พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 539 ในที่สุดก็พบคุณ

บทที่ 539 ในที่สุดก็พบคุณ

บทที่ 539 ในที่สุดก็พบคุณ

นิษฐาถูกรพีพงษ์ผลักจนเกือบล้มลงกับพื้น

เธอมองไปที่รพีพงษ์ที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่อับอาย เธอรู้สึกคับข้องใจไม่รู้จบไปชั่วขณะ

แม้ว่าจะไม่อยากให้อภัย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องผลักตัวเองออกไปเช่นนี้ไหม?

อีกอย่างยังวิ่งเร็วขนาดนี้ หรือว่าเขารําคาญตนเองขนาดนี้เลยเหรอ?

หึ บรรยายเก่งแล้วยังไง ยังไงก็เป็นแค่คนที่ใจแคบ คิดไม่ถึงว่าจะเจเคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ ตอนแรกอยากขอโทษเขาด้วยความจริงใจ ตอนนี้เหรอขอโทษเขาก็บ้าละ

เดิมทีนิษฐารู้สึกน้อยใจ แต่กลับกลายเป็นความโกรธในภายหลังและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง

……

ที่ทางเดิน หลังจากรพีพงษ์รีบวิ่งออกไป เขาก็รีบมองไปยังทิศทางที่อารียาเพิ่งเดินผ่านร่างที่คุ้นเคยจากด้านหลังของเธอทำให้ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย

ที่แท้อารียาอยู่ที่นี่จริงๆด้วย อีกอย่างไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ เส้นประสาทของรพีพงษ์ที่ตึงเครียดมานานก็ผ่อนคลายลง

เขาหยุดอยู่กับที่เป็นเวลาหลายวินาที จากนั้นหายใจเข้าลึกๆและตะโกนใส่ร่างตรงหน้า”อารี!”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง รอให้อารียาหยุดเดิน วินาทีที่หันกลับมาสบตาเขา เขาจะรีบไปหาคนที่คิดถึงตลอดทุกวันคืน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

อย่างไรก็ตาม ฉากที่เขาเฝ้ารอไม่ได้เกิดขึ้น ร่างที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดชั่วขณะ จากนั้นก็เดินไปทางด้านหน้าต่อไป

ความรู้สึกตื่นเต้นในใจของรพีพงษ์เย็นลงอย่างกะทันหัน เขาคิดไม่ถึงว่าอารียาจะหยุดแค่ชั่วขณะหลังจากได้ยินเสียงตะโกนของเขา จากนั้นก็เดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาอยู่ด้วยกันกับอารียามานานขนาดนี้ พวกเขาเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับกันและกันอย่างละเอียดแล้ว รพีพงษ์สามารถสรุปได้ว่าเป็นอารียาจากด้านหลังของเธอเท่านั้น แน่นอนว่าอารียาก็สามารถแยกแยะออกว่าว่าคนๆนั้นคือใครได้เพียงประโยคเดียว

ทุกรายละเอียดของร่างที่เดินอยู่ข้างหน้า พิสูจน์ให้รพีพงษ์เห็นว่า เป็นภรรยาของเขาที่หายไปเป็นเวลานาน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจำผิด รพีพงษ์ไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าแค่หน้าตาเหมือนอารียา คนสองคนอาจมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันหรือเหมือนกันทุกประการ แต่ความสง่าและนิสัยที่ได้รับการปลูกฝังมานาน ไม่สามารถเหมือนกันได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม บุคคลที่รพีพงษ์คิดว่าต้องเป็นอารียา หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของเขา ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆเลย ราวกับว่าเขารู้สึกว่าเสียงนั้นไม่ได้เรียกเธอ

นี่เป็นเพราะอะไร?

ทันใดนั้นความสงสัยก็ปรากฏในใจของรพีพงษ์ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตามหลักแล้วอารียาควรจะวิ่งมาหาเขาทันทีที่พบเขา อีกอย่างสิ่งที่ทำให้เขางงงวยมากที่สุดก็คืออารียาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้โดยไม่ได้เป็นอะไร แต่เธอกลับไม่เคยติดต่อกับเขาเลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขางงมาก

เขารู้ดีว่าอารียาไม่ได้หายตัวไปได้โดยไม่มีเหตุผล ในช่วงที่เธอหายตัวไป จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน จึงทำให้อารียาไม่เคยติดต่อกับเขา

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรนั้น คงต้องให้อารียาอธิบายด้วยตนเองเท่านั้น

ความเป็นไปได้มากมายเกิดขึ้นในหัวของรพีพงษ์ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การที่อารียาไม่สนใจเขา ทำให้รพีพงษ์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เขาไม่ลังเลอีก รีบตามอารียาไปและหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

“อารี ทำไมคุณถึงไม่สนใจผม ผมตามหาคุณมานานแล้ว ผมยังคิดว่าคุณประสบอุบัติเหตุ คุณสบายดีก็ดีแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมา บอกผมได้ไหมว่าช่วงนี้คุณประสบอะไรมา? “รพีพงษ์กล่าวด้วยความตื่นตระหนก

ในเวลานี้ ผู้หญิงที่กำลังเดินอยู่กับอารียายืนบังอยู่ตรงหน้า อารียาจ้องมองรพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ระมัดระวังและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นใครเหรอ คุณต้องการทำอะไร รีบไสหัวออกไปนะ อย่าได้คิดที่จะมาคิดไม่ซื่อกับคุณหนูของเรา!”

ในเวลานี้ รพีพงษ์พึ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างๆอารียา เมื่อได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนี้ รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณหนูของคุณ?เธอเป็นภรรยาของผม ทำไมถึงกลายเป็นคุณหนูของคุณได้อย่างไร?”

เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าของเธอมีร่องรอยของความรังเกียจ เธอยื่นมือออกไปเพื่อผลักรพีพงษ์และตะโกนว่า “ทำไมคุณถึงไร้ยางอายขนาดนี้ คุณกล้าที่จะไม่เคารพคุณหนูของเราขนาดนี้? ไอ้ขยะไร้ประโยชน์จากไหนเนี่ย บอกว่าคุณหนูเราเป็นภรรยาคุณ คุณคู่ควรเหรอ?”

ทันใดนั้น รพีพงษ์รู้สึกกังวลเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเหลือบมองไปที่อารียาที่อยู่ข้างหลังหญิงสาว พบว่าอารียากำลังมองตัวเขาอย่างเหม่อลอย ในเวลานี้คิ้วของเธอขมวดไว้ ราวกับว่ากำลังพยายามคิดอะไรบางอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกปวดใจคือสายตาที่อารียามองเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน แม้ว่ารพีพงษ์จะแน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือภรรยาของเขา แต่ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่รพีพงษ์ไม่คาดคิดมาก่อน

“อารี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณถึงมองผมด้วยสายตาแบบนี้?ผมคือรพีพงษ์ไง คุณไม่รู้จักผมแล้วเหรอ?” รพีพงษ์จ้องไปที่อารียาอย่างไม่ละสายตาและถาม

“ ทำไมคุณหน้าด้านขนาดนี้ อย่าใช้สรรพนามที่น่ารังเกียจเช่นนี้เรียกคุณหนูของเราคุณหนูของเราไม่รู้จักคุณ คุณรีบไสหัวไป ไม่งั้นอย่าโทษฉันว่าฉันหยาบคายนะ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าของ อารียาตะโกนใส่รพีพงษ์อีกครั้ง

ถึงตอนนี้ อารียาพึ่งดึงสติกลับมา เธอยื่นมือออกไปดึงเสื้อผ้าของหญิงสาวแล้วพูดเบาๆว่า “ขนมปังอย่าพูดแบบนั้นกับคนอื่น เขาอาจจะแค่จำผิดคน”

วินาทีที่อารียาเห็นรพีพงษ์มีความเจ็บปวดส่งมาจากหัว เธอรู้สึกว่าเธอเคยเห็นผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ดูเหมือนจะมีความทรงจำบางอย่างอยู่ในหัว ผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันกำลังจะหลุดออกมาจากความทรงจำ

แต่เธอยืนอยู่กับที่และครุ่นคิดอย่างหนักเป็นเวลานาน แต่ไม่มีความทรงจำใดๆออกมาในความคิดของเธอ แต่เธอมีความรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายตรงหน้าเธอ ส่วนที่เหลือก็ว่างเปล่า

หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา ก็มีสถานการณ์เช่นนี้ปรากฏหลายครั้ง หลังจากเห็นอะไรบางอย่าง สมองของเธอก็จะตอบสนองเช่นนี้ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดสำหรับเธอ

เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา อารียาคิดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธออาจจะคล้ายกับคนที่เธอเคยรู้จักในอดีต ดังนั้นจึงเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น เธอจำไม่ได้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา ตระกูลพงศ์ธนธดาหลายคนได้ปลูกฝังเธอหลายอย่าง “ความทรงจำเกี่ยวกับอดีตของเธอ” ในความรู้ความเข้าใจของเธอ เธอไม่เคยแต่งงานกับใครมาก่อนเธอจึงคิดว่ารพีพงษ์จำคนผิดแน่นอน

ขนมปังได้ยินคำพูดของอารียาและโต้กลับทันที “คุณหนู คุณอ่อนโยนเกินไปแล้ว คนแบบนี้เราเจอมาไม่น้อยนิ เขาจำคนผิดที่ไหนล่ะ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากเอาเปรียบคุณหนู”

ขนมปังคนนี้เป็นสาวใช้ของอารียา แม้ว่าอารียาจะเป็นคุณหนู แต่เธอก็มักจะทำตัวเข้มแข็งกว่าคุณหนูมาก การตัดสินใจหลายอย่าง ขนมปังก็ตัดสินใจเองโดยไม่คำนึงถึงการคัดค้านของอารียา

“อารี คุณ … คุณไม่รู้จักผมจริงๆหรือ?” รพีพงษ์มองไปที่สายตาของอารียาที่เต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคย เสียงของเขาก็สั่น

“อารี อะไรของคุณ นี่คือคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังแกล้งโง่ รีบไสหัวไปไม่งั้นฉันจะโทรหาคนของตระกูลพงศ์ธนธดาถึงตอนนั้นคุณซวยแน่!” ขนมปังตะโกนใส่หลินรพีพงษ์อีกครั้งอย่างโหดเหี้ยม

เมื่อได้ยินคำพูดของขนมปัง ร่างกายของรพีพงษ์ก็แข็งทื่อขึ้นทันที มองไปที่อารียาอย่างไม่น่าเชื่อ ในใจขึ้นๆลงๆ

คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา ดารินทร์ !

เป็นไปได้ยังไง! ทำไมอารียาถึงกลายเป็น คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา?

เมื่อคิดถึงตอนที่โสธรต้องการแนะนำคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาให้รพีพงษ์ในวันนั้น รพีพงษ์รู้สึกเหลือเชื่อ

ภรรยาของตนเอง กลายเป็นคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาได้อย่างไร? เธอควรเป็นประธานของตระกูลฉัตรมงคลต่างหาก

“ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน เธอเป็นภรรยาของผม อารียา ผมตามหาเธอมานานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจำคนผิด อารี คุณกลับไปกับผม ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณในช่วงเวลาที่ผ่านมา “รพีพงษ์มองไปที่อารียาด้วยความตื่นเต้น ยื่นมือออกไปเพื่อคว้าอารียาไว้

เมื่อขนมปังเห็นเช่นนี้ ก็รีบปกป้องอารียาไว้แล้วถอยหลังกลับไปสองสามก้าว ตะโกนบอกคนรอบข้าง “รีบมาดูสิ ไอ้คนไร้ยางอายนี้ กำลังแพร่กระจายข่าวลือที่นี่ บอกว่าคุณหนูของเราเป็นภรรยาของเขา ไม่ลองตักน้ําใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองว่าคู่ควรไหม ได้ยินมาว่าผู้ค้ามนุษย์หลายคนจะใช้กลอุบายนี้ ก่อนที่จะลักพาตัวคนนั้นไป บางทีบุคคลนี้อาจเป็นผู้ค้ามนุษย์ก็ได้ พวกคุณรีบมาจับตัวเขาไว้เร็ว! ”

เมื่อขนมปังตะโกนอย่างนั้น คนรอบๆก็มารวมตัวกันที่นี่ ทันทีที่ทุกคนจ้องไปที่รพีพงษ์และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์

“ คนนั้นเป็นคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดาไม่ใช่หรือ มีคนกล้าบอกว่าคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นภรรยาของเขา นี่มันกล้าเกินไปแล้ว”

“ ปัดโธ่ ทุกวันนี้ คนประเภทไหนก็มีเนาะ มีแม้แต่คนที่ต้องการใช้วิธีนี้เพื่อโกงคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มองว่าตระกูลพงศ์ธนธดาในเซี่ยงไฮ้นั้นใหญ่แค่ไหน ใครทำแบบนี้จะต้องตายอย่างอนาถในที่สุด”

“ แม่งเอ้ย ไอ้นี่มันไร้ยางอายจริงๆ คำพูดแบบนี้ก็พูดออกมาได้ ถ้าคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาแต่งงานจริงๆ ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน อีกอย่างคนใหญ่โตระดับนี้ จะไปแต่งงานกับคนธรรมดาได้ยังไง?

……

ในเวลานี้ ผู้คนที่เพิ่งเข้าร่วมชั้นเรียนก็ออกมาเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ยินคนรอบข้างพูดว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง

พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ศาสตราจารย์รับเชิญที่ระดับสูงคนนี้ จะบอกว่าคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นภรรยาของตนเอง ซึ่งนี่ค่อนข้างไม่สอดคล้องกับบุคลิคของรพีพงษ์ในชั้นเรียน

ผู้ที่ไม่รู้จักตัวตนของรพีพงษ์ล้วนคิดว่าเขาประสาท

เยาวเรศก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้างงงวย คิดไม่ออกว่าทำไมรพีพงษ์ถึงทำสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงตัวเองเช่นนี้

ส่วนนิษฐา ใบหน้าเต็มไปด้วยการดูถูก ไม่มีความรู้สึกผิดในใจอีกต่อไป

“คุณหนู พวกเรารีบไปกันเถอะ คนนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ เดี๋ยวกลับไปฉันจะบอกเรื่องนี้ให้คุณท่านฟัง ให้คุณท่านมาจัดการเขา” ขนมปังหันศีรษะและพูดกับอารียาก่อนที่จะลากเธอเดินจากไป

“แต่ว่า … ” อารียามีความต่อต้านโดยสัญชาตญาณ เธอรู้สึกว่าคนๆนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เธอเรียกคืนความทรงจำของเธอได้

“โอ๊ย ไม่มีแต่ว่าอะไรทั้งนั้น คุณนหนู รีบไปกันเถอะ” ขนมปังไม่ให้โอกาสอารียา

รพีพงษ์อยากจะหยุดอารียาไว้ และในเวลานี้ผู้คนรอบๆก็รุมล้อมรพีพงษ์ทันทีและขวางรพีพงษ์ไว้

“คิดว่ามหาวิทยาลัยของเราเป็นสถานที่ที่คุณสามารถทำอะไรก็ได้เหรอ!”ผู้ชายหลายคนพูดอย่างโมโห

รพีพงษ์หยุดลง สบตากับอารียาที่หันมามอง มีเพียงความรู้สึกไม่คุ้นเคยและทำอะไรไม่ได้ในสายตาของอีกฝ่าย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท