พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่557 ความมั่นใจของรพีพงษ์

บทที่557 ความมั่นใจของรพีพงษ์

บทที่557 ความมั่นใจของรพีพงษ์

หลังจากที่วิไลพรพูดจบ ในห้องรับรองเงียบสงัดชั่วขณะ ชลาธิปขมวดคิ้วเข้ากลาง แต่รพีพงษ์ยังคงยิ้มแย้ม

“คำพูดของเธอได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าคุณยังไม่คืนภรรยาให้กับผมเหมือนเคย ไม่ใช่แค่บุ๊คกิ้งทั้งห้าจะหายไป อนาคตตระกูลพงศ์ธนธดา ก็จะเสียโอกาสในการทำรายได้อย่างมหาศาล ถึงขั้นไม่มีบุ๊คกิ้งเข้ามาเลยแม้แต่น้อย” รพีพงษ์กล่าว

ชลาธิปหยามเหยียด กล่าว “รพีพงษ์แกอย่าคิดว่าแกควบคุมบุ๊คกิ้งพวกนี้ได้ แล้วจะต่อกลอนกับตระกูลพงศ์ธนธดาได้แล้ว บุ๊คกิ้งพวกนี้ฉันไม่เอาก็ได้ สำหรับตระกูลพงศ์ธนธดา ก็แค่ได้กำไรน้อยลงหน่อยก็แค่นั้น แค่พวกคุณไม่กี่คน คิดจะกำจัดตระกูลพงศ์ธนธดา ฝันไปเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชลาธิป รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็ส่งสายตาให้วิไลพร วิไลพรรับรู้ ก็ได้หยิบแฟ้มขึ้นมา วางไว้บนโต๊ะ

“ตอนนี้บริษัทที่ร่วมการค้ากับคุณทั้งเล็กและใหญ่รวมๆกันแล้วได้หนึ่งร้อยสามสิบหกบริษัท นี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดในการทำธุรกิจของตระกูลพงศ์ธนธดา รายรับ80%ของตระกูลพงศ์ธนธดา ล้วนมาจากบุ๊คกิ้งจำนวนร้อยกว่าบริษัทนี้ ฉันพูดถูกไหม” วิไลพรถาม

ชลาธิปได้ยินวิไลพรพูดถึงเบื้องลึกของตระกูลพงศ์ธนธดาอย่างละเอียด ก็ตกใจเล็กน้อย แต่นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร วิไลพรสามารถค้นพวกนี้เจอ ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร

“แล้วยังไง หรือคุณรู้ว่าตระกูลพงษ์ธนธดาร่วมมือกับใคร ถึงได้ต่อกลอนกับตระกูลพงศ์ธนธดา?”

วิไลพรยิ้ม แล้วกล่าว “สิ่งที่ฉันอยากพูดก็คือ ในร้อยสามสิบหกบริษัทที่ร่วมมือทางการค้ากับตระกูลพงศ์ธนธดานั้น มีแปดสิบสามบริษัทที่อยู่ในเครือกิจการของบริษัทลานคอนกรุ๊ป ถึงแม้พวกเขาจะมีชื่อแตกต่างกันออกไป ต่างประเภทต่างธุรกิจ แต่ทั้งหมดก็เป็นเครือข่ายของบริษัทลานคอนกรุ๊ปด้วยกันทั้งนั้น แค่ฉันพูด พวกเขาก็จะหยุดร่วมการค้ากับตระกูลพงศ์ธนธดาทันที ไม่รู้ว่าถ้าเกือบครึ่งของอีกฝั่งยกเลิกสัญญากับพวกคุณทันที จะกระทบตระกูลพงศ์ธนธดายังไงบ้างนะ?”

ชลาธิปยืนขึ้นจากที่นั่งโดยตรง เก้าอีกถอยหลังไป บดกับพื้นกระเบื้อง เกิดเป็นเสียงแหลมขึ้นมา

“คุณพูดอะไร! คุณก็แค่ผู้บริหารของบริษัทเครื่องสำอางเล็กๆเท่านั้น จะควบคุมธุกริจมากมายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน คุณสร้างภาพขึ้นมาโกหกผมแน่นอน!” ชลาธิปพูดอย่างร้อนรน

วิไลพรไม่หวาดหวั่น ถือแฟ้มเอกสารนั้นมา ส่งไปที่ชลาธิป แล้วกล่าว “เอกสารเหล่านี้สามารถพิสูจน์ว่าธุรกิจเหล่านั้นเป็นของบริษัทลานคอนกรุ๊ป ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ดูเอาเองแล้วกัน”

ชลาธิปรีบยื่นมือไปรับเอกสารพวกนั้น จ้องดูไปที่เนื้อหาอย่างละเอียด ตอนแรกก็ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก

วิไลพรพูดไว้ไม่มีผิด เอกสารนี้แสดงอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งแปดสิบสามบริษัท พวกมันเป็นของบริษัทลานคอนกรุ๊ปจริงๆ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทลานคอนกรุ๊ป แต่ธุรกิจพวกนี้ก็มีความสัมพันธ์กับบริษัทลานคอนกรุ๊ปด้วยกันทั้งหมด

เรื่องสำคัญที่สุดคือ แปดสิบสามบริษัท เป็นลูกค้าคนสำคัญของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าพวกเขายกเลิกสัญญากับตระกูลพงศ์ธรธดากระทันหัน สำหรับตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว เป็นการสะดุดครั้งใหญ่เลยทีเดียว

มือสองข้างของชลาธิปที่ถือเอกสารอยู่นั้นก็ล้วนสั่นคลือ เขาคิดว่าในเมืองเซี่ยงไฮ้ตระกูลพงศ์ธนธดาซ่อนความสามารถไว้ระดับดีมากแล้ว มีแค่ตระกูลธาดาวรวงศ์ที่กดตระกูลพงศ์ธนธดาได้เท่านั้น

กลับไม่คาดคิด ว่าเมืองเซี่ยงไฮ้จะมีบุคคลที่น่ากลัวได้ขนาดนี้อยู่ด้วย คุมกิจการมากมายอย่างลับๆ แค่คำเดียว ก็สามารถบีบจนตระกูลพงศ์ธนธดาไม่มีทางออกได้

แผนการแบบนี้ ราชาแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ ตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็ไม่มีทางทำได้

ถึงขณะนี้ ชลาธิปเพิ่งจะรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ รู้แล้วว่าตัวเองยั่วโมโหคนแบบไหนกันแน่

หรือจะพูดง่ายๆว่า ลูกสาวที่พลัดพรากจากกันยี่สิบกว่าปีนั้น ได้แต่งงานกับคนประเภทใด

“นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ไม่ทราบว่าจะคุยกับผมดีๆได้หรือยัง?” รพีพงษ์มองปฏิกิริยาของชลาธิป ด้วยเลศนัย

ชลาธิปยืนอยู่ที่เดิมอยู่นาน มือที่ถือเอกสารยังคงสั่นไม่หยุด ตอนนี้ดูๆแล้ว รพีพงษ์มีความสามารถทำให้ตระกูลพงศ์ธนธดาเสียหายได้จริงๆ แม้ไม่ถึงขั้นล้มละลาย แต่ก็เข้าขึ้นหวาดกลัวแล้ว

แต่ถ้าเขาตกลงมอบอารียา ให้รพีพงษ์ล่ะก็ เขาก็ไม่รู้จะตอบตระกูลธาดาวรวงศ์ว่าอย่างไร แค่เรื่องที่เขาปกปิดว่าอารียาแต่งงานแล้ว ก้พอที่จะทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์เกรี้ยวกราดได้

แล้วถ้าเพราะเรื่องนี้ทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์จัดการตระกูลพงศ์ธนธดา ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็ไม่ต่างจากที่รพีพงษ์จะทำได้ นี่ทำให้ชลาธิปลำบากใจ

ผ่านไปสักพัก ชลาธิปกลับไปนั่งอีกครั้ง เอกสารในมือก็ถูกวางลงไปที่โต๊ะ ร่างกายไร้ซึ่งกำลัง

ตั้งแต่เขาได้เป็นนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา นอกจากตอนนั้นที่เขาต้องเผชิญกับผู้เป็นแม่ที่ดื้อดึงแล้วมีความรู้สึกแบบนี้ ผ่านมาหลายปีความรู้สึกแบบนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

“เงื่อนไขของผมง่ายๆ คืนภรรยามาให้ผม เรื่องที่เธอสมองเสื่อมผมจัดการเอง คุณแค่พูดความจริงของเรื่องนี้ให้เธอฟัง อธิบายความเข้าใจผิดของเธอที่มีต่อผมให้ชัดเจน ผมไม่เพียงจะไม่ให้ธุรกิจเหล่านั้นยกเลิกสัญญากับคุณ แล้วยังให้โอกาสตระกูลพงศ์ธนธดาอีกมากมาย” รพีพงษ์กล่าว

“อารีเป็นลูกนอกสมรสของคุณ ตอนนั้นคุณทิ้งเธออย่างไม่ใยดี ถ้าเธอโชคไม่ดี อาจจะไม่มีชีวิตได้นานขนาดนี้ ช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้คุณไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆในฐานะพ่อ ตอนนี้คุณกลับมาพูดว่าเป็นลูกสาวของคุณ ผมมองว่า คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ เชื่อว่าหลังจากที่อารีรับรู้ความจริงแล้วนั้น ก็จะต้องมีความคิดเดียวกับผม”

“นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ในเมื่อตอนนั้นคุณเลือกที่จะทิ้งเธอ งั้นก็อย่ามาทำลายชีวิตเธอในตอนนี้ ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจความคิดของผม ก็ตัดสินใจตอนนี้เถอะ”

ชลาธิปได้บินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มแหยๆ จากนั้นก็พึมพำ “แกพูดก็มีเหตุผล แต่ เรื่องของดารินทร์ในตอนนี้ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะตัดสินใจได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่แกมาขู่ฉัน แล้วฉันจะสามารถมอบดารินทร์ให้แกได้เลย”

ได้ยินคำพูดของชลาธิป รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว แล้วถาม “หมายความว่าไง? คุณในฐานะนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา คุณไม่สามารถตัดสินใจเรื่องแค่นี้ได้หรอ? เลือกเอาระหว่างคืนอารีให้ผมกับยอมใฟ้ตระกูลพงศ์ธนธดาเสียหาย

ชลาธิปมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “พูดตรงๆ ช่วงนี้ที่ดารินทร์กลับมา พวกเราได้ตัดสินใจแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์ และเรื่องนี้ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ได้ยอมรับแล้ว ตอนนี้คุณชายของพวกเขาอยู่ต่างประเทศ รอให้เขากลับมา พวกเราจะทำการหมั้นหมาย เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ถ้าพวกเรากลับคำ ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลพงศ์ธนธดา ดังนั้นยอมรับความเสี่ยงของความเสี่ยงหายที่จะเกิดขึ้น ฉันก็ไม่มีทางมอบดารินทร์ให้แก”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชลาธิป ก็สีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง โต๊ะนั้นเกิดรอยขึ้นมาในทันใด ทำเอาคนในห้องรับรองตกใจกันเป็นแถวๆ

“ชลาธิป อารีคือผู้หญิงของผม คุณมีสิทธิ์อะไรให้เธอไปแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั่น?” รพีพงษ์เกรี้ยวกราด

“ถึงวัยนี้แล้ว ชีวิตของแต่ล่ะคน จะต้องทำเพื่อวงศ์ตระกูล ดารินทร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ที่ผ่านมาฉันติดหนี้เธอจริงๆ แต่อนาคตฉันชดเชยให้เธอได้เพียงพอ แล้วให้เธอแต่งงานกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั้น เป็นการดีสำหรับเธอ”

“ดีบ้าอะไร! คุณเอาภรรยาของผมเป็นเครื่องมือของตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าไม่ใช่เพราะอารีอยู่บ้านคุณล่ะก็ ตอนนี้คุณกลายเป็นศพไปแล้ว”รพีพงษ์กล่าวอย่างอำมหิต

ชลาธิปไม่แปลกใจคำพูดเมื่อกี๊ของรพีพงษ์ เขารีบรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แสดงผ่านสายตาของรพีพงษ์ อย่างกับยมบาล

“แน่นอน นี่เป็นควาทคิดเมื่อก่อนของฉัน เพราะก่อนวันนี้ ฉันไม่รู้ตัวตนของแก ถ้ารู้ความสามารถของแกตั้งแต่แรกล่ะก็ ตอนแรกฉันอาจพิจารณาสร้างสัมพันธไมตรีกับแกเลย เพราะความสามารถในตอนนี้ของแก ก็ด้อยกว่าตระกูลธาดาวรวงศ์นิดหน่อย” ชลาธิปใช้แปดสิบสามบริษัทนั้นมาตัดสินความสามารถของรพีพงษ์ ทั้งแปดสิบสามบริษัทถือไพ่เหนือกว่าตระกูลพงศ์ธนธดา แต่ถ้าจะเทียบกับตระกูลธาดาวรวงศ์นั้น ยังห่างกันอยู่เล็กน้อย

เขาไม่รู้ ว่านี่เป็นบางส่วนที่วิไลพรแสดงให้เห็นเท่านั้น

“แต่ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งก็สายไปแล้ว ตระกูลธาดาวรวงศ์ให้ความสำคัญกับการแต่งงานในครั้งนี้มาก ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้” ชลาธิปกล่าวต่อ

“มอบอารีกลับมาให้ผม เรื่องของตระกูลธาดาวรวงศ์ ผมจะช่วยคุณต่อกลอนเอง”รพีพงษ์กล่าวอย่างเยือกเย็น

ชลาธิปส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะหม่ปิดบังอะไรอีก ความจริงตำแหน่งนายใหญ่ตรเกูลพงศ์ธนธดานั้น ก็เป็นแค่ชื่อ ในมือฉันกุมอำนาจของตระกูลพงศ์ธนธดาเพียงนิดเดียว”

“ผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจจริงๆของตระกูลพงศ์ธนธดา ความจริงคือแม่ของฉัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท