พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่551 เพื่อนรักชาย

บทที่551 เพื่อนรักชาย

บทที่551 เพื่อนรักชาย

หน้าประตูอาคารลานคอน

ขณะนี้ฟ้ามืดลง รถเต็มท้องถนน แต่ในอาคารลานคอนมีไม่กี่จุดที่สว่าง คนจำนวนมากได้กลับบ้านไปแล้ว เหลือเพียงคนที่ทำงานล่วงเวลาเท่านั้น

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าประตูอาคารลานคอน กำลังมองไปที่ประตูที่ล็อคอยู่ แล้วคิดอะไรเพลินๆ

ความจริงเขาจะไม่บอกวิไลพร แล้วมานอนตรงไหนก็ได้ในบริษัท แบบนี้ก็ตัดปัญหาไปได้บ้าง

แต่หลังจากที่มาถึงแล้วนั้น รพีพงษ์เพิ่งจะนึกออก ว่าตัวเองไม่มีกุญแจของบริษัทวิไลพร

ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้ขอกุญแจบริษัทจากวิไลพร วิไลพรก็ได้ตกลงจะให้หนึ่งดอก แต่ต่อมาก็เงียบหายไป ตอนนี้คิดๆ วิไลพรน่าจะตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเซ็ง แล้วหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรออกไปยังวิไลพร

“ผมอยู่ที่ประตูบริษัทคุณ ไม่มีกุญแจ คุณให้คนเอามาให้ผมหน่อยสิ” รพีพงษ์กล่าว

เสียงปลายทางดังอื้อ และเป็นเสียงคนกำลังพูดคุยกัน เสียงวิไลพรดังขึ้นมาว่า “ฉันอยู่ในงานเลี้ยง ปลีกตัวออกไปไม่ได้ คุณมาหาฉันล่ะกัน ไม่งั้นฉันออกไปไม่ได้ ที่R&B ktv ห้องรับรองพิเศษที่หรูหราสุดห้องนั้น” วิไลพรพูดจบ ไม่ให้โอกาสรพีพงษืได้กล่าวใดๆ ก็วางสายไปทันที

รพีพงษืได้ยินเสียงตู๊ดตู๊ดตู๊ด ก็ถอนหายใจออกมา

“ช่วงนี้ถอนหายใจบ่อย อย่างกับคนแก่ก็มิปราณ” ยิ้มแล้วพูดกับตัวเอง เขาหันหลังแล้วเดินไปที่ถนน เรียกรถ ไปR&B ktv

ไม่นาน รถแท็กซี่จอดที่หน้าของR&B ktv หลังจากที่รพีพงษ์ลงไปแล้วนั้น ก็เดินเข้าไป หลังจากที่ถามพนักงานว่าห้องรับรองพิเศษที่หรูหราที่สุดอยู่ไหนแล้ว ก็เดินไป

เขากำลังคิดเอากุญแจจากวิไลพร แล้วกลับไปที่อาคารลานคอน ดังนั้นจึงโทรหาวิไลพรว่าเขาถึงแล้ว ให้เธอเอากุญแจออกมาให้

วิไลพรบอกว่าเธอเมาแล้ว คนที่ดื่มกับเธอล้วนเป็นนักดื่มวัยรุ่นทั้งนั้น เธอกลัวว่าเดี๋ยวตัวเองจะโดนลวนลาม ให้รพีพงษ์เข้าไปในห้องรับรองนั้นให้ได้ มิเช่นนั้นเธอจะไม่ให้กุญแจแก่รพีพงษ์

รพีพงษ์ทำได้เพียงเปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป

ในห้องรับรองเต็มไปด้วยแสงไฟเจิดจรัส เสียงดังกระหึ่ม คนที่นั่งด้านในมีทั้งหญิงและชาย ที่ประสบความสำเร็จ

นัยต์ตาของวิไลพรประกายที่สุด เมื่อรพีพงษ์เข้าไปก็เห็นว่าเธอนั่งอยู่ตรงกลางของโซฟา ผู้ชายรอบๆเธอล้วนมองไปที่เธอแล้วยิ้ม

เมื่อรพีพงษ์เข้าไป คนที่อยู่ในห้องก็จ้องไปที่รพีพงษ์ เห็นได้ชัดเจนว่าทุกคนไม่รู้จักเขา แล้วเกิดความสังสัยขึ้นมา

วิไลพรยืนขึ้นจากโซฟา ยิ้มให้รพีพงษ์ แล้วกล่าว “จะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ท่านนี้คือชายของ……”

วิไลพรอ้าปากจะบอกว่ารพีพงษ์คือแฟนฉัน ก่อนหน้าที่เธอจะพูดสามคำนั้นออกมา รพีพงษ์ชักตาไปที่เธอ วิไลพรเข้าใจ เลยรีบแก้ไขคำพูด

“……เพื่อนสนิท”

ตอนที่ชายเหล่านั้นที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ยินวิไลพรพูดคำแรก สีหน้าดูไม่ดี แต่รอให้วิไลพรพูดจบ ก็ยิ้มออกกัน

รพีพงษ์มองไปที่วิไลพรอย่างเบื่อหน่าย ไม่คาดคิดว่าตนจะกลายเป็นเพื่อนรักของวิไลพรไปเสียแล้ว

วิไลพรจับแขนรพีพงษ์ ลากรพีพงษ์นั่งลงบนโซฟา รพีพงษ์ทักทายคนในห้องอย่างสุภาพ วันนี้โดนวิไลพรหลอกให้มาแล้ว อยากกลับไปคงยาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงรองานเลี้ยงของวิไลพรจบ

เขาถูกคนเข้าใจผิดอยู่พอดี รู้สึกหดหู่ สู้ดื่มเหล้า แก้เซ็งอยู่ที่นี่ดีกว่า

“เพื่อนรักคนนี้ของฉันค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยชอบพูด ดังนั้นหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ เขามาที่นี่เพราะกลัวฉันเมาแล้วกลับไม่ไหว ดังนั้นจึงมาเพื่อรับฉันโดยเฉพาะ ฉันชนแก้วแทนเขาก่อนล่ะกัน หมดแก้วนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกคนตามสบาย” วิไลพรพูดกับทุกคน จากนั้นก็หยิบแก้วที่อยู่ตรงหน้า กลึบเดียวหมด

รพีพงษ์เห็นวิไลพรพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน ก็รู้สึกนับถือความสามารถในการเข้าสังคมของเธอ ดูๆแล้วที่วิไลพรถูกเลือกให้เป็นผู้ดูแลของเมืองเซี่ยงไฮ้นั้น มันมีเหตุผลพอ

รพีพงษ์นั่งข้างๆวิไลพร ดูวิไลพรปาร์ตี้กับคนในห้องรับรอง ในการสนทนาของพวกเขา รพีพงษ์ฟังออก ว่าคนเหล่านี้เป็นลูกค้าของลานคอน วันนี้พวกเขาคุยงานสำเร็จ จึงมาดื่มฉลอง

ผู้ชายวัยกลางคนเหล่านั้นชนแก้วกับวิไลพรไม่หยุด วิไลพรก็ชกแก้วไม่หยุด เมื่อดื่มหมดก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ทำให้รพีพงษ์นับถือระดับแอลกอฮอล์ของวิไลพร

อาจเพราะวิไลพรแสดงออกมาว่าใกล้ชิดกับรพีพงษ์ ทำให้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆวิไลพรไม่พอใจ จึงได้หยิบแก้วเหล้า ชนกับรพีพงษ์

“น้องชาย คุณอย่าเอาแต่นั่งสิ ดื่มกับพวกเราสักหน่อย คุณเป็นเพื่อนรักของวิไลพรได้ ก็น่าจะเป็นคนเก่งเหมือนกันล่ะสิ ผมผู้บริหารบริษัทความงามFFR พสธร ในเมื่อมีวาสนาได้พบกัน ก็สร้างความสัมพันธ์กันเอาไว้”

รพีพงษ์หยิบแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วยกให้กับคนนั้น จากนั้นก็ดื่มเหล้าลงไป

พสธรให้รพีพงษ์ดื่มเหล้า ก็ไม่ลังเล หลังจากที่ดื่มเหล้าในแก้วตัวเองหมดแล้ว ก็เหมือนกับกำลังสืบตัวตนของรพีพงษ์อย่างไรอย่างนั้น แล้วถาม “มิทราบว่าตอนนี้น้องชายทำอะไรอยู่? เปิดบริษัทหรือว่าลงทุน?”

“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ถือว่า……ว่างงาน” รพีพงษ์กล่าว

พสธรได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็เหยียดหยามขึ้นมา เมื่อกี๊เขาเห็นรพีพงษ์ใส่ชุดธรรมดา ตอนนี้ได้ยินว่ารพีพงษ์ว่างงานอีก เขาจึงไม่สงสัยใดๆอีกต่อไป

“เหอะเหอะ น้องชายตลกไปเปล่า ถ้าคุณว่างงาน แล้วจะเป็นเพื่อนรักของวิไลพรได้อย่างไรกัน” พสธรหัวเราะ รู้สึกว่าถึงแม้รพีพงษ์จะเป็นเพื่อนรักของวิไลพร แต่ก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายใดๆ เลยไม่ใส่ใจเขาอีกต่อไป

รพีพงษ์ยิ้ม และไม่พูดอะไรต่อ

ทุกคนพูดคุยกันต่อ ไม่นาน ก็เปลี่ยนไปคุยสาวงามของเมืองเซี่ยงไฮ้เหล่านั้น

วิไลพรในฐานะสาวสังคมที่ขึ้นชื่อของเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็ติดลำดับเช่นเดียวกัน

พูดไปพูดมา พสธรก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “ความงามของวิไลพร ไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าพูดถึงหญิงที่ไร้เดียงสาอ่อนโยนล่ะก็ ฉันเพิ่งเจอมาคนหนึ่ง คุณหนูที่เพิ่งปรากฏตัวของตระกูลพงศ์ธนธดา เรื่องความงาม ไม่ต้องพูดถึงอันดับหนึ่งเลยล่ะ”

ทุกคนพูดตามๆกัน เริ่มพูดถึงคุณหนูคนนั้น เป็นคนสวยที่เจอได้ยาก

อาจเพราะดื่มเหล้า พสธรเลยพูดอย่างไร้ความคิด แล้วยังพูดลามกอีก ว่า “ผู้หญิงในชาตินี้ที่ฉันเคยเอา จำนวนไม่น้อย แบบคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดานั่น ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน เอาจริงๆผมคิดมาตั้งนานแล้ว ว่าอยากได้คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา ขึ้นเตียงสักครั้ง”

เมื่อเขาพูดจบ ผู้ชายในห้องรับรองก็หัวเราะชอบใจ และผู้หญิงเหล่านั้น ก็หัวเราะเช่นกัน ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ เมื่อดื่มเหล้า การที่จะพูดเรื่องแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้สังเกต รพีพงษ์ในขณะนี้ เริ่มหน้าชา เริ่มแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมา

วิไลพรรู้ว่าคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดานั้นเป็นคนที่รพีพงษืกำลังตามหา และรู้ดีถึงความสำคัญของเธอที่มีต่อรพีพงษ์ จึงได้พูดกับพสธรว่า “ประธานพสธร ผู้หยิงเยอะขนาดนี้ อย่าพูดแบบนี้เลย”

พสธรหัวเราะ แล้วกล่าว “แล้วไง โตๆกันแล้วทั้งนั้น พูดก็เข้าใจ เอาจริงๆ คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดานั่น ชั่ง……”

เขายังพูดไม่จบ ก็มีมือหนึ่งเข้ามา ตบลงไปที่หน้าของเขา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท