บทที่554 คุณชายได้โปรดให้อภัย
รุ่งขึ้นวันต่อมา
วิไลพรตื่นจากความฝัน เรื่องแรกที่ทำ ก็คือเปิดผ้าห่ม เช็คสภาพตัวเอง
เห็นเสื้อผ้าบนร่างของตัวเองไม่หายไปแม้แต่ชิ้นเดียว ก็เกิดอาการผิดหวังขึ้นมา
“คุณท่านคงไม่มีปัญหาด้านนั้นใช่ไหมเนี่ย? เมื่อคืนโอกาสดีขนาดนี้ เขาไม่ทำอะไรเลย?” วิไลพรพึมพำ
เธอลงจากเตียงไป แล้วขยับคอตัวเอง รู้สึกว่าคอแข็งๆ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ในขณะเดียวกันนี้เอง เธอนึกอะไรออกขึ้นมา จากนั้นก็หน้าแดง “ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ฉันได้เข้าห้องน้ำ แล้วร่างกายไม่มีกำลัง แล้วยังขอช่วยคุณชาย……” เมื่อเป็นงี้ วิไลพรดูกางเกงของตัวเอง มั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ฉี่ใส่กางเกง หรือฉี่แล้วเช็ดแห้งแล้วจากนั้น ก็ถอนหายใจออกมา
ในเมื่อไม่ได้ฉี่ใส่กางเกง เมื่อคืนเธอก็เมาจนไม่มีแรงเข้าห้องน้ำ งั้นก็เป็นรพีพงษ์ที่ช่วยเธอ……เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วิไลพรก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา สาวสังคมอย่างเธอ เมื่อถึงเวลานี้ก็เขินอายออกมา
ผ่านไปซักพัก หลังจากที่วิไลพรรวบรวมสติกลับมาได้แล้ว ก็เดินออกไปด้านนอก
เธอเพิ่งออกไป ก็เห็นรพีพงษ์ที่เพิ่งออกมาจากห้องเช่นกัน ยิ้มอย่างมีเลศนัย เดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วถาม “คุณชาย เมื่อคืนคุณ……ทำอะไรหรือเปล่า?”
รพีพงษ์มองบนต่อวิไลพร แล้วกล่าว “เปล่า”
“แหม อย่ามาโกหกฉันหน่อยเลย ฉันจำได้แม่นว่าเมื่อคืนจะเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นนอกจากที่คุณช่วยฉันแล้ว ฉันไม่มีทางเข้าห้องน้ำเองแน่นอน ถึงกระทั่ง ฉันไม่สามารถถอดกางเกงได้ ยังพูดอีกว่าไม่ได้ทำอะไร คุณชาย คุณนี่เลวจริงๆ” วิไลพรตั้งใจพูดออกมา
รพีพงษ์เขินอาย ไอเบาๆ แล้วกล่าว “คุณอย่าพูดมั่ว คุณเข้าห้องน้ำไม่เกี่ยวกับผม”
วิไลพรเดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ ยื่นมือไปจับปกเสื้อของรพีพงษ์ กล่าวพลางยิ้มว่า “คุณชาย มีนาเข้าใจค่ะ ในเมื่อคุณไม่ยอมพูด มีนาก็จะไม่พูดเช่นกัน นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคน……”
เธอเพิ่งพูดจบ ในห้องอีกห้องหนึ่งมีผู้หญิงเดินออกมา หญิงคนนั้นเห็นวิไลพรและรพีพงษ์กำลัง “แนบชิดกัน” จึงรีบหันตัวกลับเข้าไปในห้อง
รพีพงษ์เห็นคนนั้น จึงรีบกล่าว “คุณมานี่หน่อย”
หญิงคนนั้นเซ็งนิดหน่อย ทำได้เพียงเดินเข้าไปที่พวกเขาทั้งสอง
วิไลพรมองไปที่หญิงคนนั้นอย่างแปลกใจ คนนั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทพวกเธอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ปรากฏตัวที่นี่
“อธิบายให้เธอฟังหน่อย ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง” รพีพงษ์กล่าว
หญิงคนนั้นไออย่างเบาๆ แล้วหันไปที่วิไลพร เห็นได้ชัดว่ากำลังกลัว
“พูด” วิไลพรกล่าว
“เมื่อ……เมื่อคืนฉันทำงานล่วงเวลาที่บริษัท ในขณะที่กำลังตรวจเช็คไฟอยู่นั้น ก็เห็นคุณผู้ชายคนนี้ คุณผู้ชายท่านนี้บอกกับฉันว่าคุณเมา อยากเข้าห้องน้ำ จากนั้นฉันเลยพาคุณเขาห้องน้ำ……” หญิงคนนั้นกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ
สีหน้าวิไลพรบูดบึ้ง เธอไม่คาดคิด ว่าเมื่อคืนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่ารพีพงษ์พาเธอไปเข้าห้องน้ำแล้วต้องเกิดเรื่องสนุกขึ้นแน่นอน กลับไม่คิดว่ารพีพงษ์จะหาคนมา
เธอจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างโมโห และสับสน สำหรับคุณชายของตน ในตอนแรกเธอเพียงคิดแค่ว่าสถานะรพีพงษ์นั้นพิเศษ เลยอยากลิ้มลอง ความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตนดูบ้าง เธอไม่คัดค้าน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือคุณชายของเทือกเขากิสนา
แต่ทว่าเธอไม่คาดคิดคือ คุณชายคนนี้ของเธอ ชั่งยึดมั่น นอกจากภรรยาของเขาแล้ว เขาก็ไม่เอาใครทั้งนั้น
นี่ทำให้เธอยิ่งอยากชนะมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่เพียงแค่อยากจะมีอะไรกับรพีพงษ์เท่านั้น ในใจเธอบอกว่า เธอต้องทำให้รพีพงษ์เห็น ว่ามีเพียงแบบนี้ เธอถึงจะพิสูจน์เสน่ห์ในตัวเธอได้
“พอล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องเมื่อคืน น่าจะยั่วโมโหคนนั้นที่ชื่อพสธรแล้วล่ะ เขาเอาคนมาหาเรื่องที่บริษัทพวกเธอแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
วิไลพรเกรี้ยวกราด ในเมื่อพสธรมาหาเรื่อง งั้นเธอก็จะใช้พสธรเป็นที่ระบายอารมณ์
หลังจากที่มองรพีพงษ์ด้วยความภูมิใจแล้ว วิไลพรก็เดินไปที่ทางเดิน
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์มองไปที่รพีพงษ์ แล้วรีบจากไป
พสธรผู้เป็นผู้บริหารของบริษัทความงามFFR คิดไปเองว่าเครื่องสำอางของตัวเองนั้นก็มีชื่อเสียง เมื่อคืนเขาถูกรพีพงษ์ต่อยไปขนาดนั้น จากนั้นก็ขอโทษ แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว
แต่ทว่าเขาไม่รู้ บริษัทลานคอนกรุ๊ป เป็นแค่สิ่งที่วิไลพรอยากให้คนนอกรับรู้เท่านั้น คนนี้แม้กระทั่งคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาก็ไม่อยู่ในสายตา จะกลัวบริษัทเครื่องสำอางเล็กๆนี่ได้อย่างไรกัน
พสธรอยากเพิ่มกำลังให้กับตัวเอง จึงได้พาท่านประธานของบริษัทเหล่านั้นที่ไปงานเลี้ยงเมื่อคืนมาด้วย พวกเขาปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ว่าจะทำให้บริษัทลานคอนกรุ๊ป วิไลพรรู้ถึงความเสียหายของตนเอง ถึงเวลานั้นเมื่อเธอเสียใจ พวกเขาก็จะได้ประโยชน์จากบริษัทลานคอนกรุ๊ปนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ วิไลพรใช้อุบายที่เจ็บแสบกว่า ทำให้ทุกคนตะลึง
จากการพูดคุยในตอนเช้า พสธรได้ออกจากอาคารลานคอนอย่างผิดหวัง ตามที่รปภ.หน้าประตูของอาคารลานคอนพูดนั้น หลังจากที่พวกเขาได้ออกจากอาคารลานคอนแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือ ช่วยกันต่อยพสธรอย่างรุนแรง
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น นักข่าวได้ประกาศด่วนถึงการล้มละลายของบริษัทความงามFFR และมีข่าวพสธรเจ้าของได้หนีไปแล้ว
และคนที่มากับพสธรหลายๆคนถึงแม้ไม่ล้มละลาย แต่ก็พบกับอุปสรรคจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องทำกำไรใหม่ทั้งหมด เป็นความเพ้อฝันที่ยากเกินจะรับได้
เรื่องของบริษัทความงามFFR สำหรับบริษัทลานคอนกรุ๊ปแล้ว เป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวิไลพรหรือรพีพงษ์ ล้วนไม่มีเรื่องนี้อยู่ในสายตา
พสธรได้รับการลงโทษแล้ว พวกเขาจะไม่เอาคิดเรื่องนี้อยู่ในหัว
ตอนนี้รพีพงษ์เป็นห่วงก็คือ เรื่องของอารียา เขาต้องหาอะไรมากดชลาธิปไว้ เพื่อจะได้ทำตามแผนการต่อไป
ในห้องทำงาน
รพีพงษ์นั่งตรงข้ามวิไลพร
วิไลพรกำลังต้มชา หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ได้ให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว
รพีพงษ์ดื่มชา จากนั้นถามว่า “ตอนนี้อารีอยู่ในมือของชลาธิป ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวใดๆ ผมอยากแย่งอารีกลับมา ต้องกดชลาธิปให้ได้ก่อน คุณมีวิธีการอะไรไหม?”
วิไลพรยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันไม่เห็นตระกูลธาดาวรวงศ์อยู่ในสายตา ตระกูลพงศ์ธนธดายิ่งกว่าตระกูลธาดาวรวงศ์เข้าไปอีก ฉันจะไม่มีวิธีจัดการได้ยังไงกัน”
“คุณชาย เพียงแค่คุณตกลงปลงใจกับฉัน ฉันจะให้คนไปทำลายตระกูลพงศ์ธนธดาตอนนี้เลย แล้วแย่งคนที่คุณคิดถึงกลับมา ว่าไง?”
รพีพงษ์มองบน จากนั้นก็เอาเหรียญออกมาจากเสื้อ เป็นป้ายบัญชาการเทพแห่งสงครามของเทือกเขากิสนานั้น
“ทำไม ตอนนี้ฉันให้คุณทำอะไรสักอย่าง จะต้องแลกกับความต้องการของคุณแล้วหรอ?”
วิไลพรเห็นป้ายบัญชาการเทพแห่งสงคราม ก็ชะงัก รู้ว่าตัวเองล้อเล่นเกินไปแล้ว เพราะช่วงนี้รพีพงษ์อะไรก็ได้ เธอเกือบลืมไปแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้น เป็นบุคคลที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของเธอได้
เธอรีบยืนขึ้นจากที่นั่ง ก้มหัวให้รพีพงษ์ ด้วยสีหน้ารับผิดชอบ “คุณชาย ฉันลืมตัวเกินไป ขอคุณได้โปรดให้อภัย”
“ต่อไปอย่าล้อเล่นแบบนี้ก็พอแล้ว ในใจผมมีแค่ภรรยาคนเดียวเท่านั้น ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีก ก็อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน” รพีพงษ์กล่าว
“ค่ะ” วิไลพรรีบพยักหน้า
“พูดๆมาว่าคุณมีวิธีจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดายังไงดีกว่า” รพีพงษ์พูดต่อ
ครั้งนี้วิไลพรเริ่มตั้งใจ ไม่กล้าล้อเล่นกับรพีพงษ์อีกแล้ว แล้วกล่าว “ความจริง ถ้าจะจัดการตระกูลพงศ์ธนธดานั้นง่ายดายมาก ก็แค่ควบคุมธุรกิจที่ตระกูลพงศ์ธนธดาพึ่งพาอยู่ ชลาธิปก็จะมาอ้อนวอนคุณชายเอง”
“แล้วในมือฉัน ก็มีธุรกิจใหญ่ๆของบริษัทตระกูลพงศ์ธนธดาอยู่ ถ้ายกเลิกบุ๊คกิ้งเหล่านี้ จะทำให้ตระกูลพงศ์ธรธดาเคร่งเครียดอย่างมากเลยทีเดียว”