉันนี่แหละเป็นผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่า ฉันจะคอยดูว่าพวกแก ใครกันที่แก้ลงไม้ลงมือ! ” ไกรเดชทำเสียงเย็นชาในลำคอ นึกไม่ถึงว่าเขามาต้อนรับรพีพงษ์ กลับกลายเป็นเรื่องตลกแบบนี้

“เลิกเสแสร้งได้แล้ว แกงั้นหรอ ยังเป็นผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่าอีก มีปัญญาก็โม้ให้เว่อร์กว่านี้สิ แกก็ไม่กลัวว่าจะโดนไข่ของตัวเองหรือไง! ” ประเวกเยาะเย้ยและดูหมิ่นด้วยเสียงเย็นชา

นันทิตาก็ทำท่าทางที่ชมเรื่องสนุกๆ แล้วไม่อยากจะข้องเกี่ยวใดๆ จากนั้นก็ชี้ประเวกแล้วพูดขึ้น “น้าชายของเขาเป็นตั้งคนที่ติดตามผู้รับผิดชอบ หรือว่ายังไม่รู้ว่าผู้รับผิดชอบท่านนั้นมีหน้าตายังไง? คุณก็อย่าเสแสร้งไปเลย การโต้เถียงของพวกคุณไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป”

ถึงแม้ประเวกไม่รู้ว่าหน้าตาของผู้รับผิดชอบเป็นยังไง ทว่าเขากลับไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้ตรงหน้าจะคนใหญ่คนโตท่านนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจคำพูดของนันทิตา

ไกรเดชหันไปมองประเวก แล้วทำสีหน้าที่หม่นหมอง “น้าชายของนายชื่อว่าอะไร? ”

“น้าชายของฉันเป็นตั้งคนที่ติดตามคนใหญ่คนโต ฉันบอกชื่อของเขาให้แกไปทำไม พวกแกสองคนรีบไสหัวไปเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวถ้าน้าชายฉันมา ก็ยิ่งแฉความจริงของพวกแกสองคนโดยตรง” ประเวกพูดอย่างได้ใจ

หัวหน้ารปภ.ไม่มีความอดทนที่เสียเวลาอีกต่อไป เขาต้องพาสองคนนี้จากไปก่อน ไม่งั้นคนที่สัญจรไปมาในห้องโถงใหญ่นี้เห็นเขาตลอดก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร

ตอนที่เขากำลังจะให้ลูกน้องของตัวเองลงไม้ลงมือ น้าชายของประเวกจึงลงมาจากชั้นบน ตอนนั้นไกรเดชบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำข้างนอก สุดท้ายผ่านไปนานขนาดนี้ก็ไม่ได้กลับห้องส่วนตัว นี่ทำให้ภายในใจของเขากังวลเล็กน้อย ดังนั้นจึงออกมาดูหน่อย

หลังจากที่เห็นไกรเดชอยู่ในห้องโถง เขาจึงรีบเดินมาทันที

“พวกคุณกำลังทำอะไรที่นี่? ” น้าชายของประเวกเอ่ยถาม

หลายๆ คนต่างก็หันหน้าไป ประเวกและนันทิตาเห็นน้าชายมา นัยน์ตาเปล่งประกายแสงทันที

“น้าชาย น้ามาได้พอดีเลย ที่นี่มีคนกำลังแอบอ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบท่านั้น แล้วร่วมมือกับไอ้ผู้ชายไร้ความสามารถคนนี้มาสร้างเรื่องก่อกวนที่นี่ ยังดีที่ถูกเราจับได้ก่อน ไม่งั้นวันนี้คงจะเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน” นันทิตาก็ไม่ได้เกรงใจน้าชายของประเวกเลยสักนิด จึงเห็นว่าเขาเป็นน้าชายของตัวเอง แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคล้าด้วยความได้ใจ

“ใช่ครับน้าชาย โชคดีที่ผมกับของขวัญฉลาด จึงไม่ปล่อยให้ไอ้สองนี้ที่กระทำความผิดฝ่าเข้าไปข้างใน โดยเฉพาะไอ้หัวล้านคนนี้ กลับกล้าเอาผู้รับผิดชอบคนนั้นมาแอบอ้าง เขาก็ไม่ดูสภาพของตนเองหน่อยเลย คนแบบนี้จะมีฐานะแบบนั้นได้ยังไง” ประเวกก็พูดและยิ้มขึ้น

หัวหน้ารปภ.ทีแรกก็อยากจะเอาความดีความชอบไปประจบน้าชายของประเวกหน่อย ทว่าเขาสามารถเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของประเวกทันที ภายในใจรู้สึกไม่สบายใจ คำพูดของที่กำลังออกจากปากของตัวเองก็กลืนกลับไปทันที

“แกว่าอะไรนะ พูดอีกรอบซิ! ” น้าชายของประเวกจึงโมโหขึ้นมาทันที ต่อให้ประเวกเป็นหลานชายของเขา เขาก็ไม่มีวิธีที่จะอดกลั้นไฟแห่งความโมโหในใจของตนเอง

“ผมก็พูดถึงไอ้หัวล้าน…….” ประเวกอยากจะทวนคำพูดของตัวเองอีกครั้ง ทว่าเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของน้าชาย คำพูดที่พูดออกมาก็มีเสียงที่เล็กน้อยไปมาก

น้าชายของประเวกยกมือขึ้น แล้วตบหน้าประเวกทันที พร้อมกับก่นด่า “มีแกเป็นหลาน ถือว่าเรื่องที่เฮงซวยที่สุดในชีวิตนี้ของฉัน! ”

พูดจบ เขาจึงรีบหันไปมองไกรเดชที่อยู่ข้างๆ แล้วโค้งลำตัวและก้มศีรษะลง “นายครับ นายอย่าโกรธเลย หลานชายคนนี้ของผมไม่รู้จักกาลเทศะ เขาพูดอะไรไม่ได้ผ่านกระบวนการสมอง นายเป็นผู้อาวุโส ก็อย่าได้ถือสาผู้น้อยอย่างเขาเลยครับ”

ไกรเดชทำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วพูดขึ้น “ไม่รู้จักกาลเทศะ? ดูจากอายุของเขา ก็คงเป็นอายุยี่สิบกว่าแล้ว แกมาบอกฉันว่าไม่รู้จักกาลเทศะ แกเห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรอ? ”

เรือนร่างของน้าชายประเวกสั่นงันงกทันที แล้วรีบพูดขึ้น “นาย…….นายครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ ผมเองที่ปากพล่อย ไม่รู้จักพูด ได้โปรดนายอภัยครับ”

ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน หากว่ายังตอบสนองว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ งั้นเกรงว่าคงจะโง่จริงๆ

หัวหน้ารปภ.จึงรีบพยักหน้าโดยเร็ว จากนั้นก็รีบพาคนของตัวเองจากที่นี่ไปทันที

ทีแรกนันทิตาที่ยังได้ใจเมื่อเห็นฉากๆ นี้ อารมณ์บนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นความตกตะลึง แปลกพิลึก และคาดคิดไม่ถึงทันที เธอมองไกรเดชอย่างยากที่จะเชื่อ น้าชายของประเวกเรียกเขาว่านาย นั่นก็หมายความว่าคนๆ นี้ก็คือผู้รับผิดชอบท่านนั้น

และเมื่อครู่เธอก็ดูแลและเหยียดหยามไกรเดชไป แล้วยังคิดว่าเขากับรพีพงษ์ร่วมมือกันมาก่อกวนที่นี่ ครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกตะลึงงันไปจริงๆ

วันนี้ทุกการกระทำของเธอ ช่างเป็นเรื่องที่ตลกของโลกนี้จริงๆ ตั้งแต่ตอนที่เธอดูหมิ่นรพีพงษ์ นั่นก็ได้กำหนดไว้ว่าเธอนี่แหละที่เป็นตัวตลก

ไกรเดชมีฐานะเป็นแบบนี้ ก็ยังถูกเธอกล่าวหาว่าเป็นผู้ชายน่ารังเกียจ แม้กระทั่งน้าชายของประเวกยังโค้งลำตัวทำความเคารพไกรเดช เธอยังมีสิทธิ์อะไรที่จะพูดเรื่องพวกนี้

ภายในใจของเธอจึงเกิดความหวาดผวาขึ้นมาเป็นระยะ ฝ่ามือมีหยาดเหงื่อผุดออกมาไม่หยุด เรือนร่างอดสั่นเทาไม่ได้

ไกรเดชกวาดสายตามองประเวกพวกเขาสามคนด้วยความเย็นชา จากนั้นก็เอ่ยพูดกับน้าชายของประเวก “แกทำงานกับฉันมากี่ปีแล้ว? ”

ภายในใจของน้าชายของประเวกจึงรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “สี่…….สี่ปีกว่าแล้ว”

“เวลาสี่ปีก็ไม่น้อยแล้ว ท่านนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติของฉัน ญาติสองคนนี้ของแกวันนี้กลับมาหาเรื่องกับเขา แล้วยังวิพากษ์วิจารณ์เขา ตามกฎแล้ว ฉันต้องไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่นอน แต่ว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่แกทำงานกับฉันมาสี่ปีนี้ ฉันจะไม่เรียกร้องจากพวกเขา ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปต้นไป แกไม่ต้องมาทำงานแล้ว” ไกรเดชพูดขึ้น

เรือนร่างของน้าชายประเวกเกร็งไปทันที ภายในใจลึกๆ จึงรู้สึกตกระกำลำบากอย่างยากที่จะอธิบายขึ้นมา เขารู้ว่าการตัดสินใจของไกรเดช ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถมีผลสรุปแบบนี้ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว

ผ่านไปสักพัก น้าชายของประเวกถึงจะค่อยๆ ได้สติกลับมา จากนั้นก็มองไกรเดชด้วยความเคารพนับถือ แล้วพูดขึ้น “ผมรู้แล้วครับ”

ไกรเดชเหลือบตามองประเวกและนันทิตาอีกครั้ง เรือนร่างของสองคนนี้สั่นเทา เขายังไม่ได้ทำเรื่องไร้สาระถึงขั้นที่ต้องเรียกร้องความสนใจกับรุ่นผู้น้อยสองคนนี้ ลงโทษน้าชายประเวก ก็พอแล้ว

เขาหันไปมองรพีพงษ์ ท่าทีดูเคารพนับถือทันที แล้วเอ่ยถามขึ้น “รพีพงษ์ การจัดการแบบนี้ของผม ท่านพอใจหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกไม่พอใจ สามารถพูดออกมาได้นะครับ”

“ไม่ต้องแล้ว เราขึ้นไปกันเถอะ” รพีพงษ์หมุนตัว แล้วเดินไปตรงบันได

ไกรเดชรีบตามไป ท่าทางนั้น เหมือนดั่งลูกน้องของรพีพงษ์ ดูแล้วทำให้ประเวกพวกเขาทั้งสามคนต่างก็รู้สึกหวาดกลัว

คนที่พวกเขาดูถูกมาตลอดทาง กลับมีฐานะที่น่ากลัวขนาดนี้ พอมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกกลัว

หลังจากที่รพีพงษ์พวกเขาสองคนจากไป ประเวกมองน้าชายของเขาด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความรู้สึกผิด แล้วเอ่ยพูดขึ้น “น้าชาย ครั้งนี้ก็เพราะ……”

น้าชายของประเวกขึงตามองเขา แล้วพูดด้วยความเย็นชา “อย่าเรียกฉันว่าน้าชาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่มีญาติอย่างแก”

ประเวกกลับสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด นึกไม่ถึงว่าเรื่องของวันนี้กลับแลกมาด้วยผลสรุปแบบนี้

น้าชายหันไปเหลือบมองนันทิตาอีกครั้ง นัยน์ตาเคล้าด้วยความโกรธ “อีกอย่าง ผู้หญิงที่ไร้สมองแบบนี้ วันข้างหน้าทางที่ดีที่สุดแกก็อยู่ห่างหน่อย ไม่งั้นแกจะถูกเธอทำร้ายจนตายแน่นอน! “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท