พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 523 หากเห็นล่ะ

บทที่ 523 หากเห็นล่ะ

บทที่ 523 หากเห็นล่ะ

“คุณรพี ขอโทษจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะเช่าบ้านที่เช่าร่วมกันกับคนอื่น คนๆนั้นวางใจไม่ได้เลย ยังชอบพูดไปเรื่อยอีก ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณรพีนั้นมีเพียงความเคารพนับถือเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นแต่อย่างใด คุณรพีอย่าเข้าใจผิดนะ”

รพีพงษ์ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เมื่อมโนชาพูดเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าอยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้

“ ฉันจะไปหาบ้านให้คุณรพีใหม่ดีกว่า คราวนี้ฉันไปหาเอง จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่นอน” เมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ในใจมโนชาก็รู้สึกสับสนและร้อนรนมากกว่าเดิม รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“ไม่ต้องแล้ว เพราะเช่าแล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้ว ผมไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมากนัก” รพีพงษ์กล่าว

มโนชากัดริมฝีปาก รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่รพีพงษ์ใจกว้างมากเช่นนี้ เธอจึงไม่ควรไปเปลี่ยนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่มีประสบการณ์ในการเช่าบ้านและการมองหาที่อื่น อาจไม่ดีไปกว่าที่ชายหนุ่มคนนั้นเช่า

เมื่อรพีพงษ์เห็นความรู้สึกผิดของเธอ เขารู้สึกว่ามโนชาให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไปแล้ว ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดกับมโนชา”ให้กุญแจผม ผมไปดูด้วยตัวเอง มหาวิทยาลัยน่าจะมีเรื่องอะไรอีก คุณกลับไปก่อนเถอะ”

“ไม่ต้อง ให้ฉันไปดูกับคุณรพี มิฉะนั้นผู้อำนวยการจะตำหนิฉันแน่” มโนชากล่าวอย่างรวดเร็ว

“ ชายหนุ่มคนนั้นยังบอกอีกว่า มีคนจากมหาวิทยาลัยของคุณอยู่บนบ้าน คุณน่าจะเป็นคนดังในมหาวิทยาลัย ถ้าพวกเธอเห็นว่าคุณเช่าบ้านอยู่กับผม อาจมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นนี้ ผมไปเองจะดีกว่า “รพีพงษ์หาข้ออ้างอีกครั้ง

เขาไม่รู้ว่าโชคเรื่องความรัก ของเขาเริ่มมากขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทันทีที่เขามาถึงเซี่ยงไฮ้ ก็มีหญิงสาวสองคนที่กระตือรือร้นกับเขาเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาทนไม่ไหวเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงต้องหลีกเลี่ยงโดยเร็วที่สุด

เมื่อมโนชาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อันที่จริงเธอไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดยังไง ถ้ามีคนเข้าใจผิดเธอกับรพีพงษ์ในใจเธอก็คงมีความสุขอยู่บ้าง

น่าเสียดายที่ตอนนี้รพีพงษ์พูดถึงตัวเธอ เธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

“งั้น … งั้นก็ได้ คุณรพี ถ้าคุณมีปัญหาอะไร คุณต้องโทรหาฉันนะ ฉันจะมาหาโดยเร็วที่สุด” มโนชากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า หลังจากรับกุญแจแล้ว เขาก็หันหลังและเดินไปที่ชุมชน

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของรพีพงษ์ที่เดินเข้าไป มโนชาก็ถอนหายใจ หากมีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์กับรพีพงษ์ เธอคงมีความสุขเกินกว่าที่จะมาเสียใจ เพราะหลายคู่ที่อยู่ด้วยกันและเริ่มจากข่าวลือแบบนี้

ในคอนโดดูเพล็กซ์

นิษฐากับเยาวเรศกลับจากสนามบิน ไปที่บ้านที่พวกเธอเช่าก่อน โดยวางแผนที่จะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปมหาวิทยาลัย

ทั้งคู่ไม่ชินกับการใช้ชีวิตในหอพักเล็กน้อย รวมถึงสภาพของครอบครัวก็ค่อนข้างดี จึงออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน

ในขณะนี้ นิษฐาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผมที่เปียก มีเพียงผ้าขนหนูอาบน้ำพันรอบตัวและเผยให้เห็นรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าของเธออย่างชัดเจน

“จิมมี่ เจ้าของบ้านบอกว่าห้องบนของเรามีคนเช่าแล้วใช่ไหม ย้ายเข้ามาเมื่อไหร่เหรอ” นิษฐาพูดขณะเช็ดผมของเธอ

เยาวเรศส่ายหัวและพูดว่า “บอกว่าจะมาวันนี้ แต่ฉันไม่รู้เวลาที่แน่นอน”

“ฉันได้ยินมาว่า คนที่เช่าชั้นบน ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายนะ ไม่รู้ว่ามันน่าเชื่อถือได้หรือเปล่า หวังว่าจะไม่ใช่พวกโรคจิตนะ เราสองคนเป็นผู้หญิง คงต้องเสียเปรียบแน่นอน” นิษฐากล่าว

เยาวเรศพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเหมือนกับพวกผู้คนที่เพิ่งย้ายมาชั้นล่าง เราก็ควรย้ายออกโดยเร็วที่สุด”

นิษฐาตอบคำว่าอืม จากนั้นถอดผ้าขนหนูออกจากตัวเธอ หยิบเสื้อผ้าบนโซฟาและจะเปลี่ยน

เมื่อเยาวเรศเห็นนิษฐาไม่ได้เขินอาย เธอก็หน้าแดง ไม่กล้ามองไปที่ร่างของนิษฐาโดยตรง

“นิษฐา คุณเปลี่ยนแบบนี้เลยหรือ ไม่กลัวมีคนเห็นเหรอ” เยาวเรศกล่าว

“กลัวทำไม ยังไงในนี้ก็มีเพียงคุณ หรือฉันจะกลัวคุณเห็น” นิษฐาพูดด้วยใบหน้าไม่รู้สึกแคร์

ทันทีที่คำพูดของเธอลดลง ประตูก็เปิดออกรพีพงษ์ก็เดินเข้ามาจากด้านนอกห้อง ฉากแรกที่เข้ามาในสายตาของเขาคือนิษฐาที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า

นิษฐาหันไปมองรพีพงษ์ จากนั้นมองลงไปที่ร่างของเธอ จากนั้นเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วอพาร์ทเมนต์

รพีพงษ์รู้สึกอายและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองข้างหลังเขาอีก

นิษฐารีบหยิบเสื้อผ้าบนโซฟา ปกปิดส่วนสำคัญของเธอแล้วรีบเข้าไปในห้องของเธอ

“ ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่ามีใครกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างใน” รพีพงษ์พูดด้วยความรู้สึกผิด

เยาวเรศจ้องไปที่รพีพงษ์ เธอรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าทำไมรพีพงษ์จึงมาอยู่ที่นี่

“เธอเข้าไปในห้องแล้ว คุณสามารถหันกลับมาได้แล้ว” เยาวเรศกล่าว

รพีพงษ์จึงค่อยหันกลับมาและมองไปที่เยาวเรศ

เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เห็น เยาวเรศกับนิษฐาอยู่ในบ้านเช่านี้

“รพีพงษ์ทำไมคุณมาที่นี่?คุณตามเราสองคนมาใช่ไหม?” เยาวเรศมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความระมัดระวัง

แม้ว่าเยาวเรศจะประทับใจในตัวรพีพงษ์บนเครื่องบิน แต่รพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้นที่พักอาศัยของพวกเธออย่างกะทันหันเยาวเรศก็รู้สึกสงสัยมาก

“นี่คือบ้านที่เพื่อนของผมช่วยผมเช่า ผมก็คิดไม่ถึงว่าคุณทั้งสองจะอยู่ที่นี่” รพีพงษ์พูดพร้อมกับเขย่ากุญแจในมือของเขาให้ เยาวเรศ

เยาวเรศก็รู้ทันทีว่ารพีพงษ์เป็นคนเช่าชั้นบนของพวกเธอ

ก่อนหน้านั้น เยาวเรศกังวลว่าผู้ชายที่เช่ากับพวกเธอจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเป็นรพีพงษ์เธอก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน

อย่างน้อยรพีพงษ์ก็ดูเป็นคนปกติและน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ชายที่ย้ายมาอยู่ชั้นล่างของพวกเธอเหล่านั้น

เมื่อสองวันก่อน พวกผู้ชายสองสามคนที่ดูเหมือนพวกอันธพาลที่พักอยู่ชั้นล่าง เมื่อเห็นเธอกับนิษฐาเดินลงไปชั้นล่าง ก็เห็นพวกเขาดื่มเหล้ากันโดยที่ประตูเปิดอยู่และพวกเขาก็ส่งเสียงเป่าปากเมื่อเห็นพวกเธอ

ในเวลานี้ นิษฐาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เดินออกจากในห้อง เธอจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างโกรธเกรี้ยวและตะโกนว่า “คุณมันโรคจิตจริงๆ! ยังกล้าอยู่ที่นี่ไม่ไปอีก คุณคิดว่าผู้หญิงสองคนจะกลัวคุณเหรอ!ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจตอนนี้แล้วนะ! ”

เมื่อเยาวเรศเห็นใบหน้าของนิษฐาเต็มไปด้วยความโกรธ ก็อธิบายอย่างรวดเร็ว”นิษฐา รพีพงษ์เป็นคนที่เช่าอยู่ชั้นบนของเรา เมื่อกี้มันเป็นความเข้าใจผิด”

“อะไรนะ! คุณบอกว่าคนที่เช่าอยู่ชั้นบนเรานั้น เป็นไอ้โรคจิตคนนี้เหรอ?” นิษฐาเบิกตากว้างทันที

รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำเรียกที่นิษฐาเรียกตนเอง มองไปที่เธอและพูดว่า “เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะมองคุณ ผมสาสามารถกล่าวคำขอโทษคุณได้ แต่มันจะหยาบคายเกินไปไหมถ้าคุณเรียกผมแบบนั้น?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท