พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่495 ซ้อมโยษิตากระหน่ำ

บทที่495 ซ้อมโยษิตากระหน่ำ

บทที่495 ซ้อมโยษิตากระหน่ำ

“แก……แกรีบปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันตะโกนร้องแน่ แล้วถ้ามีคนแจ้งความ แกก็เดือดร้อนอยู่ดี!”โยษิตามองรพีพงษ์ลนลาน

รพีพงษ์แค่นยิ้มเย็นชา พูดว่า“แกคิดว่า ในเกียวโต เรื่องแค่นี้ฉันจัดการไม่ได้หรือไง”

พูดจบรพีพงษ์ก็ตบหน้าฉาดใหญ่ลงบนหน้าโยษิตา เสียงผัวะดังก้องกังวานไปทั่ว ใบหน้าโยษิตาแดงขึ้นมาครึ่งหน้า คนรอบๆวิพากษ์กันเสียงเซ็งแซ่

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ตบซะแรงขนาดนี้ จุ๊ๆๆ ไม่เป็นผู้ชายเอาซะเลย”

“พวกคุณดูแววตาคนๆนี้สิ ยังกับจะฆ่าคน นี่คงจะแค้นมาก”

“ผู้หญิงคนนั้นสวยขนาดนี้ ยังลงไม้ลงมือได้ลงคอ หรือว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรผิดต่อเขางั้นหรือ”

……

“แกคงไม่ได้คิดแต่แรกสินะว่าจะมีวันนี้”รพีพงษ์จ้องมองโยษิตา

โยษิตารู้สึกเจ็บแบบเผ็ดร้อนบนใบหน้า เธอมองรพีพงษ์อย่างขุ่นเคือง กัดฟันพูด“คนที่อยู่ข้างหลังฉันตอนนี้ คือคุณชายตระกูลนิธิวรสกุล ความสามารถของคนตระกูลนี้ แข็งแกร่งกว่าตระกูลลัดดาวัลย์พันเท่า แกลงมือกับฉันวันนี้ ตระกูลนิธิวรสกุลไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

เสียงผัวะดังขึ้น

รพีพงษ์ตบฉาดลงบนใบหน้าโยษิตาอีกครั้ง พูดเสียงเย็นชา“แกคิดมากไปมั้ย แกก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งของจิรเวชก็เท่านั้น แกคิดหรือไงว่าวันนี้ต่อให้ฉันไม่ซ้อมแก จิรเวชจะมีน้ำใจกับแก”

แก้มทั้งสองข้างของโยษิตาบวมขึ้นมา เลือดกลบปาก เธอจ้องมองรพีพงษ์อย่างเกลียดชัง เปิดปากพูดขึ้น“ในเมื่อแกรู้อยู่แล้วว่าจิรเวชมาตอกย้ำแก แกยังไม่มาคุกเข่าวิงวอนเขาอีก หรือแกคิดว่าตามกำลังของตระกูลลัดดาวัลย์ แกจะต้านจิรเวชไหวเหรอ”

“เรื่องนี้แกไม่ต้องห่วงหรอกนะ แกทำให้ณีสลบหลับใหล แคลร์หายตัวไป แกจะต้องรับผลกรรมในเรื่องนี้!”

พูดจบรพีพงษ์จึงตบอีกสองฉาดลงบนหน้าโยษิตา

โยษิตาโดนรพีพงษ์ตบจนมึนงงไปหมด

“บอกฉันมา แกเอาแคลร์ไปไว้ที่ไหน!”รพีพงษ์หรี่ตาถามโยษิตา

โยษิตามองรพีพงษ์อย่างพร่าเลือน มุมปากฝืนฉีกยิ้มออกมา พูดขึ้นว่า“ที่แท้แกก็มีช่วงที่ร้อนรนเหมือนกัน แต่ถ้าฉันจะไม่บอกแกล่ะ แกจะชักดิ้นชักงอตายมั้ย”

“ฉันชอบเห็นแกอับจนหนทางแบบนี้ ตั้งแต่แกฆ่าพี่สาวฉันตาย และแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน ฉันก็จินตนาการฉากนี้ทุกวันๆ”

มือหนึ่งของรพีพงษ์บีบคอโยษิตาเอาไว้ พูดเสียงเย็นชา“แต่แกคงไม่ได้นึกภาพสารรูปที่แกคุยกับฉันอยู่ในตอนนี้”

พูดจบ เขาก็กระชากแขนโยษิตาหลุดโดยไม่ลังเล

โยษิตาร้องโหยหวนด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ตัวเริ่มสั่นเทิ้ม ความเจ็บปวดกระชากวิญญาณทำให้หน้าเธอบิดเบี้ยวขึ้นมา

รพีพงษ์คว้าแขนอีกข้างของโยษิตา พูดเสียงเย็นชา“บอกฉันมา แกเอาแคลร์ไปไว้ที่ไหน ถ้าแกไม่บอก วันนี้ฉันไม่ฆ่าแกหรอกนะ แต่จะหักแกออกเป็นท่อนๆ ให้แกพิการไปตลอดชีวิต!”

โยษิตาแสดงความหวาดกลัวออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เธอจ้องมองรพีพงษ์ครู่หนึ่ง หันไปหัวเราะออกมา พูดขึ้น“ในเมื่อแกอยากรู้ขนาดนี้ จะบอกให้ก็ได้”

รพีพงษ์สาวเท้าก้าวขึ้นหน้า ตึงเครียดขึ้นมา

เขากลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ไม่สามารถรับได้จากปากของโยษิตา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะฆ่าโยษิตาทิ้งโดยไม่แยแสสายตารอบข้าง

“อารียาไปอยู่ที่ไหน ฉันเองก็ไม่รู้ วันนั้นฉันแค่สั่งให้คนไปชนมันก็เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่า มันดวงดี อยู่กับลูกสาวของสมาคมการค้าTY แล้วแม่สาวนั้นช่วยเอาไว้ จากนั้นฉันยังไม่ได้จัดการอะไรต่ออีกเลย เพราะงั้นทำไมอารียาถึงหายตัวไป ไปที่ไหน ฉันก็ไม่รู้ วันนี้ต่อ ให้แกฉีกฉันออกเป็นชิ้นๆ ฉันก็ตอบไม่ถูกอยู่ดีว่าอารียาอยู่ที่ไหน”โยษิตาตอบตามความ เป็นจริง

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น เขาคิดทันทีว่าเธอคงกำลังวางกับดักเขา จึงฉวยแขนเธอขึ้นมาออก แรงเต็มกำลัง

แต่เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของโยษิตาไม่แสดงอาการร้อนรน ดูเหมือนคนไม่ได้โกหก

“แกกำลังรนหาที่ตายงั้นเหรอ”รพีพงษ์หรี่ตาพูด

โยษิตาแสดงสีหน้าไม่ยี่หร่า พูดขึ้น“ฉันไม่ได้หลอกแก แกไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นฉันก็อยากให้อารียาเกิดเรื่องหรอกนะ จากนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่สนใจแล้วล่ะ แล้วนิสัยอย่างฉัน แน่นอนว่าอยากให้แกเห็นอารียาทุกข์ทรมาน ฉันจะทำให้มันหายตัวไปทำไมเล่า”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว โยษิตาพูดไม่ผิด แล้วอารียาหายตัวไปไหนกัน

เงาดำปกคลุมใจรพีพงษ์ เดิมทีเขาคิดว่าแค่หาโยษิตาเจอ ก็จะได้เบาะแสอารียา แต่ดูท่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

“รพีพงษ์ ตอนนี้แกผิดหวังมากสินะ จะบอกแกให้ ยิ่งแกผิดหวัง ฉันก็ยิ่งสะใจ ตอนนี้ฉัน แอบดีใจที่การหายตัวไปของอารียาไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะถ้าฉันเป็นคนทำจริง ตอนที่แกทรมานฉัน ฉันอาจจะทนไม่ไหว แต่ว่าฉันไม่รู้ เพราะงั้นต่อให้แกฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ตอบ ไม่ได้ว่าอารียาอยู่ไหน!”โยษิตายิ้มอย่างลำพองใจขึ้นมา

รพีพงษ์เห็นสถานการณ์แล้ว จึงตบลงบนหน้าโยษิตาอีกฉาดหนึ่ง สีหน้าโยษิตาแข็งขึ้น มาทันที“รพีพงษ์ แกมันไอ้ฉิบหาย!”โยษิตาตะโกนเสียงพร่า

“ต่อให้แกไม่รู้จริง แกคิดว่าวันนี้แกจะอยู่ดีเหรอ”

รพีพงษ์แค่นเสียง ลงมือกับโยษิตาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อครู่โยษิตาทำให้รพีพงษ์เดือดดาลขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้รพีพงษ์จะยังฆ่าเธอไม่ได้ แต่ถ้าเขาจะซ้อมโยษิตา ใครเล่าจะขวาง เขาอยู่

คนรอบตัวมองดูรพีพงษ์ลงมือกับโยษิตา ในใจต่างรู้สึกตระหนก เพราะว่ารพีพงษ์ลงมือ หนักมาก พวกเขาเคยเห็นฉากผู้ชายซ้อมผู้หญิงแบบนี้ก็แต่ในละครทีวีเท่านั้น

“สวรรค์ นี่ก็รุนแรงไปหน่อยเนอะ ผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรให้ ถึงทำให้ผู้ชายคนนี้โกรธได้ ขนาดนี้”

“รุนแรงเกินไปแล้ว พวกเราต้องแจ้งความมั้ย”

“ช่างเถอะนะ ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนั้นคงทำอะไรไว้ผิดต่อผู้ชายคนนั้นน่ะ ไม่แน่ว่าสองผัวเมีย ผู้หญิงมีชู้ก็ได้ เรื่องของชาวบ้าน ตำรวจก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ”

“แหมๆ ผู้หญิงสวยนี่ไม่ดีจริงๆด้วย เอะอะก็มีชู้ ตอนนี้โดนซ้อม ก็สมน้ำหน้าละนะ”

……

ผ่านไปนาน โยษิตาโดนรพีพงษ์ซ้อมจนหายใจรวยริน รพีพงษ์ถึงได้ยอมปล่อยเธอไปแล้วโยนเธอกองไว้บนพื้น

เขาจ้องเขม็งไปที่โยษิตา พูดเสียงเย็นชา“วันนี้แค่สั่งสอนเบาะๆ ไม่ว่าการหายตัวของแคลร์จะเกี่ยวกับแกหรือไม่ แต่แกก็เป็นต้นเหตุ ทั้งแกและจิรเวช ฉันไม่เอาไว้ทั้งคู่ แล้ววันนั้น ก็ไม่นานนักหรอก”

พูดจบ รพีพงษ์จึงหมุนตัวจากร้านขายของโบราณคดีคายดี้ไป

โยษิตาล้มลงบนพื้น ไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง เธอรู้สึกรวดร้าวไปทั้งสรรพางค์กาย น้ำตา ไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยโดนตีแม้แต่แปะเดียว เธอคิดว่ารพีพงษ์คงจะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง จะออมมือกับเธอบ้าง หากแต่ความจริงได้พิสูจน์ เธอไร้เดียงสาเกินไป

บอดี้การ์ดที่โดนรพีพงษ์ซัดจนหมอบรออยู่ครู่หนึ่ง จึงคลานขึ้นมาจากพื้น เดินไปข้างๆโยษิตา พยุงหล่อนขึ้น แล้วพาออกไป

ที่จริงตอนนั้นพวกเขาสองคนฟื้นแล้วล่ะ เพียงแต่รพีพงษ์ร้ายกาจเกินไป พวกเขารู้แก่ใจ ว่าต่อให้ลุกขึ้นในตอนนั้น ก็ต้องโดนรพีพงษ์ซ้อมอยู่ดี ก็เลยแกล้งลุกไม่ขึ้นเสียเลย แล้วนอนหมอบอยู่บนพื้น

คฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์

รพีพงษ์นั่งอยู่ในห้องหนังสือ ขมวดคิ้วแน่น ในหัวคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับโยษิตาใน วันนี้

เขาบรรจงคิดถึงรายละเอียด หาทางจับผิดว่าโยษิตาได้โกหกเขาหรือไม่

ก่อนหน้าเขาคิดเสมอว่าที่อารียาหายตัวไป เป็นฝีมือของโยษิตา แต่ตอนนี้โยษิตายืนยัน เองว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ แล้วดูทีหล่อนก็ไม่เหมือนคนที่กำลังล้อเล่น ทำให้รพีพงษ์สับสนมาก

ถ้าหากการหายตัวของอารียาไม่เกี่ยวกับโยษิตา แล้วใครกันที่พาอารียาไป

รพีพงษ์นึกถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดอีกรอบ แต่สุดท้ายก็นึกหาเหตุผลที่คนพวกนี้จะพาอารียาไปไม่ออก

อีกอย่างคนที่จะลงมือกับอารียา ก็มีแต่โยษิตาเท่านั้นแหละ ถ้าโยษิตาไม่ได้ทำ รพีพงษ์ก็คิดไม่ออกจริงๆว่าใครบ้างจะทิ้งเบาะแสของอารียาไว้ให้เขาได้บ้าง

หลังจากที่คิดไม่ตกเป็นนานสองนาน รพีพงษ์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาธฤตญาณ

“เรื่องการหายตัวของแคลร์อาจจะไม่เกี่ยวกับโยษิตา ก่อนหน้าพวกเราเดาผิดกันหมดเลย นายลองตรวจสอบอีกทีสิว่าตอนนั้นมีใครผ่านแถวนั้นบ้าง อย่าตัดคนที่มีความเป็นไปได้ออกเด็ดขาด”

“เข้าใจ”เสียงตอบมาตามสายโทรศัพท์

หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ รพีพงษ์ถอนหายใจออกมายาวๆ ในใจเริ่มกังวลว่าตอนนี้อารียาจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าไม่รู้ว่าคนที่พาอารียาไปคือใคร รพีพงษ์อดที่จะคิดไปในแง่ร้ายไม่ได้

กรุ๊ปKIN

ในห้องทำงานของจิรเวช

บอดี้การ์ดสองคนประคองโยษิตาที่หมดสภาพ พวกเขาได้ส่งโยษิตาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อย คุณหมอได้ทายาที่แขนให้โยษิตา บอกว่าโอกาสที่จะหายกลับเป็นปกติ นั้นมีน้อยมาก

จิรเวชกำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ เมื่อเห็นมีคนเข้ามา จึงเหลือบตาขึ้นมอง แล้วตะโกนออกไปว่า“แม่งอะไรวะ”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “คือ……คือคุณโยษิตา โดนซ้อมครับ”

จิรเวชรีบขมุ่นคิ้วถามทันที “ใครที่ไหนซ้อมเธอได้ถึงขนาดนี้”

บอดี้การ์ดคนนั้นจึงรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านโบราณคดีคายดี้ให้จิรเวชฟัง

หลังจากที่จิรเวชได้ฟัง จึงหรี่ตาลง พูดเย็นชาว่า“ไอ้รพีพงษ์มันจะเหิมเกริมมากเกินไปแล้วบ้านลัดดาวัลย์ของมันจนตรอกขนาดนี้ มันยังกล้าลงมือ นี่เป็นท่าทีของหมาจนตรอกหรือไง”

เขาเดินเข้ามา จ้องโยษิตาแล้วพูดว่า“แหมๆ ลงมือหนักไม่เบาเลยนะ ซ้อมจนสภาพขนาดนี้”

“ฉัน……จะ……ต้อง……ฆ่า……มัน!”โยษิตาเค้นคำพูดออกมาจากริมฝีปาก

จิรเวชยิ้มแล้วพูดขึ้น“สบายใจได้ อีกไม่นานฉันก็จะได้ร่วมมือในโครงการบูรณะเขตพื้นที่เก่า ต่อไปตระกูลที่จนตรอกอย่างลัดดาวัลย์ก็ต่อกรกับฉันไม่ได้”

“คุณชายครับ รพีพงษ์นั่นฝีมือดีมากนะครับ พวกยอดฝีมือที่คุณชายพามาน่ะ เกรงว่าจะสู้ไม่ได้”บอดี้การ์ดพูดเตือนขึ้น

จิรเวชแสยะยิ้มพูดขึ้น“มันจะเก่งกาจแค่ไหนแล้วไง พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ฉันได้เตรียมของขวัญชิ้นโบว์แดงไว้ให้มันแล้วล่ะ”

“รอบนี้ฉันทุ่มทุนสุดตัวที่จ้างยอดฝีมือที่ฝีมือฉกาจมาต่อสู้กับมัน ต่อให้รพีพงษ์เก่งกาจแค่ไหน ก็สู้ไม่ได้หรอกนะ”

“ถึงเวลานั้น รพีพงษ์ต้องคุกเข่าขอร้อง!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท