พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่544 รพีพงษ์ผู้เมตตา

บทที่544 รพีพงษ์ผู้เมตตา

บทที่544 รพีพงษ์ผู้เมตตา

พรรธน์ยศที่สีหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของอาจารย์ผู้หญิงแล้ว ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยตรง เพ่งตาทั้งคู่ แล้วถาม “คุณพูดว่าอะไรนะ? มีคนโอนเงินเข้ามหาลัยพันล้าน?”

สีหน้าของอาจารย์ผู้หญิงคนนั้นดูซีเรียส เห็นท่าทีของอธิการบดี ก็เริ่มเครียดมากขึ้นไปอีก แล้วกล่าว “คือ……คืองี้ค่ะ พันล้านนั้นอยู่ในใบรับบริจาคเงินภายนอกของบัญชีมหาลัย ฉันคอนเฟิร์มกับธนาคารแล้ว ธนาคารบอกว่าไม่ผิดพลาด พันล้านนี้เป็นของจริง ฉันสงสัยว่าน่าจะมีพวกมิจฉาชีพตั้งใจลงมือกับมหาลัยของเรา โอนเงินให้เราก่อนพันล้าน จากนั้น……จากนั้น……”

พูดไปพูดมา อาจารย์ผู้หญิงท่านนี้ก็เริ่มไม่เข้าใจว่ามิจฉาชีพคนไหนจะโอนเงินพันล้านให้ก่อน ดังนั้นจึงได้แต่ยืนเหงื่อตก

รพีพงษ์ขำกับคำพูดของอาจารย์ผู้หญิงอย่างมาก ถ้ามีพันล้านจริงๆล่ะก็ ใครจะเป็นมิจฉาชีพ และไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามิจฉาชีพจะโอนเงินให้อีกฝั่งก่อน

พรรธน์ยศรู้สึกตัว มองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาตะลึง เริ่มหายใจแรงขึ้น

เขาคิดว่ารพีพงษ์ล้อเล่น กลับไม่คาดคิดว่าไม่ถึงสิบนาที พันล้านก็เข้าในบัญชีมหาลัย

เหล่าผู้บริหารที่เหลือที่อยู่ในห้องประชุมก็เริ่มรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาเกรงใจมากขึ้น

พวกเขาถกเถียงกับผดุงสิทธิ์ ก็เพราะหลังจากที่ตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนการศึกษาแล้ว จะโปะเงินนี้ได้อย่างไร แต่เรื่องที่ทำผิดต่อตระกูลพงศ์ธนธดานั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของรพีพงษ์ทั้งหมด ตระกูลพงศ์ธนธดาแค่เอามหาลัยมาบีบรพีพงษ์ก็เท่านั้น ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลพงศ์ธนธดาก็ไม่มีทางมาหาเรื่องมหาวิทยาลัยฟูตันโดยเฉพาะอยู่แล้ว เพราะนี่จะเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียแก่วงตระกูล

ตอนนี้รพีพงษ์ให้มหาลัยโดยตรงร้อยล้าน มากกว่าที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้ไว้กว่าสามเท่า ความกดดันของเหล่าผู้บริหารสิ้นสุดลงในทันที แล้วยังตื่นเต้นขึ้นมาอีกด้วย

บริจาคให้มหาลัยอย่างง่ายดายร้อยล้าน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนบริจาคแบบนี้

ผ่านไปสักพัก ผดุงสิทธิ์ยืนขึ้นอย่างปลื้มปิติ เขารู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีทางล้อเล่นอย่างแน่นอน ตอนนี้อาจารย์ผู้หญิงฝ่ายบัญชีก็ได้มาพิสูจน์ให้เห็นแล้ว นั่นก็หมายความว่ารพีพงษ์ได้บริจาคเงินพันล้านให้กับมหาลัยจริง

ถึงแม้จะตะลึงกับการใจกว้างของรพีพงษ์เช่นกัน แต่ความรู้สึกในใจผดุงสิทธิ์ ที่มีต่อรพีพงษ์ทั้งชื่นชม และนับถือ

มีทุนการศึกษาพันล้านนี้ของรพีพงษ์ พรรธน์ยศก็ไม่จำเป็นต้องบีบบังคับเขาแล้ว จึงทำให้เขาสบายใจขึ้น

ผดุงสิทธิ์ยืนขึ้น ยิ้มไปที่รพีพงษ์ พลางกล่าว “ที่แท้คุณรพีก็เป็นมหาเศรษฐี มีทุนการศึกษานี้ของคุณ เชื่อว่ามหาลัยของเราจะสามารถผลิตคนที่มีคุณภาพออกสู้สังคมได้มากมายแน่นอน”

เมื่อพรรธน์ยศและทุกคนได้ยินคำพูดของผดุงสิทธิ์แล้วนั้น ก็ยิ้มให้รพีพงษ์อย่างซาบซึ้งใจ

“ไม่คาดคิดว่าดร.รพีจะมีความเอื้ออาทรได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนพวกเราเข้าใจดร.รพีผิดไป หวังว่าดร.รพีจะยกโทษให้กับพวกเราที่ทำผิดไป ตอนนี้พวกเราขอเสนอ เพื่อเป็นการขอบคุณดร.รพี ขอมอบสถานะอาจารย์อย่างเป็นทางการให้ดร.รพี พวกคุณคิดว่าไง?” พรรธน์ยศยิ้มพลางกล่าว

“ผมโอเค ดร.รพีทำเพื่อมหาลัยเราขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องให้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว”

“ไม่เลว แล้วดร.รพีก็ทำแค่สิ่งที่อาจารย์อันตุกะทำก็เพียงพอแล้ว แม้ไม่อยากสอน ก็ไม่เป็นไร”

ทุกคนพูดตามๆกัน ในห้องประชุมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

อาจารย์ผู้หญิงฝ่ายบัญชีมองเหตุการณ์นี้อย่างตะลึง จากนั้นก็ถามอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “นี่……นี่ไม่ใช่มิจฉาชีพหรอกหรอ?”

พรรธน์ยศยิ้มให้กับอาจารย์ผู้หญิงคนนั้น แล้วกล่าว “นี่เป็นยอดเงินบริจาคที่ดร.รพีมอบให้กับทางมหาลัยของเรา จะเป็นมิจฉาชีพได้ไงกัน”

อาจารย์ผู้หญิงมองรพีพงษ์อย่างตะลึง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพันล้านนั้น จะเป็นวัยรุ่นที่ดูๆไปแล้วอายุยังไม่ถึงสามสิบปี บริจาคให้มหาลัย

จากนั้นเหล่าผู้บริหารทั้งหมดนำโดยผดุงสิทธิ์และพรรธน์ยศ ขอบคุณรพีพงษ์อย่างไม่หยุด ราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยตั้งข้อครหารพีพงษ์มาก่อนเลยอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นพรรธน์ยศก็ทำตามข้อเรียกร้องของรพีพงษ์ ประกาศอย่างเป็นทางการว่ารพีพงษ์ให้พันล้าน ให้เป็นกองทุนของมหาลัย ขั้นตอนทุกอย่าง ให้ทำเหมือนกับทุนการศึกษาของตระกูลพงศ์ธนธดา แต่จำนวนเงิน มากกว่าของตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นสามเท่า

รอให้ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ พรรธน์ยศให้อาจารย์ที่อยู่ในมหาลัยประกาศเรื่องนี้ให้นักศึกษารับทราบ และประชุมกับสมาคมนักศีกษาโดยเฉพาะอีกด้วย ให้พวกเขาประกาศเรื่องนี้ คนจำนวนไม่น้อยสรรเสริญรพีพงษ์

คนเหล่านั้นที่โกรธรพีพงษ์เพราะทุนการศึกษาถูกยกเลิก เมื่อรู้ว่าทุนการศึกษาไม่เพียงแต่ไม่ถูกยกเลิก แถมยังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแล้วนั้น ก็ดีอกดีใจขึ้นมาทันใด จนลืมเรื่องที่ตัวเองโมโหรพีพงษ์ไปเลย แต่กลับชื่นชมดร.รพีขึ้นมา

อารมณ์ช่วงสองสามวันนี้ของนิษฐาถือว่าไม่เลว ถึงแม้จะเคยโดนรพีพงษ์ตบหน้าจนอับอายมาแล้ว แต่ต่อมาท่าทีของรพีพงษ์ที่มีต่อเธอทำให้เธอไม่รู้สึกผิดต่อรพีพงษ์ แต่ทว่าเรื่องของคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาทำให้เธอรู้สึกมีความสุขกับมัน

เธอเดินออกมาจากมหาลัย เมื่อเดินไปถึงบอร์ดประกาศ พบว่ามีคนล้อมรอบอยู่ กำลังถกกันอย่างมีความสุข เธอรู้สึกแปลกใจ จึงได้เดินเข้าไปดู

“ดร.รพีชั่งยิ่งใหญ่เสียจริงๆ ตอนนี้ฉันซาบซึ้งต่อเขาจากใจจริง เขาช่วยปลดพันธะทางการเงินให้กับฉัน”

“พูดถูก ดร.รพีชั่งเมตตาจริงๆ นี่ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะจ่ายหนี้ในฮวาเปยแล้ว”

“ตอนแรกคิดว่าทุนการศึกษาจะไม่มีแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าดร.รพีจะเซอร์ไพร์สเราได้ขนาดนี้ ชั่งซาบซึ้งใจเสียจริงๆ”

……

นิษฐาได้ยินผู้คนพูดกัน ก็เกิดสงสัยขึ้นมา แล้วถาม “ดร.รพีที่พวกเธอพูดอยู่นั้น หมายถึงรพีพงษ์หรือเปล่า?” ผู้คนพยักหน้า หมายถึงแน่นอน

นิษฐาไม่เข้าใจ แล้วกล่าว “รพีพงษ์นั่นไม่ใช่ว่าทำจนพวกเราไม่ได้รับทุนการศึกษาของตระกูลพงศ์ธนธดาหรอกหรอ พวกเธอควรจะประฌามเขาไม่ใช่หรอ ทำไมกลับเป็นชื่นชมเขาล่ะ?”

“เพื่อน เธอยังไม่รู้อีกหรอ? ว่ารพีพงษ์ใช้เงินตัวเอง บริจาคพันล้านให้กับมหาลัยของเรา ใครเมื่อก่อนที่ได้รับทุนการศึกษาของตระกูลพงศ์ธนธดา ให้มารับเงินที่รพีพงษ์บริจาคได้เลย แล้วจำนวนก็ยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวด้วยนะ ดร.รพีดีขนาดนี้ ทำไมพวกเราต้องประฌามเขาด้วยล่ะ” นักศึกษาคนหนึ่งอธิบายให้นิษฐาฟัง

นิษฐาตาโต ตะลึงแล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้! พวกเธอโดนหลอกมากกว่า ไอ้นั่นจะบริจาคให้มหาลัยเยอะขนาดนี้ได้ไงกัน?”

“เพื่อน พูดแบบนี้ไม่ค่อยเคารพดร.รพีเท่าไหร่เลยนะ เรื่องนี้ทางมหาลัยเป็นคนประกาศเองนะ ติดอยู่บนบอร์ดนี่ไง พวกเราจะโดนหลอกได้ไงกัน” นักศึกษาคนนั้นคัดค้าน

นิษฐารีบเบียดเข้าไปดูบอร์ดติดประกาศ ดูประกาศบนนั้น พบว่ามีการประกาศของทุนการศึกษาที่รพีพงษ์บริจาค และเพิ่มขึ้นเท่าตัวจริงๆ

เธองงงวยในทันที ยังไงก็คิดไม่ถึง ว่ารพีพงษ์จะใช้วิธีนี้ ในการแก้ไขเรื่องที่ตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกทุนการศึกษามหาวิทยาลัยฟูตัน

เธอนึกว่ารพีพงษ์จะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยฟูตันเพราะเรื่องนี้ แม้ไม่ไล่ออก ก็ไม่มีนักศึกษาเข้าเรียนกับเขาแล้ว

แต่ทว่าความจริงในตอนนี้คือ ทุกคนกำลังซาบซึ้งต่อรพีพงษ์ ไม่มีใครสนใจเรื่องก่อนหน้านี้ของตระกูลพงศ์ธนธดา ตอนนี้ผู้คนเห็นเพียงความดีของรพีพงษ์เท่านั้น

และเรื่องที่ทำให้นิษฐารับไม่ได้ก็คือ รพีพงษ์บริจาคเงินพันล้านให้กับมหาลัยอย่างสบาย เขามีเงินเท่าไหร่กันแน่?

เขามีเงินมากขนาดนี้ ทำไมยังเช่าห้องร่วมกับพวกเธออยู่อีกล่ะ?

ความรู้สึกแปลกๆผุดขึ้นในใจของนิษฐา ทำให้เธอพูดไม่ออก

ณ คอนโดห้องเช่าร่วม

นิษฐาเปิดประตูอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในสมองเต็มไปด้วยเรื่องที่รพีพงษ์บริจาคเงินให้มหาลัยเป็นจำนวนพันล้าน

เธอเพิ่งเข้าไป ก็เห็นรพีพงษ์เดินลงมาจากชั้นบน

รพีพงษ์สาดสายตาไปที่เธอ แล้วหันกลับ ราวกับว่ามองคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น

นิษฐารู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์เก็บซ่อนตัวตนมหาเศรษฐีเอาไว้ ทำให้มีความรู้สึกพลาดอะไรเป็นอย่างไรอย่างนั้น

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์ แสร้งยิ้มออกมา แล้วถาม “รพีพงษ์ ได้ยินมาว่าคุณบริจาคเงินให้มหาลัยพันล้าน? จริงไหม? คุณเอาเงินมากมายนี้มาจากไหน? พวกเขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือ เงินนี้เป็นเงินของคนที่เลี้ยงคุณอยู่……”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจนิษฐา และคำถามที่เธอถามนั้นก็ชั่งน่าเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน ดังนั้นจึงได้เดินผ่านนิษฐา แล้วเดินไปที่ประตู

รอยยิ้มที่นิษฐาแสร้งยิ้มออกมาหุบไปในทันที เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่บูดบึ้ง ไอ้นี่ชั่งน่ารังเกียจจริงๆ ไม่สนใจเธอแต่อย่างใด

มีเงินแล้วจะมองข้ามใครก็ได้งั้นหรอ?

ความโกรธทำให้นิษฐารู้สึกไม่ดีต่อรพีพงษ์อีกแล้ว

เธอไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะตัวเธอเองมีปัญหาหรือเปล่า

“รังแกคนอื่นเกินไป! มีเงินแล้ววิเศษวิโสหรือไง เหอะ คนแบบนี้ แม้มีเงิน ฉันก็ไม่มีทางเห็นชอบด้วยหรอก” นิษฐาหันหลัง แล้วตะโกนไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เดินไปถึงประตู ราวกับไม่ได้ยินเสียงของนิษฐาอย่างไรอย่างนั้น เปิดประตูออก

แต่เขาไม่ได้เดินออกไป แต่กลับยืนอยู่ที่เดิม เพราะนอกประตูตอนนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญหลายคนยืนอยู่ ดูๆแล้วเป็นพวกไม่ดี

ผู้ชายหลายคนที่สวมชุดสูทสีดำปิดทางประตูคอนโดไว้ แล้วคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าผู้ชายเหล่านั้น ก็คือสาวใช้ข้างกายของอารียา ขนมปัง

ขนมปังจ้องไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าแกจะอยู่ในที่ๆคนขอทานอาศัยแบบนี้ ชั่งหาง่ายจริงๆ แกคงจะรู้นะว่าฉันเป็นใคร วันนี้ฉันมาหาแก เพื่อคิดบัญชี แกทำผิดต่อคุณหนูของเรา แล้วยังกลัวหัวหดตดหาย ว่ามา เรื่องนี้ แกจะจัดการยังไง!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท