บทที่557 ความมั่นใจของรพีพงษ์
หลังจากที่วิไลพรพูดจบ ในห้องรับรองเงียบสงัดชั่วขณะ ชลาธิปขมวดคิ้วเข้ากลาง แต่รพีพงษ์ยังคงยิ้มแย้ม
“คำพูดของเธอได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าคุณยังไม่คืนภรรยาให้กับผมเหมือนเคย ไม่ใช่แค่บุ๊คกิ้งทั้งห้าจะหายไป อนาคตตระกูลพงศ์ธนธดา ก็จะเสียโอกาสในการทำรายได้อย่างมหาศาล ถึงขั้นไม่มีบุ๊คกิ้งเข้ามาเลยแม้แต่น้อย” รพีพงษ์กล่าว
ชลาธิปหยามเหยียด กล่าว “รพีพงษ์แกอย่าคิดว่าแกควบคุมบุ๊คกิ้งพวกนี้ได้ แล้วจะต่อกลอนกับตระกูลพงศ์ธนธดาได้แล้ว บุ๊คกิ้งพวกนี้ฉันไม่เอาก็ได้ สำหรับตระกูลพงศ์ธนธดา ก็แค่ได้กำไรน้อยลงหน่อยก็แค่นั้น แค่พวกคุณไม่กี่คน คิดจะกำจัดตระกูลพงศ์ธนธดา ฝันไปเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชลาธิป รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็ส่งสายตาให้วิไลพร วิไลพรรับรู้ ก็ได้หยิบแฟ้มขึ้นมา วางไว้บนโต๊ะ
“ตอนนี้บริษัทที่ร่วมการค้ากับคุณทั้งเล็กและใหญ่รวมๆกันแล้วได้หนึ่งร้อยสามสิบหกบริษัท นี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดในการทำธุรกิจของตระกูลพงศ์ธนธดา รายรับ80%ของตระกูลพงศ์ธนธดา ล้วนมาจากบุ๊คกิ้งจำนวนร้อยกว่าบริษัทนี้ ฉันพูดถูกไหม” วิไลพรถาม
ชลาธิปได้ยินวิไลพรพูดถึงเบื้องลึกของตระกูลพงศ์ธนธดาอย่างละเอียด ก็ตกใจเล็กน้อย แต่นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร วิไลพรสามารถค้นพวกนี้เจอ ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร
“แล้วยังไง หรือคุณรู้ว่าตระกูลพงษ์ธนธดาร่วมมือกับใคร ถึงได้ต่อกลอนกับตระกูลพงศ์ธนธดา?”
วิไลพรยิ้ม แล้วกล่าว “สิ่งที่ฉันอยากพูดก็คือ ในร้อยสามสิบหกบริษัทที่ร่วมมือทางการค้ากับตระกูลพงศ์ธนธดานั้น มีแปดสิบสามบริษัทที่อยู่ในเครือกิจการของบริษัทลานคอนกรุ๊ป ถึงแม้พวกเขาจะมีชื่อแตกต่างกันออกไป ต่างประเภทต่างธุรกิจ แต่ทั้งหมดก็เป็นเครือข่ายของบริษัทลานคอนกรุ๊ปด้วยกันทั้งนั้น แค่ฉันพูด พวกเขาก็จะหยุดร่วมการค้ากับตระกูลพงศ์ธนธดาทันที ไม่รู้ว่าถ้าเกือบครึ่งของอีกฝั่งยกเลิกสัญญากับพวกคุณทันที จะกระทบตระกูลพงศ์ธนธดายังไงบ้างนะ?”
ชลาธิปยืนขึ้นจากที่นั่งโดยตรง เก้าอีกถอยหลังไป บดกับพื้นกระเบื้อง เกิดเป็นเสียงแหลมขึ้นมา
“คุณพูดอะไร! คุณก็แค่ผู้บริหารของบริษัทเครื่องสำอางเล็กๆเท่านั้น จะควบคุมธุกริจมากมายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน คุณสร้างภาพขึ้นมาโกหกผมแน่นอน!” ชลาธิปพูดอย่างร้อนรน
วิไลพรไม่หวาดหวั่น ถือแฟ้มเอกสารนั้นมา ส่งไปที่ชลาธิป แล้วกล่าว “เอกสารเหล่านี้สามารถพิสูจน์ว่าธุรกิจเหล่านั้นเป็นของบริษัทลานคอนกรุ๊ป ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ดูเอาเองแล้วกัน”
ชลาธิปรีบยื่นมือไปรับเอกสารพวกนั้น จ้องดูไปที่เนื้อหาอย่างละเอียด ตอนแรกก็ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก
วิไลพรพูดไว้ไม่มีผิด เอกสารนี้แสดงอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งแปดสิบสามบริษัท พวกมันเป็นของบริษัทลานคอนกรุ๊ปจริงๆ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทลานคอนกรุ๊ป แต่ธุรกิจพวกนี้ก็มีความสัมพันธ์กับบริษัทลานคอนกรุ๊ปด้วยกันทั้งหมด
เรื่องสำคัญที่สุดคือ แปดสิบสามบริษัท เป็นลูกค้าคนสำคัญของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าพวกเขายกเลิกสัญญากับตระกูลพงศ์ธรธดากระทันหัน สำหรับตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว เป็นการสะดุดครั้งใหญ่เลยทีเดียว
มือสองข้างของชลาธิปที่ถือเอกสารอยู่นั้นก็ล้วนสั่นคลือ เขาคิดว่าในเมืองเซี่ยงไฮ้ตระกูลพงศ์ธนธดาซ่อนความสามารถไว้ระดับดีมากแล้ว มีแค่ตระกูลธาดาวรวงศ์ที่กดตระกูลพงศ์ธนธดาได้เท่านั้น
กลับไม่คาดคิด ว่าเมืองเซี่ยงไฮ้จะมีบุคคลที่น่ากลัวได้ขนาดนี้อยู่ด้วย คุมกิจการมากมายอย่างลับๆ แค่คำเดียว ก็สามารถบีบจนตระกูลพงศ์ธนธดาไม่มีทางออกได้
แผนการแบบนี้ ราชาแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ ตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็ไม่มีทางทำได้
ถึงขณะนี้ ชลาธิปเพิ่งจะรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ รู้แล้วว่าตัวเองยั่วโมโหคนแบบไหนกันแน่
หรือจะพูดง่ายๆว่า ลูกสาวที่พลัดพรากจากกันยี่สิบกว่าปีนั้น ได้แต่งงานกับคนประเภทใด
“นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ไม่ทราบว่าจะคุยกับผมดีๆได้หรือยัง?” รพีพงษ์มองปฏิกิริยาของชลาธิป ด้วยเลศนัย
ชลาธิปยืนอยู่ที่เดิมอยู่นาน มือที่ถือเอกสารยังคงสั่นไม่หยุด ตอนนี้ดูๆแล้ว รพีพงษ์มีความสามารถทำให้ตระกูลพงศ์ธนธดาเสียหายได้จริงๆ แม้ไม่ถึงขั้นล้มละลาย แต่ก็เข้าขึ้นหวาดกลัวแล้ว
แต่ถ้าเขาตกลงมอบอารียา ให้รพีพงษ์ล่ะก็ เขาก็ไม่รู้จะตอบตระกูลธาดาวรวงศ์ว่าอย่างไร แค่เรื่องที่เขาปกปิดว่าอารียาแต่งงานแล้ว ก้พอที่จะทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์เกรี้ยวกราดได้
แล้วถ้าเพราะเรื่องนี้ทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์จัดการตระกูลพงศ์ธนธดา ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็ไม่ต่างจากที่รพีพงษ์จะทำได้ นี่ทำให้ชลาธิปลำบากใจ
ผ่านไปสักพัก ชลาธิปกลับไปนั่งอีกครั้ง เอกสารในมือก็ถูกวางลงไปที่โต๊ะ ร่างกายไร้ซึ่งกำลัง
ตั้งแต่เขาได้เป็นนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา นอกจากตอนนั้นที่เขาต้องเผชิญกับผู้เป็นแม่ที่ดื้อดึงแล้วมีความรู้สึกแบบนี้ ผ่านมาหลายปีความรู้สึกแบบนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
“เงื่อนไขของผมง่ายๆ คืนภรรยามาให้ผม เรื่องที่เธอสมองเสื่อมผมจัดการเอง คุณแค่พูดความจริงของเรื่องนี้ให้เธอฟัง อธิบายความเข้าใจผิดของเธอที่มีต่อผมให้ชัดเจน ผมไม่เพียงจะไม่ให้ธุรกิจเหล่านั้นยกเลิกสัญญากับคุณ แล้วยังให้โอกาสตระกูลพงศ์ธนธดาอีกมากมาย” รพีพงษ์กล่าว
“อารีเป็นลูกนอกสมรสของคุณ ตอนนั้นคุณทิ้งเธออย่างไม่ใยดี ถ้าเธอโชคไม่ดี อาจจะไม่มีชีวิตได้นานขนาดนี้ ช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้คุณไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆในฐานะพ่อ ตอนนี้คุณกลับมาพูดว่าเป็นลูกสาวของคุณ ผมมองว่า คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ เชื่อว่าหลังจากที่อารีรับรู้ความจริงแล้วนั้น ก็จะต้องมีความคิดเดียวกับผม”
“นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ในเมื่อตอนนั้นคุณเลือกที่จะทิ้งเธอ งั้นก็อย่ามาทำลายชีวิตเธอในตอนนี้ ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจความคิดของผม ก็ตัดสินใจตอนนี้เถอะ”
ชลาธิปได้บินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มแหยๆ จากนั้นก็พึมพำ “แกพูดก็มีเหตุผล แต่ เรื่องของดารินทร์ในตอนนี้ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะตัดสินใจได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่แกมาขู่ฉัน แล้วฉันจะสามารถมอบดารินทร์ให้แกได้เลย”
ได้ยินคำพูดของชลาธิป รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว แล้วถาม “หมายความว่าไง? คุณในฐานะนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา คุณไม่สามารถตัดสินใจเรื่องแค่นี้ได้หรอ? เลือกเอาระหว่างคืนอารีให้ผมกับยอมใฟ้ตระกูลพงศ์ธนธดาเสียหาย
ชลาธิปมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “พูดตรงๆ ช่วงนี้ที่ดารินทร์กลับมา พวกเราได้ตัดสินใจแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์ และเรื่องนี้ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ได้ยอมรับแล้ว ตอนนี้คุณชายของพวกเขาอยู่ต่างประเทศ รอให้เขากลับมา พวกเราจะทำการหมั้นหมาย เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ถ้าพวกเรากลับคำ ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลพงศ์ธนธดา ดังนั้นยอมรับความเสี่ยงของความเสี่ยงหายที่จะเกิดขึ้น ฉันก็ไม่มีทางมอบดารินทร์ให้แก”
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชลาธิป ก็สีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง โต๊ะนั้นเกิดรอยขึ้นมาในทันใด ทำเอาคนในห้องรับรองตกใจกันเป็นแถวๆ
“ชลาธิป อารีคือผู้หญิงของผม คุณมีสิทธิ์อะไรให้เธอไปแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั่น?” รพีพงษ์เกรี้ยวกราด
“ถึงวัยนี้แล้ว ชีวิตของแต่ล่ะคน จะต้องทำเพื่อวงศ์ตระกูล ดารินทร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ที่ผ่านมาฉันติดหนี้เธอจริงๆ แต่อนาคตฉันชดเชยให้เธอได้เพียงพอ แล้วให้เธอแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั้น เป็นการดีสำหรับเธอ”
“ดีบ้าอะไร! คุณเอาภรรยาของผมเป็นเครื่องมือของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าไม่ใช่เพราะอารีอยู่บ้านคุณล่ะก็ ตอนนี้คุณกลายเป็นศพไปแล้ว”รพีพงษ์กล่าวอย่างอำมหิต
ชลาธิปไม่แปลกใจคำพูดเมื่อกี๊ของรพีพงษ์ เขารีบรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แสดงผ่านสายตาของรพีพงษ์ อย่างกับยมบาล
“แน่นอน นี่เป็นควาทคิดเมื่อก่อนของฉัน เพราะก่อนวันนี้ ฉันไม่รู้ตัวตนของแก ถ้ารู้ความสามารถของแกตั้งแต่แรกล่ะก็ ตอนแรกฉันอาจพิจารณาสร้างสัมพันธไมตรีกับแกเลย เพราะความสามารถในตอนนี้ของแก ก็ด้อยกว่าตระกูลธาดาวรวงศ์นิดหน่อย” ชลาธิปใช้แปดสิบสามบริษัทนั้นมาตัดสินความสามารถของรพีพงษ์ ทั้งแปดสิบสามบริษัทถือไพ่เหนือกว่าตระกูลพงศ์ธนธดา แต่ถ้าจะเทียบกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั้น ยังห่างกันอยู่เล็กน้อย
เขาไม่รู้ ว่านี่เป็นบางส่วนที่วิไลพรแสดงให้เห็นเท่านั้น
“แต่ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งก็สายไปแล้ว ตระกูลธาดาวรวงศ์ให้ความสำคัญกับการแต่งงานในครั้งนี้มาก ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้” ชลาธิปกล่าวต่อ
“มอบอารีกลับมาให้ผม เรื่องของตระกูลธาดาวรวงศ์ ผมจะช่วยคุณต่อกลอนเอง”รพีพงษ์กล่าวอย่างเยือกเย็น
ชลาธิปส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะหม่ปิดบังอะไรอีก ความจริงตำแหน่งนายใหญ่ตรเกูลพงศ์ธนธดานั้น ก็เป็นแค่ชื่อ ในมือฉันกุมอำนาจของตระกูลพงศ์ธนธดาเพียงนิดเดียว”
“ผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจจริงๆของตระกูลพงศ์ธนธดา ความจริงคือแม่ของฉัน”