พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 524 ผู้หญิงที่สวยและรวยคนนั้นคือใคร

บทที่ 524 ผู้หญิงที่สวยและรวยคนนั้นคือใคร

บทที่ 524 ผู้หญิงที่สวยและรวยคนนั้นคือใคร

นิษฐาเบะปากใส่รพีพงษ์และพูดว่า “ฉันเรียกคุณแบบนั้นแล้วจะทำไม?หรือที่ฉันพูดมันไม่จริง?คุณมันก็แค่ไอ้หนุ่มหน้าขาวที่เป็นเด็กผู้หญิงรวย อีกอย่างยังทำตัวโจ่งแจ้งที่สนามบิน ตอนนี้กลับไม่ยอมรับมัน ช่างไร้ยางอายจริงๆ ”

รพีพงษ์มองไปที่นิษฐาด้วยใบหน้าที่เย็นชาและกล่าวว่า “ใครบอกคุณว่าผมถูกผู้หญิงรวยเลี้ยงดู ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล นั่นเป็นวิธีที่อาจารย์ของคุณสอนคุณเหรอ?”

“ หึ คุณบอกมาซิว่าผู้หญิงสวยรวยคนนั้นทำอะไร คุณอย่าบอกนะว่าเธอเป็นเพื่อนของคุณ เธอเป็นคนที่ร่ำรวยขนาดนั้น คงไม่มาเป็นเพื่อนกับคนแบบคุณหรอก” นิษฐากล่าวอย่างก้าวร้าว

“ เธอมีหน้าที่แค่มารับผมที่สนามบินและรายงานให้ผมทราบเท่านั้น คุณคิดมากเกินไปแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

“แหม ขี้โม้จนไม่รู้สึกอายจริงๆ แต่เธอขับรถหรูหลายล้านมารับคุณเชียวนะ ดูก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่รวย คุณกลับบอกว่าเธอมีหน้าที่รับคุณและรายงานสถานการณ์เท่านั้น หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นหัวหน้าของเธอหรือ? “นิษฐาโต้กลับทันที

“ประมาณนั้น” รพีพงษ์ตอบ ในฐานะอาจารย์หนุ่มแห่งเทือกเขากิสนา สามารถเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าของวิไลพร

“จิมมี่ คุณดูคนนี้สิ ไร้ยางอายจริงๆ เขากล้ายอมรับว่าเป็นผู้นำของหญิงสาวที่ขาวและรวยคนนั้น ทำไมเขายังมาเช่าบ้านอยู่กับเรา ฉันคิดว่าเขามันไอ้โรคจิตที่โอ้อวด พวกเรามาไล่เขาออกไปโดยเร็วที่สุดดีกว่า อยู่กับคนแบบนี้มันเป็นเรื่องแย่จริงๆ นิษฐาพูดด้วยความโมโห

เมื่อเยาวเรศเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกัน จึงรีบเดินไปที่ตรงกลางของทั้งสองและห้ามพวกเขาไว้”นิษฐา รพีพงษ์คนนี้ก็ไม่เลวนะ เขาอาจจะเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดังนั้นจึงไม่อยากโดนคุณพูดแบบนั้น คำพูดของคุณมันทำร้ายคนอื่นจริงๆ พวกคุณถอยกันคนละก้าว หากไล่รพีพงษ์ไป ไม่มีใครรู้ว่าผู้เช่าคนต่อไปจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยรพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร”

นิษฐายังคงจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างดุร้ายและกล่าวว่า “นิสัยเขาไม่เลวงั้นเหรอ?เขาแอบมองฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาเป็นคนโรคจิต!”

รพีพงษ์ไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเธอต่อไป เดินตรงไปชั้นบนโดยไม่สนใจเสียงตะโกนของนิษฐา

เยาวเรศเดินไปตรงหน้านิษฐา ลากเธอไปนั่งที่โซฟาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ นิษฐา ไม่ว่าจะยังไงก็ตามรพีพงษ์ก็เช่าบ้านจากเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ว่าเราจะขับไล่เขาออกไปก็สามารถไล่เขาไปได้ คุณอย่าโมโหเพราะเรื่องเข้าใจผิดแค่นี้เลย”

“ฉันแค่ไม่ชอบคนแบบนี้ เรื่องต่างๆที่รู้ๆกันอยู่ เขาก็ยังหน้าด้านและปฏิเสธที่จะยอมรับมัน ยังมาบอกอีกว่าเขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญของมหาวิทยาลัยพวกเราไม่ใช่เหรอ ฉันได้ยินมาว่ามีแค่ศาสตราจารย์รับเชิญหนึ่งคนที่มาคณะประวัติศาสตร์ของเรา เขามีสอนในวันจันทร์หน้า ถึงตอนนั้นเราไปดู อัดวิดีโอและนำกลับมาถามกับคนไร้ยางอายคนนี้ ดูว่าเขาจะแก้ตัวยังไง! “นิษฐากล่าวอย่างโมโห

เยาวเรศมองไปที่นิษฐาอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากเห็นเธอไม่โวยวายว่าจะไล่รพีพงษ์ออกไปแล้วเธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก

รพีพงษ์ตรวจดูห้องของเขา พบว่าถึงแม้ว่าการจัดแต่งที่นี่จะดูเรียบง่ายกว่าเล็กน้อย แต่ก็มีทุกอย่างที่ต้องใช้ ถือว่าสะดวกสบายและมีห้องสุขาอยู่ชั้นบน เขาไม่จำเป็นต้องไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างกับผู้หญิงสองคนนั้น ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงความลำบากและเก้อเขินได้

หลังจากแน่ใจว่าห้องไม่มีอะไรผิดปกติรพีพงษ์ก็นอนลงบนเตียง

เมื่อเขามาที่เซี่ยงไฮ้ ภารกิจหลักของเขาคือการค้นหาอารียา

แม้ว่าตอนนี้จะมีเบาะแส แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าอารียาอยู่ที่ไหน วิไลพรได้ส่งคนไปทำสิ่งเหล่านี้ สถานที่ที่เขาสามารถหานั้นจำกัด ในเวลานี้ เขาทำได้เพียงพึ่งพาเครือข่ายข่าวกรองของเทือกเขากิสนาเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะตกลงกับผดุงสิทธิ์มาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยฟูตัน แต่ศาสตราจารย์คนนี้ ก็มีโอเพ่นคลาสแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ อยากสอนอะไรก็แล้วแต่เขา เวลาอื่น ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้จัดงานอื่นให้เขา

ดังนั้น ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่ต้องทำ ที่เขาต้องทำคือรอให้วิไลพรส่งข่าวให้เขา

หลังจากนอนบนเตียงสักพักรพีพงษ์ก็หลับไปด้วยความเบลอๆ เขาฝันถึงอารียาและตื่นขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจะจับมือของอารียา

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ดูเวลาและพบว่าผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงรพีพงษ์เขย่าหัวเพื่อให้ตัวเองมีสติลุกขึ้น ลงไปชั้นล่างและพบว่านิษฐากับเยาวเรศได้จากไปแล้ว เขาจึงออกจากห้อง ไปที่ มหาวิทยาลัยฟูตัน

ในเมื่ออารียาเคยปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยฟูตัน จึงมีโอกาสมากที่เธอจะกลับมาอีกครั้ง รพีพงษ์จะไปวนเวียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยฟูตันดู เผื่อฟลุกแล้วได้พบกับอารียาโดยตรง แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรอคอยอย่างไร้จุดหมาย

ในตอนกลางคืน วิไลพรโทรหารพีพงษ์อยากกินข้าวกับเขา รพีพงษ์ปฏิเสธโดยตรง วิไลพรถามรพีพงษ์ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน อยากมาดูสักหน่อย เพราะเกรงว่ารพีพงษ์จะพักในที่ที่ไม่ดีพอ

รพีพงษ์หัวโตเล็กน้อยในทันที เดิมทีนิษฐาก็เข้าใจผิดเขาและวิไลพร ถ้าวิไลพรมาก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น

ดังนั้น เขาจึงบอกวิไลพรว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารียา ก็ไม่ต้องมารบกวนเขา พูดเสร็จก็วางสายโทรศัพท์ลงทันที

ในอีกสองวันถัดมารพีพงษ์ใช้เวลาส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยฟูตัน ไปอยู่ในที่ที่อารียาเคยปรากฏตัวและใช้เวลาที่เหลือพักผ่อนอยู่ในบ้านเช่า

แม้ว่านิษฐาจะไม่พอใจในตัวรพีพงษ์มาก แต่เธอก็ไม่เคยพูดว่าจะขับไล่รพีพงษ์ออกไป อย่างมากก็แค่ประชดประชันเขารพีพงษ์ไม่ใส่ใจในคำพูดของเธอและไม่สนใจเธอ

ตรงกันข้าม ท่าทีของเยาวเรศที่มีต่อรพีพงษ์จะดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้มีเพียงเยาวเรศกับนิษฐาแค่ผู้หญิงสองคน ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆเช่นเปลี่ยนหลอดไฟและแขวนผ้าม่าน แต่ตอนนี้รพีพงษ์มาอยู่ที่นี่เยาวเรศก็จะขอความช่วยเหลือรพีพงษ์

รพีพงษ์ก็ไม่เคยปฏิเสธ สิ่งนี้ทำให้ เยาวเรศรู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นคนดี ในขณะที่นิษฐารู้สึกว่ารพีพงษ์กำลังเสแสร้ง โดยคิดว่ารพีพงษ์ต้องคิดว่าเยาวเรศเป็นคนไร้เดียงสาที่หลอกง่าย จึงช่วยทำสิ่งเหล่านั้น ต้องมีพิรุธอะไรบางอย่างแน่นอน

บ่ายวันนั้นรพีพงษ์กลับไปที่บ้านพักเพื่อไปเอาของ ทันทีที่มาถึงประตูบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่าง เสียงหัวเราะของผู้ชายหลายคน ผสมกับคำสบถดังก้องใน ทางเดิน.

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ฟังออกว่าคนที่อยู่ชั้นล่างไม่ได้ปิดประตู แต่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไปบอกอะไรพวกเขา เปิดประตูแล้วจะเข้าไป

ในขณะนี้ เขาได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง

“พวกคุณปล่อยฉันไปนะ!”

เสียงนั้นค่อนข้างคุ้นหู รพีพงษ์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และแน่ใจทันทีว่าเป็นเสียงของเยาวเรศ

เขาเดินลงบันไดไปชั้นล่างทันที เห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่และเต็มไปด้วยควันบุหรี่กับกลิ่นแอลกอฮอล์ มีชายหลายคนไม่สวมเสื้อ จับแขนของเยาวเรศพร้อมกับรอยยิ้มร้ายๆ เหมือนกำลังต้องการจะลวนลามเธอ

เยาวเรศตื่นตระหนกไปทั้งใบหน้า แต่ต่อหน้าคนเหล่านี้ไม่มีทางหลุดพ้นได้

“สาวน้อย ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่เล่นกับพวกพี่หน่อยเถอะ คุณรำคาญเราเสียงดัง เดี๋ยวคุณก็โวยวายเสียงดัง คุณก็จะไม่พูดแบบนั้นแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท