พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 521 ศาสตราจารย์รับเชิญ

บทที่ 521 ศาสตราจารย์รับเชิญ

บทที่ 521 ศาสตราจารย์รับเชิญ

มหาวิทยาลัยฟูตัน

ในห้องทำงานของคณะประวัติศาสตร์

อาจารย์กลุ่มหนึ่งกำลังนั่งคุยกันหลังเลิกเรียน อาจารย์ก็ไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป พวกเขาชอบนั่งด้วยกันและพูดคุยนินทากันตามประสา

“พวกคุณรู้ไหมว่าคณะของเรากำลังจะมีศาสตราจารย์รับเชิญมา ว่ากันว่าพื้นเพไม่ธรรมดา คณะจะเปิดชั้นเรียนโอเพ่นคลาสสำหรับศาสตราจารย์คนนี้ ได้ยินมาว่าจะสอนเกี่ยวกับความรู้เรื่องวัตถุอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ “อาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยปากกล่าว

“ ปัดโธ่ จริงหรือเปล่า คณะของเราไม่ได้จ้างศาสตราจารย์รับเชิญมานานแล้วใช่ไหม?ว่ากันว่าผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ไม่เห็นนักประวัติศาสตร์จากภายนอกอยู่ในสายตา ศาสตราจารย์ที่สามารถให้ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ยอมรับเชิญมา ต้องเก่งมากแน่ๆ!”

“แน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน แต่คนที่ศึกษาวัตถุอารยธรรมทางประวัติศาสตร์คงต้องเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีละมั้ง”

“ไม่ไม่ไม่ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่อายุน้อยมาก ว่ากันว่าเขาอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้นและไม่ต่างจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเรามากนัก” ในเวลานี้ มีอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าว

“นี่คุณพูดเล่นใช่ไหม มีงานวิจัยเกี่ยวกับวัตถุอารยธรรมทางประวัติศาสตร์และได้รับเชิญจากผู้อำนวยการให้เป็นศาสตราจารย์รับเชิญ จะต้องมีคุณสมบัติและประสบการณ์ที่สูงมากอย่างแน่นอน ประสบการณ์นั้นจะต้องผ่านกาลเวลา ศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้จะมีอายุแค่ยี่สิบกว่าปีได้อย่างไร” คนที่พูดเป็นอาจารย์ชายหนุ่มรูปหล่อ นามว่าไผทสันต์ซึ่งเป็นอาจารย์ชายที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งในคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟูตัน

ตอนนี้ ไผทสันต์อายุ 29 ปี ได้กลายเป็นวิทยากรที่ดีที่สุดในคณะประวัติศาสตร์ เขาตีพิมพ์บทความสิบกว่าบทในนิตยสารที่มีอิทธิพลในระดับนานาชาติ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมของ มหาวิทยาลัยฟูตันมาหลายครั้ง เป็นหนึ่งในผู้มีความหวังได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ในอนาคต

เขาทำผลงานได้ดีมากในคณะ ดังนั้นเขาจึงภูมิใจในตัวเขามาก เขารู้สึกว่าเขาสามารถมีหวังได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองศาสตราจารย์ในอายุวัยยี่สิบเก้าปี ถือว่าเก่งมากแล้ว จะมีคนเก่งที่อายุแค่ยี่สิบกว่าปีก็ได้รับความชื่นชอบจากผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์และเชิญให้เขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญในมหาวิทยาลัยได้อย่างไร

ทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่ไผทสันต์พูดนั้นสมเหตุสมผลแล้วพยักหน้า

ในเวลานี้ ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก มโนชาเดินเข้ามาจากด้านนอก ยิ้มและทักทายอาจารย์ทุกคน “สวัสดีอาจารย์ทุกท่าน”

เธอมาที่สำนักงานเพื่อช่วยผดุงสิทธิ์เอาเอกสาร จากนั้นก็ไปที่หน้าประตูมหาลัยเพื่อไปรับรพีพงษ์

เมื่อคิดถึงเรื่องที่รพีพงษ์รับปากว่าจะมาที่มหาลัยของพวกเขาในฐานะศาสตราจารย์รับเชิญและจะมาในวันนี้ มโนชามีความคาดหวังอยู่ในใจเล็กน้อย

อาจารย์ทุกคนรู้ดีว่ามโนชาเป็นนักศึกษาที่น่าภูมิใจที่สุดของผดุงสิทธิ์โดยทั่วไปแล้วจะบอกทุกอย่างให้กับเธอ ดังนั้นหลังจากที่เห็นมโนชาเข้ามา อาจารย์คนหนึ่งก็ถามทันทีว่า”ชา คุณรู้ไหม อาจารย์ที่รับเชิญในมหาวิทยาลัยของเราเป็นใคร?อายุเท่าไหร่ ”

“คุณรพีเป็นคนเกียวโต ปีนี้เขาน่าจะอายุยี่สิบกว่า มากกว่าฉันเล็กน้อย” มโนชาตอบ มีร่องรอยของการนับถืออยู่ในดวงตาของเธอ

หลังจากที่อาจารย์ทุกคนได้ยินคำพูดของมโนชา พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์ที่ได้รับเชิญมานั้นจะมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น

“ชาคุณไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเราใช่ไหม ในวัยยี่สิบจะมาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญได้อย่างไร”

“ ไม่นะ คุณรพีอายุน้อยก็จริง แต่ความรู้เรื่องวัตถุอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ของเขาไม่น้อยไปกว่าอาจารย์อายุมากที่มีประสบการณ์ แม้แต่ปรมัตถ์ ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ผู้ที่พิสูจน์วัตถุโบราณก็ยังเคารพคุณรพี” มโนชากล่าวอย่างใฝ่หา ทุกคนดูออกว่ามโนชารู้สึกดีกับคุณรพีคนนี้

ไผทสันต์เห็นการแสดงออกของมโนชา ใบหน้าของเขาก็แสดงความไม่พอใจทันที ในฐานะอาจารย์ชายที่เก่งที่สุดในคณะประวัติศาสตร์ ไผทสันต์มีมาตรฐานที่ค่อนข้างสูง สำหรับคู่สมรสนักศึกษาที่เก่งที่สุดในคณะประวัติศาสตร์คือมโนชาที่มีความรู้และหน้าตาดี ซึ่งเป็นคนในอุดมคติของเขาโดยธรรมชาติ

แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงความคิดของเขาให้กับมโนชาอย่างชัดเจน แต่เขาก็ชวนมโนชาไปทานอาหารมาแล้วสองสามครั้ง แสดงความรู้สึกดีๆที่มีต่อเธอ เขาต้องการรอให้มโนชาจบการศึกษา จากนั้นค่อยสารภาพรัก เช่นนี้ในมหาวิทยาลัยก็จะไม่มีใครพูดอะไรอีก

และเขาเชื่อเสมอว่ามโนชาสามารถมองเห็นความเก่งของเขาและจะไม่ปฏิเสธเขา

แต่ตอนนี้ ไผทสันต์รู้สึกถึงวิกฤต จากการมองสีหน้าของมโนชา เขาสามารถเห็นความโปรดปรานของมโนชาที่มีต่อศาสตราจารย์รับเชิญคนนั้น ซึ่งมโนชาไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ให้เขาเห็นมาก่อน

“แม้ว่าศาสตราจารย์รับเชิญจะมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น เขาสามารถมาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาลัยของเราได้ เขาเข้ามาได้เพราะพึ่งความสัมพันธ์ก็เป็นไปได้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในตอนนี้ คนๆนั้นครอบครัวของเขาน่าจะร่ำรวย อย่างไรก็ตาม ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นศาสตราจารย์รับเชิญได้ในวัยยี่สิบของเขา” ไผทสันต์แสดงท่าทีของเขา

มโนชาโต้กลับทันที “ไม่ใช่แบบนั้นคุณรพีมีความรู้จริงๆ เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับโบราณวัตถุในประวัติศาสตร์ แม้แต่ผู้อำนวยการเองก็นับถือในความเก่งของเขา จะเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่ใช้เงินเพื่อหาความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะ? ตอนแรกผู้อำนวยการอยากเชิญคุณรพี แต่คุณรพีไม่อยากมาด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินคำพูดของมโนชา ไผทสันต์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เขาคิดไม่ถึงว่ามโนชาจะปกป้องศาสตราจารย์รับเชิญคนนั้นขนาดนี้

“ชา คุณยังเด็ก คุณต้องถูกหลอกโดยคนๆนั้นแน่นอน คนประเภทนั้น สามารถพูดอะไรบางอย่างได้ แต่ไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้ คุณกระตือรือร้นกับคนแบบนั้นมากขนาดนี้ จะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน “ไผทสันต์กล่าว

มโนชาอยากจะตอบโต้ ในขณะนี้ มีคนปรากฏตัวที่ประตูห้องทำงานและเดินเข้ามาในห้องทำงาน

ไผทสันต์หันหน้าไปมองชายคนนั้นและพูดว่า “นักศึกษาคนนี้ นี่เป็นห้องทำงานของอาจารย์ ก่อนจะเข้ามาคุณควรขออนุญาตก่อน”

“ขอโทษครับ ผมไม่ใช่นักศึกษา ผมมาที่นี่เพื่อหาใครสักคน” รพีพงษ์ยิ้มให้ไผทสันต์ จากนั้นหันไปมองมโนชา

มโนชาตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นรพีพงษ์ คนทั้งคนก็เริ่มกังวล กังวลว่ารพีพงษ์จะไม่พอใจที่เขาได้ยินการสนทนาของพวกเขาในขณะนี้

“คุณ……คุณรพี ทำไมคุณมาถึงเร็วจัง ฉันบอกว่าจะไปรับคุณที่หน้าประตูมหาลัย” มโนชาเอ่ยปากกล่าว

“ผมทำธุระทางโน้นเสร็จเร็ว ผมจึงมาที่นี่ก่อนเวลา” รพีพงษ์กล่าว

มโนชาพยักหน้า หันไปมองอาจารย์ในห้องทำงานและกล่าวว่า “นี่คือศาสตราจารย์รับเชิญที่ผู้อำนวยการรพีพงษ์ คุณรพี”

อาจารย์ทุกคนต่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเด็กขนาดนี้ เมื่อกี้ ไผทสันต์เข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักศึกษา

“คุณรพี ฉันจะพาคุณไปพบผู้อำนวยการก่อน” มโนชาทำท่าทางเชิญให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์พยักหน้า หันหลังเดินออกจากห้องทำงาน แม้ว่าเขาจะได้ยินการพูดคุยของพวกเขา แต่เขาก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ เขามาที่นี่เพราะบังเอิญเห็นมโนชาอยู่ข้างในนี้ เขาจึงเดินเข้าไป

หลังจากมโนชาพารพีพงษ์ไป ไผทสันต์แสดงสีหน้าไม่พอใจ กำหมัดแน่นและทุบมันลงบนโต๊ะ

“ศาสตราจารย์รับเชิญอะไรกัน อย่างมากก็ใช้เงินซื้อเข้ามานั่นแหละ คนแบบนี้ ตื้นและไม่มีความรู้สุดๆ คิดไม่ถึงว่ามโนชาจะให้ความเคารพเขามากขนาดนี้ โง่จริงๆ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท