พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป

บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป

บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ตรีโลจน์ก็ยิ้มอย่างดุร้ายใส่รพีพงษ์ บั๊มทำให้ความกลัวที่เขามีต่อรพีพงษ์อ่อนลงมาก เพียงแค่บั๊มพาคนมา ก็ต้องมีวิธีจัดการรพีพงษ์อยู่แล้ว

“ลุงสามของผมจะพาคนมาเร็วๆนี้ ถ้าคุณมีความสามารถจงอยู่ที่นี่และอย่าไป เมื่อคุณลุงสามของผมมา เขาจะช่วยผมสั่งสอนคุณเอง” ตรีโลจน์หัวเราะ

รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า”อย่ามั่นใจเกินไป บางทีลุงสามของคุณมาเพื่อสั่งสอนคุณก็ได้”

“อย่ามาเพ้อฝันที่นี่เลย ลุงสามของผมจะมาสั่งสอนผมได้อย่างไร ผมเป็นหลานชายของเขา เป็นไปได้ไหมที่เขาจะช่วยคนนอกอย่างคุณ!” ตรีโลจน์พูดอย่างดูถูก

รพีพงษ์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ในการเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นสายสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็จะอ่อนแอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตรีโลจน์เป็นเพียงหลานชายของบั๊ม เนื่องจากซอยดังกล่าวอยู่ห่างจาก ไนท์คลับสวรรค์เพียงไม่กี่สิบเมตร หลังจากที่บั๊มรับสายจากตรีโลจน์ จึงพาคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในซอยภายในห้านาที

เขาดูโมโห เมื่อคิดถึงที่เขาสูญเสีย 200,000 ในใจก็ยิ่งโมโห เขาคิดไม่ออกว่าทำไมตรีโลจน์ถึงไปหาเรื่องคนที่มีภูมิหลังเช่นนั้น

แต่ยังไงตรีโลจน์ก็เป็นหลานชายของเขา แม้ว่าเขาต้องการจะสั่งสอนตรีโลจน์ แต่เขาก็ต้องช่วยตรีโลจน์แก้ปัญหาก่อน หลังจากที่เขาแก้ไขปัญหาของตรีโลจน์แล้ว เขาก็จะสั่งสอนไอ้เด็กไม่เอาถ่านคนนี้

เขาเดินนำผู้คนเข้าไปในตรอก เห็นว่ามีเพียงคนเดียวที่ยืนหันหลังให้เขาในตรอก ตรีโลจน์และเพื่อนร่วมชั้นของเขาล้มลงกับพื้น เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ตรีโลจน์เห็นบั๊มพาคนมา ก็มีร่องรอยของความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา เขารีบโบกมือให้บั๊มและตะโกนว่า “ลุงสาม รีบมาช่วยผมเถอะ นี่คือคนที่ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ รีบช่วยผมสั่งสอนเขาหน่อย! ”

บั๊มส่งเสียงเย็นชา เดินมาจากด้านหลังของรพีพงษ์ จ้องมองตรีโลจน์ด้วยความโมโห กำลังจะเอ่ยปากว่ารพีพงษ์ให้รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อย ขอโทษตรีโลจน์แล้วรีบไสหัวไปจากนี่ แล้วเขาจะได้สั่งสอนตรีโลจน์

“คุณ……”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาหนึ่งคำ รพีพงษ์เก็หันกลับมาและมองไปที่บั๊ม

ทันทีที่บั๊มเห็นใบหน้าของรพีพงษ์ ขนบนร่างกายของเขาลุกขึ้นทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่จัดการตรีโลจน์ ก็คือคุณรพีที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเคารพโดยโสธรในเวลานั้น!

ทำให้บั๊มเปลี่ยนคำพูดโดยสัญชาตญาณทันที “นี่คุณมันไม่รู้ดีรู้ชั่ว กล้าสร้างปัญหาให้เพื่อนของคุณรพียังจะมาสร้างปัญหาให้กับคุณรพีอีก ต่อไปอย่าเรียกผมว่าลุงสามละนะ ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก! ”

หลังจากพูดจบ บั๊มก็ข้ามรพีพงษ์ไปอย่างรวดเร็วและเตะไปที่ใบหน้าของตรีโลจน์โดยตรง

ฟันหน้าสองซี่ในปากของตรีโลจน์ถูกเตะออกโดยตรง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆบั๊มจึงลงมือกับเขา เมื่อกี้เขายังคิดว่าบั๊มจะลงมือกับรพีพงษ์

“พวกคุณยืนอยู่ที่นั่นทำไม รีบมาจัดการไอ้คนที่ไม่รู้ฟ้าเร็ว!” บั๊มตะโกนเรียกลูกน้องของเขา

ลูกน้องเหล่านั้นล้วนมีใบหน้าที่รู้สึกสงสัย แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งพี่ใหญ่ พวกเขาจึงไม่ลังเล ดังนั้นในไม่ช้าพวกเขาจึงไปทุบตีตรีโลจน์ด้วย

ตรีโลจน์อยากจะร้องไห้แต่ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่รู้ว่าลุงสามของเขากำลังทำอะไร ทำไมจู่ๆก็พาคนหนึ่งกลุ่มมาทุบตีเขา เขาอยากจะถาม แต่บั๊มไม่ให้โอกาสเขาเลย เขายังไม่ได้พูดออกมา กำปั้นหมัดแล้วหมัดเล่าฟาดไปที่ใบหน้าของเขา

หลังจากสิบนาทีเต็มๆ บั๊มจึงให้คนของตัวเองหยุด แล้วเดินไปหารพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก้มลงและขอโทษ”คุณรพี ผมคิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้คุณ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?ถ้าไอ้หมอนี่ทำให้คุณบาดเจ็บ ผมจะไม่เก็บมันไว้แน่ ”

รพีพงษ์ส่ายหัวและกล่าวว่า “เนื่องจากคุณได้สั่งสอนเขาให้ผมแล้ว ผมจะไม่ถือสาอะไรแล้ว ต่อไปตั้งใจสั่งสอนเขาดีๆก็ไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ บั๊มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ครับๆ ผจะสั่งสอนไอ้หมอนี่อย่างดี เพื่อไม่ให้มีเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต”

ในเวลานี้ ตรีโลจน์ที่ถูกทุบตีจนชอกช้ำไปหมดทั้งตัวเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด มองไม่เห็นลักษณะดั้งเดิม

“ลง… ลุงสาม ทำไมคุณถึงทุบตีผม คุณควรมาจัดการไอ้หมอนี่ไม่ใช่เหรอ?” ตรีโลจน์ถามอย่างหมดเรี่ยวแรง

บั๊มเตะไปที่บนตัวของตรีโลจน์อีกครั้งและด่าว่า “คุณรู้หรือไม่ว่านี่คือใคร คุณรพีเป็นคนที่พี่ใหญ่ของเราเคารพนับถือ คุณให้ผมจัดการเขา คุณคิดว่าผมจะไม่อยากมีชีวิตอยู่เหมือนคุณเหรอ! ”

เมื่อตรีโลจน์ได้ยินสิ่งที่บั๊มพูด หัวใจของเขาก็กระตุก สามารถทำให้บั๊มมีความเคารพต่อเขา เขาชัดเจนมากเกี่ยวกับน้ำหนักของประโยคนี้

พี่ใหญ่ของบั๊มคือโสธรและรพีพงษ์สามารถทำให้โสธรเคารพเขา มิน่าล่ะ บั๊มจะรู้สึกกลัวหลังจากเห็นรพีพงษ์

ดูเหมือนว่าคราวนี้ตนเองจะเตะถูกกระดานเหล็กจริงๆ แต่มาเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เขาถูกบั๊มทุบตีจนเละเทะ

รพีพงษ์รอให้บั๊มมาที่นี่ เพื่อให้บั๊มมาตักเตือนตรีโลจน์แทนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่มาหาเรื่องเขาในอนาคตอีก เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก

เขาไม่ได้ทักทายบั๊ม เดินออกไปที่จากตรอกซอย

เมื่อบั๊มเห็นเช่นนี้ ก็รีบก้มลงและส่งรพีพงษ์ออกไป

หลังจากที่รพีพงษ์เดินออกจากตรอก บั๊มก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จากนั้นก็มองไปที่ ตรีโลจน์ที่อยู่บนพื้นและพูดว่า “กลับไปบอกพ่อของคุณว่าตรีโลจน์อย่างผม จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณอีก ในอนาคตอย่ามาหาผมไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม”

……

ในอพาร์ตเมนต์

เยาวเรศนั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงภาพที่รพีพงษ์พาโสธรมาช่วยพวกแธอในคืนนี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเอ๋อๆออกมาเป็นครั้งคราว

นิษฐานั่งอยู่ข้างๆเยาวเรศโดยไม่มีความสุจ ขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับท่าทีที่ไม่ดีของรพีพงษ์ที่มีต่อเธอ

ผ่านไปเป็นเวลานาน ดวงตาของนิษฐาก็สว่างขึ้นทันที เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว!”

เยาวเรศหันไปมองนิษฐาพร้อมกับความไม่เข้าใจบนใบหน้าของเธอ

“ การที่รพีพงษ์สามารถรู้จักโสธรได้นั้น ต้องเป็นเพราะสาวรวยสวยคนนั้นที่เลี้ยงดูเขาคิดไม่ถึงว่าสาวรวยสวยคนนั้นจะเก่งขนาดนี้ แม้แต่โสธรก็ยังต้องให้หน้าเธอ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ใช้วิธีไหนถึงเกาะติดเธอ? “นิษฐากล่าวต่อ

เยาวเรศพูดไม่ออก ดูเหมือนว่านิษฐา เพื่อพิสูจน์ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เก่งขนาดนั้น จึงหาร้อยเหตุผลออกมา

นิษฐานั่งลงข้างๆเยาวเรศอีกครั้งและพูดว่า “จิมมี่ คุณอย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้เพราะฉันไม่พอใจเขา ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยของเราไม่ใช่หรือ ฉันสังเกตมาหลายวันแล้ว ในห้องของเขาไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์แม้แต่เล่มเดียวผู้ชายคนนี้ยังชอบไปนั่งเหม่ออยู่ในสนาม ถ้าเขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญจริง ทำไมเขาถึงว่างขนาดนี้ล่ะ”

“มันง่ายมากที่จะพิสูจน์ว่าเขาทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต รอวันจันทร์ เราไปเข้าเรียนโอเพ่นคลาสนั้นก็ได้แล้ว”

“หึๆ ถึงเวลานั้นฉันจะอัดวิดีโอการบรรยายของศาสตราจารย์คนนี้ สอบถามคนเจ้าเล่ห์คนนั้นต่อหน้าด้วยตนเอง!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท