พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 481 พวกคุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

บทที่ 481 พวกคุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

บทที่ 481 พวกคุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ห้องอีวานโฟนนิก

น้าชายของประเวกพาประเวกและนันทิตาทั้งสองเดินเข้าไป ประเวกพวกเขาสองคนถูกการตกแต่งภายในอันหรูหราของห้องอีวานโฟนนิกทำให้ตกตะลึง

ในเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ถือว่ายังมีร้านอาหารที่หรูหรา ทว่าถ้าเทียบกับห้องอีวานโฟนนิกแล้ว ก็ถือว่าแย่ไปกว่าเยอะ

“ว้าว ที่นี่หรูหราเกินไปแล้ว นี่ก็คือร้านอาหารของเกียวโตใช่ไหม ถ้าเทียบกับที่นี่ ร้านอาหารของทางฝั่งพวกเรากลายเป็นโรงอาหารไปเลย” นันทิตาพึมพำกับตัวเอง

น้าชายของประเวกคลี่ยิ้ม แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเกียวโต คนที่เข้ามาที่นี่ ต่างก็เป็นคนชั้นสูงในสังคม ถ้าไม่ตกแต่งให้หรูหราหน่อย แล้วจะแสดงฐานะของพวกเขาออกมาอย่างชัดเจนได้ยังไง วันนี้ลูกพี่ของพวกน้าอยู่ในห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของที่นี่ ในห้องมังกรต้อนรับแขก ว่ากันว่าแขกท่านนี้มีฐานะที่ลึกลับหน่อย วันนี้เรื่องที่เขาต้อนรับแขกท่านนี้ไม่สามารถพูดออกไปเด็ดขาด พวกเธอสองคนไปข้างนอก ก็อย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่งั้นน้าจะซวยเพราะพวกเธอ”

ประเวกรีบยิ้มขึ้น แล้วพูดขึ้น “น้าวางใจเถอะ เรารู้ทุกอย่าง ต้องไม่พูดออกไปแน่นอน”

“พวกเธอสองคนรอที่นี่ก่อน น้าจะขึ้นไปเจอกับลูกพี่ของพวกน้าก่อน จำไว้ อย่าหาเรื่องให้น้าเด็ดขาด” น้าชายของประเวกพูดขึ้น

ทั้งสองคนต่างก็พยักหน้า จากนั้นน้าชายประเวกก็หันหลังเดินไปชั้นบน

ประเวกและนันทิตาทั้งสองคนต่างก็มองไปในห้องอีวานโฟนนิกด้วยสีหน้าที่แปลกใจ แม้กระทั่งพวกเขายังคิดออกว่าเดี๋ยวถ้ากลับไปจะไปโม้กับเพื่อนของตัวเองยังไง

เวลานี้รพีพงษ์เดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วนันทิตาที่มองดูไปทั้งสี่ทิศก็ได้สังเกตเห็นเรือนร่างของเขาทันที จากนั้นก็รีบขึงตาโต

“ประเวกคุณรีบดูสิ นั่นไม่ใช่ไอ้ผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนั้นที่เราเจอบรรถไฟความเร็วสูงหรอ? ” นันทิตายื่นมือชี้ไปยังรพีพงษ์

ประเวกมองไปตามมือของนันทิตา หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ จึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดขึ้น “ไอ้หมอนี่ไม่ใช่ว่าสะกดรอยตามเรามานะ เขารู้สึกว่าตนเองอับอายขี้หน้าบนรถไฟ ดังนั้นเลยอยากจะแก้แค้นพวกเรา เลยถามพวกเรามาที่นี่ตลอดทั้งทางหรอ? ”

“เขาอาจจะแอบฟังพวกเราคุยกัน และรู้ว่าวันนี้พวกเราจะมาเจอกับน้าชายคุณ และถ้าเจอน้าชายคุณก็จะหาคนรับผิดชอบวางแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่า เพราะว่าตอนอยู่ในรถไฟก็ได้ทำลายศักดิ์ศรีของเขา ดังนั้นเลยคิดจะมาสร้างปัญหาที่นี่หรอ? ” นันทิตากำลังวิเคราะห์แยกแยะอย่างเป็นหลักการด้วยความคิดของตนเองว่าเหตุผลที่รพีพงษ์มาที่นี่คืออะไร

“ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็ไปขัดขวางเขาก่อน ไอ้หมอนี่มีแรงใหญ่จนน่าแปลก ถ้าให้เขามาสร้างเรื่องโวยวายอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่พวกเราสองคนยังต้องพลอยซวยไปด้วย” ประเวกขมวดคิ้วพูดขึ้น

นันทิตาก็พยักหน้า แล้วพูด “งั้นพวกเราก็รีบไปขวางเขาไว้เถอะ คนๆ นี้ก็จริงๆ เลย จริงๆ ก็คือไอ้ผู้ชายไร้ประโยชน์ แล้วยังจะวิ่งมาหาเรื่องที่นี่อีก ทำให้คนรู้สึกเครียดตายเลยจริงๆ ”

ทั้งสองก็ได้เดินไปทางฝั่งรพีพงษ์ จากนั้นก็ขวางอยู่ตรงหน้าเขา

“แกรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนไหม? แกมาทำอะไรที่นี่? ” นันทิตาจับจ้องรพีพงษ์แล้วเอ่ยถาม

รพีพงษ์นึกไม่ถึงว่าประเวกและนันทิตาทั้งสองจะอยู่ที่นี่ด้วย อีกอย่างยังจะขวางทางเขา ภายในใจก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ฉันมาเจอเพื่อนคนหนึ่งที่นี่” รพีพงษ์เอ่ยพูด

นันทิตาแสยะยิ้มอย่างเบาๆ แล้วพูดขึ้น “นายอย่าเสแสร้งเลย คนอย่างนาย ยังสามารถมาเจอเพื่อนในที่แบบนี้ด้วยหรอ? นายรู้ไหมว่าที่นี่เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเกียวโต คนที่มากินข้าวที่นี่ ตั้งเป็นคนสังคมชั้นสูง นายที่เป็นไอ้ผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ แล้วจะมีเพื่อนระดับแบบนี้ได้ยังไง”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูด “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกคุณ ฉันยังต้องขึ้นไป เชิญพวกคุณถอยไป”

ประเวกกางแขนทั้งสองข้างของตนเองออกแล้วขวางอยู่ข้างหน้ารพีพงษ์ ใบหน้าเคล้าด้วยความเย้ยหยัน “แกอย่ามาเสแสร้งเลย พวกเราเดาออกว่าแกอยากจะมาสร้างปัญหาที่นี่ พวกเราก็แค่ไม่ให้เกียรติแกบนรถไฟไม่ใช่หรือไง แกก็ไม่จำเป็นต้องตามพวกเรามาถึงที่นี่หรือเปล่า ฉันบอกเตือนแกหนึ่งคำนะ คนที่นี่ต่างก็เป็นคนที่มีฐานะและตำแหน่ง ไม่ใช่คนที่แกสามารถผิดใจ ถ้าแกฉลาด ก็รีบไปเถอะ”

“ฉันฟังไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่ รีบถอยไป ฉันไม่อยากเสียเวลา” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเย็นชา

เขารู้สึกว่าสองคนนี้น่าแปลกเล็กน้อย ตอนอยู่บนรถไฟเขาพูดคุยกับพวกเขาไม่ถึงสิบประโยค ไม่รู้ว่าทำไมประเวกถึงรู้สึกว่าเขาไม่ให้เกียรติตัวเอง

“แกอย่ามาทำหน้าด้สนที่นี่ ถ้าแกยังดื้อรั้นที่จะสร้างเรื่องสร้างปัญหาที่นี่ ฉันจะเรียกรปภ.แล้วนะ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดของเกียวโต รปภ.ที่นี่ต้องเก่งมาก ถ้ารปภ.มา แกต้องมีจุดจบที่ไม่ดีแน่นอน” ประเวกพูดด้วยความร้ายกาจ

รพีพงษ์ทำสีหน้าที่นิ่งเฉย แล้วมองไปยังสายตาของประเวกที่เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ค่อนข้างทนไม่ไหว

นันทีตาที่อยู่ข้างๆ จับจ้องรพีพงษ์เพียงชั่วพริบตา แล้วถาม “ไหนๆ แกก๋บอกแล้วว่าจะมาเจอเพื่อนที่นี่ งั้นแกบอกฉันมา เพื่อนของแกรออยู่ในห้องส่วนตัวห้องไหนกัน? ”

ในมุมมองความคิดของนันทิตา รพีพงษ์ต้องไม่รู้ว่าที่นี่มีห้องส่วนตัวอะไรบ้าง ถ้าเขาตอบกลับไม่ได้ งั้นก็แสดงว่าเขาต้องการมาสร้างปัญหาที่นี่จริงๆ

“ห้องมังกร” รพีพงษ์พูดขึ้น

นันทิตาและประเวกต่างก็ขึงตาโต แล้วมองรพีพงษ์อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเขาไม่ได้จำผิด เมื่อกี้น้าชายบอกว่าผู้ที่รับผิดชอบท่านนั้นจะต้อนรับแขกในห้องมังกรในวันนี้

“แก……แกอย่าพูดจาเหลวไหล! วันนี้ห้องมังกรเป็นสถานที่ผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงแขกเมืองเก่าจะต้อนรับแขก เพื่อนของแกจะอยู่ที่นั่นได้ยังไง ฉันว่าแกต้องมาหาเรื่องแน่นอน อีกอย่างยังสืบหาสถานที่มาแล้ว ของขวัญ คุณรีบไปเรียกรปภ.เถอะ ผมจะขวางเขาไว้เอง วันนี้ต้องไม่ให้เขาได้เข้าไปข้างในแน่นอน! ” ประเวกพูดด้วยความจริงจัง

นันทิตาก็รีบพยักหน้าทันที จากนั้นก็หันไปเรียกรปภ.ที่อยู่ตรงประตูฝั่งโน้น

รพีพงษ์รู้สึกสุดคำบรรยาย จากนั้นก็ไม่ได้คิดจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา แล้วเข้าไปข้างในเลยทีเดียว

“หรือว่าแกยังอยากจะฝ่าเข้าไป! ” ประเวกตะโกนใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ก็ผลักเขาออกทันที จากนั้นก็เดินข้างไปต่อ

ประเวกเดินตามข้างหลังของรพีพงษ์ แล้วตะโกนขึ้นไม่หยุด “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกเข้าได้ แกหยุดเดี๋ยวนี้! ”

เขารู้ว่ารพีพงษ์ที่มีแรงที่ใหญ่ ถ้าจะต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ เขาต้องสู้ไม่ไหวแน่นอน ดังนั้นจึงไม่กล้าไปขวาง ทำได้เพียงใช้ปากตะโกน

รพีพงษ์ไม่เห็นประเวกในสายตา แล้วเดินไปตรงบันไดที่อยู่ข้างหน้า

และตอนที่รพีพงษ์ใกล้จะไปถึงตรงบันไดฝั่งโน้น นันทิตาก็พารปภ.วิ่งมา เธอยื่นมือชี้ไปยังรพีพงษ์ แล้วเอ่ยพูด “เขาเอง ก็คือคนๆ นี้แหละ อยากจะไปสร้างเรื่องโวยวายให้กับแขกของพวกคุณที่นี่ พวกคุณรีบจับตัวเขาเร็ว”

รปภ.เหล่านั้นจึงรีบพุ่งมาตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วขวางเขาไว้ หัวหน้ารปภ.กวาดสายตามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากที่เห็นว่ารพีพงษ์สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ดูๆ แล้วมันแตกต่างจากคนชั้นสูงในสังคมชอบปรากฏตัวที่นี่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงแน่ใจในคำพูดของนันทิตา แล้วนึกว่ารพีพงษ์เป็นคนที่จะมาสร้างเรื่องจริงๆ

เขารู้ว่าวันนี้มีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมากินข้าวที่นี่ คนใหญ่คนโตท่านนี้เป็นตั้งผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่า บุคคลที่อยู่ในระดับแบบนั้น แค่คำๆ เดียวก็สามารถทำให้ร้านอาหารนี้ของพวกเขาปิดประตู

ถ้ารพีพงษ์ไม่ระวังไปชนกับคนอื่น พวกเขาที่เป็นรปภ.พวกนี้ต้องพลอยโชคร้ายไปด้วย

“พ่อหนุ่ม ฉันไม่สนใจว่านายเป็นใคร ตอนนี้นายรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ! ” หัวหน้ารปภ.จับจ้องไปยังรพีพงษ์

รพีพงษ์เหลือบตามองเขาเพียงพริบตา แล้วเย็นชา “นี่พวกคุณต้อนรับแขกกันแบบนี้หรอ? ”

หัวหน้ารปภ.ได้ยินคำพูดขึ้นจึงรู้สึกสะอึกภายในใจ หากรพีพงษ์เป็นแขกของที่นี่จริงๆ เขาใช้ท่าทีแบบนี้ปฏิบัติต่อรพีพงษ์ ต้องถูกลงโทษอย่างเคร่งขรัดแน่นอน

“คุณอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาจะเป็นแขกที่นี่ของพวกคุณได้ยังไง คนๆ นี้ตั้งรถไฟขบวนเดียวกันมาที่เกียวโตกับพวกเรา เขาคือผู้ชายไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ไม่มีทางเป็นแขกของพวกคุณอยู่แล้ว บนรถเพราะว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้น้อยเลยทำให้ขายขี้หน้า ตอนนี้เลยมาแก้แค้น” ประเวกพูดด้วยความเร่งรีบ

หัวหน้ารปภ.ได้ยินแบบนี้ ภายในใจก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย จากนั้นก็มองไปยังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมอีกครั้ง

“นึกไม่ถึงว่าเป็นแค่ผู้ชายกระจอกๆ แกเองที่ขายขี้หน้าเอง แค่โทษคุณเองที่สวะเกินไป คุณวิ่งมาที่นี่เพื่อที่จะระบายอารมณ์มันเรื่องอะไรกันแน่ รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้เราลงไม้ลงมือกับคุณ” หัวหน้ารปภ.พูดไป ก็เอากระบองรปภ.ของตนเองขึ้น

นันทิตามองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น แล้วพูดขึ้น “นายก็รีบไสหัวไปเถอะ นายไม่เข้าใจใช่ไหมว่ากำลังของรปภ.ในร้านอาหารชั้นสูงแบบนี้แกร่งแค่ไหน ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารเล็กๆ ในบ้านเกิดของพวกนาย รปภ.เหล่านี้ก็เคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ต่อให้นายมีแรงเยอร์แค่ไหน ก็ไม่มีทางเป็นคู่แข่งของพวกเขา! ”

รพีพงษ์ถอนหายใจ ภายในใจคิดว่าตนเองแค่มากินข้าวเท่านั้น กลับมาเจอกับปัญหาแบบนี้ รวมไปถึงการหายตัวไปของอารียา ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจมาก ดังนั้นเขาก็ไม่คิดจะพูดมากอะไรกับคนพวกนี้ อยากจะลงไม้ลงมือจัดการพวกเขาก่อน

และในตอนนี้ คนๆ หนึ่งก็พุ่งมาที่นี่อย่างว่องไว และตะโกนเรียกด้วยความเป็นมิตร “รพีพงษ์ คุณมาแล้วหรอ ผมยังบอกว่าจะไปหาคุณอยู่แน่ะ”

รพีพงษ์รีบหันไปมอง แล้วเห็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี ผมค่อนข้างน้อย และสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ คนๆ นี้ก็คือผู้รับผิดชอบแผนการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองเก่า ไกรเดช

ทั้งสองถึงแม้จะไม่เคยเจอหน้ากัน ทว่าก็เคยเห็นรูปของต่างฝ่าย และไกรเดชก็คือคนมีความสามารถที่จงรักภักดีของกิสนา หลังจากที่ได้ยินรพีพงษ์ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหมือนขึ้นไปบนสวรรค์ จึงรู้สึกนับถือเขามาก ดังนั้นครั้งแรกที่เจอหน้า เขาก็ดูเป็นมิตรมาก

รพีพงษ์พยักหน้าให้กับไกรเดช แล้วพูดขึ้น “เพิ่งถึง”

ไกรเดชเห็นคนที่อยู่รอบๆ รพีพงษ์เพียงพริบตา สีหน้าของเขาเผยความสงสัยออกมา แล้วถามขึ้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ”

“คนพวกนี้บอกว่าผมมาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายที่นี่ แล้วยังคิดจะไล่ผมออก” รพีพงษ์พูดขึ้น

ไกรเดชก็รีบขึงตา แล้วก่นด่า “นี่มันเกินไปแล้ว คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติของผม พวกเขากลับอยากจะไล่คุณออกไป ทำให้ผมเครียดจะตายแล้ว! ”

หัวหน้ารปภ.มองผู้ชายที่จู่ๆ ก็เดินมาคนนี้ด้วยความไม่สบายใจ เขาไม่ได้รู้จักคนๆ นี้คือใคร ไกรเดชมากินข้าวที่นี่ ก็คือน้าชายของประเวกคอยจัดการมาตลอด เขาแค่รู้จักน้าชายของประเวกเท่านั้น

แต่ว่าฟังจากน้ำเสียงของคนๆ นี้ เหมือนไม่ง่ายเลย ดังนั้นหัวหน้ารปภ.ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

ประเวกและนันทิตาก็ไม่รู้จักไกรเดช นันทิตาสังเกตมองไกรเดชเพียงพริบตา แล้วกลอกลูกตา จู่ๆ นัยน์ตาเปล่งประกาย แล้วชี้ไปยังไกรเดชพลางพูดขึ้น “แกคงไม่ใช่พวกเดียวกับไอ้หมอนี่ใช่ไหม? ”

“ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน คนๆ นี้ใส่เสื้อผ้าธรรมดา ดูเป็นคุณอาวัยกลางคนที่ทำให้คนรังเกียจ เขาต้องแสดงละครร่วมมือกับไอ้ชายหนุ่มไร้ประโยชน์นี่ หึ พวกแกก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว นึกว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถปิดบังสายตาของฉันได้! “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท