พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 534 ต้องพาคนไปเยอะหน่อย

บทที่ 534 ต้องพาคนไปเยอะหน่อย

บทที่ 534 ต้องพาคนไปเยอะหน่อย

ในตรอกนอกบาร์

ตรีโลจน์รอที่นี่พร้อมกับกลุ่มเพื่อนชายในชั้นเรียนของเขา ที่นี่สามารถเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนที่ทางเข้าของบาร์ สามารถเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าใครกำลังเข้าและออกจากบาร์

“ พี่ตรี ชายหนุ่มเกาะผู้หญิงกินคนนั้นยังอยู่ในบาร์จริงๆเหรอ มันนานมากแล้วนะ เขายังไม่ออกมาเลย คงไม่ใช่ว่าเขาแอบไปทางประตูหลังแล้วหรือเปล่า” เพื่อนร่วมชั้นชายคนหนึ่งพูด

ตรีโลจน์ส่งเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ประตูหลังของไนท์คลับสวรรค์ ไม่ใช่ใครก็สามารถเดินผ่านได้ ไอ้คนเกาะผู้หญิงกินคนนั้นจะออกมา ต้องเดินผ่านหน้าประตูหน้าเท่านั้น รออีกสักครู่ เพียงแค่เขาออกมา เราก็ลงมือเลย กูต้องให้มันได้รับรู้ความเก่งกาจของกูให้ได้ ”

“พี่ตรี รีบดูเร็ว เยาวเรศกับนิษฐาออกมาแล้ว” ในเวลานี้ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกน

ทุกคนหันศีรษะและมองไปที่ทางเข้าของบาร์ พบว่าเยาวเรศกับนิษฐาเดินออกมาจากที่นั่นแล้ว

นิษฐาเต็มไปด้วยความโกรธในเวลานี้ ส่วนเยาวเรศถือถุงดำไว้ในมือของเธอ กำลังเกลี้ยกล่อมนิษฐาอยู่

แม้ว่าทุกคนจะคิดว่านิษฐาควรเกลี้ยกล่อมเยาวเรศ แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีความสุขมากนักที่ได้เห็นทั้งสอง คิดว่าพวกเธอคงจะถูกบั๊มรังแกแล้ว

“ ดูจากท่าทางของทั้งสอง มองดูแล้วดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่มากนัก พี่ตรี หรือว่าลุงสามได้ปล่อยพวกเธอสองคนไปหรือเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถาม

ตรีโลจน์หัวเราะเยาะและพูดว่า “ลุงสามของผมเป็นถึงคนของโสธร ความโหดของเขา ผมไม่จำเป็นต้องพูด พวกคุณก็คงจะรู้ เยาวเรศไม่ยอมยอมรับว่าเป็นแฟนของผม ลุงสามของผมจะปล่อยเธอไปง่ายๆได้อย่างไร ที่พวกเธอสามารถออกมาได้ คงเพราะตอบตกลงกับคำขอของลุงสามของผมแล้ว ไม่เห็นที่เยาวเรศถือถุงดำไว้ในมือหรือ ในนั้นอาจจะเป็นของที่ลุงสามลงโทษพวกเธอก็ได้ ”

หลายคนรอบตัวเมื่อพวกเขาได้ยินที่ตรีโลจน์พูดแบบนี้ พวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย ในความคิดของพวกเขาเยาวเรศกับนิษฐาอยู่ต่อหน้าบั๊ม ทำได้แค่อ้อนขอความเมตตา

“อย่าพึ่งไปสนใจพวกเธอ วันนี้ผมจะต้องรอไอ้คนเกาะผู้หญิงกินคนนั้นให้ได้ ไม่ต่อยมันสักยก ความโกรธในใจของผมไม่สามารถระบายออกได้ กูจะให้เขาได้ลิ้มรสพลังหมัดของกูให้ได้!” ดวงตาของตรีโลจน์หรี่ลง ระเบิดออร่าแห่งการสังหาร

ที่ห้องส่วนตัวในบาร์ โสธรขอโทษรพีพงษ์ซ้ำๆ เพราะเรื่องของบั๊ม เพื่อแสดงความจริงใจ เขาดื่มไวน์สามแก้วและขอให้รพีพงษ์ยกโทษให้เขา

รพีพงษ์กล่าวว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ให้โสธรอย่าเอามาใส่ใจ

โสธรเริ่มเมาอย่างรวดเร็วหลังจากดื่มไวน์ไปสามแก้วและล้มลงบนโซฟา

เมื่อรพีพงษ์เห็นโสธรเป็นแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นและจะออกไป เมื่อเขาออกไปโสธรกล่าวด้วยความมึนเมาว่า “ผู้หญิงที่ชื่อ ดารินทร์ จากตระกูลพงศ์ธนธดา เหมาะกับคุณรพีมาก ในโทรศัพท์ผมมีรูปของเธอ คุณรพีดูสิ”

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มหารูปถ่าย

รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ บอกพนักงานเสิร์ฟเกี่ยวกับสถานการณ์ของโสธรและออกจากที่นี่

โสธรหารูปของดารินทร์ ออกมา ยื่นมือออกไปโบกไปมา โทรศัพท์ก็ตกลงไปที่พื้นโดยตรง

บนหน้าจอโทรศัพท์ อารียาในงานเลี้ยงอาหารค่ำถูกถ่ายอย่างสวยงาม

น่าเสียดายที่รพีพงษ์ได้จากไปแล้ว ไม่ได้เห็นใบหน้าของคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาคนนี้

ด้านนอกบาร์ ตรีโลจน์ยังคงจ้องไปที่ทิศทางของประตูบาร์และรอด้วยความหมดความอดทนเล็กน้อย

เขาแอบด่าในใจสองสามคำ คิดว่ารพีพงษ์อาจรู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆ จึงวางแผนที่จะซ่อนตัวอยู่ในบาร์ตลอดทั้งคืน

ในขณะนี้ รพีพงษ์เดินออกมาจากบาร์ ดวงตาของตรีโลจน์สว่างขึ้นทันที จากนั้นเขาก็รีบพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขา”ผู้ชายคนนั้นออกมาแล้ว รีบไปขวางเขาไว้ นำมันมาที่ตรอกนี้ ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะได้จัดการมันละ ”

กลุ่มคนเริ่มมีกะจิตกะใจในทันทีและรีบตามตรีโลจน์ไปทางรพีพงษ์

เดิมที รพีพงษ์วางแผนที่จะนั่งแท็กซี่กลับไป ในตอนนี้ ตรีโลจน์และกลุ่มคนล้อมรอบเขา ทุกคนมีรอยยิ้มที่ไม่ดีบนใบหน้า

“ คิดไม่ถึงว่าคุณอยู่ข้างในนานขนาดนี้จึงค่อยออกมา รู้ว่าผมรอคุณอยู่ที่นี่ใช่ไหม ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะหลบซ่อนแล้วไม่ยอมออกมา?” ตรีโลจน์หัวเราะเยาะรพีพงษ์ด้วยความเย็นชา

“ คุณต้องการทำอะไร?” รพีพงษ์ถามอย่างใจเย็น

“ทำอะไร?แน่นอนว่าก็ต้องสั่งสอนชายหนุ่มเกาะผู้หญิงกิน คุณคิดว่าตรีโลจน์อย่างผมเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆเหรอ?จะบอกคุณนะ ถ้าคุณไม่ชกคุณจนคุกเข่าร้องขอความเมตตา วันนี้กูจะเขียนชื่อของกูกลับหัว! “ตรีโลจน์กล่าวด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

รพีพงษ์เบะปากของเขาและมองไปที่สิ่งที่เรียกว่า “นักศึกษา” ที่อยู่ตรงหน้าเขา อันที่จริงเขาไม่ต้องการจัดการพวกเขา เพราะยังไงพวกเขายังคงอยู่ในหมวดหมู่ของนักเรียนและเป็นเรื่องปกติที่จะอารมณ์ร้อนไปหน่อย

แต่ตรีโลจน์ยืนกรานที่จะหาเรื่องเขา รวมถึงคำพูดที่เขาพูดนั้น ไม่เหมาะกับสถานะนักศึกษาของเขาเลย รพีพงษ์ก็รู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย

“คุณจะถูกพวกเราทุบตีที่ถนนโดยตรงหรือคุณจะไปในตรอกซอยข้างๆ?” ตรีโลจน์จ้องไปที่รพีพงษ์และถามอีกคำ

รพีพงษ์หันหน้าไปมองที่ตรอกซอยด้านข้างโดยไม่พูดอะไรสักคำ เดินไปที่นั่น

เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยไม่ได้สั่งสอนนักศึกษาเหล่านี้ให้ดี เขาจึงมาสอนความรู้ที่พวกเขาไม่สามารถได้มาจากในมหาวิทยาลัย

ตรีโลจน์และคนอื่นๆเห็นรพีพงษ์เดินไปที่ตรอกอย่างเชื่อฟัง หัวเราะออกมาทันที ในความคิดของพวกเขา นี่หมายความว่ารพีพงษ์ยอมแพ้

“ไอ้ขี้ขลาด เดินไปที่ตรอกด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนรักศักดิ์ศรีอยู่นะ รู้ว่าการถูกพวกเราทุบตีข้างถนนจะต้องอับอาย ฮิฮิ ทำไมเขาไม่รู้สึกว่าการเกาะผู้หญิงกินเป็นความอัปยศล่ะ?” ตรีโลจน์เยาะเย้ย

จากนั้นกลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินตามรพีพงษ์ไปที่ตรอกซอย โดยแต่ละคนถูไม้ถูมือ คิดที่จะชกไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เดินไปที่กลางซอยและหยุดลง ตรีโลจน์และเพื่อนร่วมชั้นที่ลาออกไปแล้วล้อมรอบรพีพงษ์จ้องมองรพีพงษ์อย่างเย้ยหยัน

“ ถ้าตอนนี้คุณคุกเข่าลง เรียกพวกเราว่าคุณปู่สักสองสามครั้ง ใช้ความสามารถการเกาะผู้หญิงกินของคุณมาทำให้เรามีความสุข ไม่แน่ว่าเราอาจจะอภัยให้คุณ ผมให้โอกาสนี้แก่คุณ เป็นยังไง คุณต้องการที่จะคุกเข่าให้พวกเราตอนนี้หรือไม่? “ตรีโลจน์หัวเราะเยาะ

“ ลงมือพร้อมกันทุกคนเถอะ ผมมีเวลาไม่มาก” รพีพงษ์พูดจางๆ

ทันใดนั้น ตรีโลจน์ก็หรี่ตาลงและด่าว่า“ ให้หน้าไม่เอา นี่คุณเป็นคนหาที่ตายเองนะ เพื่อนๆลงมือพร้อมกัน!”

จากนั้น ตรีโลจน์ก็นำพวกเขาพุ่งเข้าหารพีพงษ์ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงพลังของรพีพงษ์มาก่อน แต่เขาก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะสามารถเอาชนะพวกเขาที่คนมากมายขนาดนี้ได้

เพื่อนร่วมชั้นของตรีโลจน์ต่างก็ตื่นเต้นกัน พวกเขารู้สึกว่ามีคนต่อสู้กับรพีพงษ์เยอะขนาดนี้ มันต้องเป็นฝ่ายเดียวที่ชนะ

อย่างไรก็ตาม มักจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ

ห้านาทีต่อมา

มีเสียงครวญครางในซอย

รพีพงษ์ตบฝุ่นที่แขนเสื้อของเขา มองลงไปที่ตรีโลจน์ซึ่งล้มลงต่อหน้าเขาด้วยจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมและถามว่า “จะเอาอีกไหม?”

ตรีโลจน์มองรพีพงษ์ด้วยความสยดสยอง ราวกับว่าเขากำลังดูปีศาจที่ออกมาจากนรก มือที่ยืดออกมาที่รพีพงษ์แสดงให้เห็นในเมื่อสักครู่นั้นน่ากลัวจริงๆ เขาไปที่โรงยิมทุกวันและเขาไม่เคยเห็นคนที่น่ากลัวแบบนี้

ไม่น่าล่ะที่เยาวเรศจะบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ที่แท้เธอไม่ได้ล้อเล่น แต่มันเป็นเรื่องจริง

“คุณ … อย่าทะนง คุณกล้าให้ผมเรียกลุงสามของผมมาไหม คุณชกต่อยนักศึกษาอย่างเราจะเก่งแค่ไหนกัน ถ้าคุณสามารถจัดการแม้แต่ลุงสามของผม ผมจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนอีก” ตรีโลจน์รวบรวมความกล้าแล้วพูด

“ กลัวว่าลุงสามของคุณจะไม่กล้ามาล่ะสิ” รพีพงษ์กล่าว

“อย่ามาโม้ ลุงสามของผมเป็นคนของโสธร คุณรู้จักโสธรหรือเปล่า นั่นเป็นถึงผู้นำมาเฟียในเซี่ยงไฮ้เลยนะ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ลุงสามของผมอยู่ในบาร์ ถ้าคุณกล้า ก็ให้ผมโทรหาเขา” ตรีโลจน์มีความมั่นใจขึ้นทันที เมื่อเขาเอ่ยถึงลุงสามของเขา

รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ในใจคิดว่าในเมื่อตรีโลจน์ยังไม่ตายใจ งั้นก็ให้เขาเรียกบั๊มมา เพื่อจะได้แก้ปัญหานี้ไปด้วย

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็โทรเถอะ” รพีพงษ์กล่าว

ตรีโลจน์ผงะ จากนั้นหัวเราะเยาะ โดยคิดว่ารพีพงษ์โง่จริงๆ ให้เขาโทรหาคนมา ไอ้หมอนี้ต้องไม่รู้ว่าลุงสามของเขาเก่งแค่ไหน

เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขของบั๊มโดยไม่ลังเล

“ลุงสาม มาที่นี่ในซอยตรงข้ามบาร์ ผมถูกคนอื่นทุบตี อย่าลืมนำคนมาเยอะหน่อยนะ คนๆนี้จัดการยาก” ตรีโลจน์พูดตรงๆ

เงียบไปสองสามวินาที แล้วเสียงโกรธที่ถูกระงับอยู่ของบั๊มก็ดังขึ้น “โอเค คุณรอผมไว้ ผมจะพาคนไปเยอะหน่อย”

ในเวลานี้ บั๊มกำลังคิดที่จะไปจัดการตรีโลจน์ เขารับปากว่าจะนำคนมาเยอะหน่อย ไม่ใช่เพื่อช่วยตรีโลจน์แต่เพื่อสั่งสองเขาหนักๆ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท