พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่556 ฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้

บทที่556 ฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้

บทที่556 ฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อเขาได้

“ยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่ว?” เมื่อได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้น ชลาธิปก็ขมวดคิ้ว ในหัวก็คิดอย่างรวดเร็วถึงช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ที่มีอำนาจต่อกลอนกับคนของตระกูลพงศ์ธนธดา

แต่ทว่าเมื่อคิดไปคิดมา สามารถทำให้บุ๊คกิ้งของทั้งห้าบริษัทมารวมกัน แล้วสร้างปัญหาให้กับตระกูลพงศ์ธนธดาได้นั้น ก็มีเพียงตระกูลธาดาวรวงศ์ตระกูลเดียว

แต่การแต่งงานระหว่างตระกูลพงศ์ธนธดาและตระกูลธาดาวรวงศ์กำลังจะได้ฤกษ์ได้ยามแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลธาดาวรวงศ์ก็ไม่มีทางลอบกัดตระกูลพงศ์ธนธดาได้

ในขณะที่เขาคิดอยู่นั้น ก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่พูดเมื่อกี๊ แล้วถามว่า “ตระกูลธาดาวรวงศ์……ให้พวกคุณมา?”

ท่านนั้นหัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว “คุณอย่างเข้าใจผิด พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลธาดาวรวงศ์ ถ้าคนที่คุณยั่วโมโหเป็นตระกูลธาดาวรวงศ์จริงๆ พวกเราไม่ถึงขั้นต้องมาพูดกับคุณในเรื่องนี้หรอกนะ”

ชลาธิปยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก ได้ยินอีกฝั่งพูด ราวกับคนที่เขายั่วโมโหนั้น น่ากลัวกว่าตระกูลธาดาวรวงศ์อีก

“ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าช่วงนี้ผมยั่วโมโหบุคคลท่านใดไว้ ขอทุกท่านได้โปรดชี้ทาง” ชลาธิปถาม

ทั้งห้าไม่ได้พูดต่อ ล้วนจ้องไปที่ชลาธิปด้วยรอยยิ้ม จ้องจนชลาธิปขนลุก

“ไม่คาดคิดว่าคุณจะโง่ดักดานได้ขนาดนี้ ยังคิดไม่ออกอีกว่าได้ยั่วโมโหใครไป ไม่รู้จริงๆว่าตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดาท่านได้มาได้อย่างไรกัน” ในขณะเดียวกัน เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในห้องรับรอง

ชลาธิปรีบมองไปรอบๆตนเอง ชัดเจนว่าเสียงนั้นดังมาจากฉากกั้นห้องรับรอง

วิไลพรออกมาจากฉากกั้นห้องรับรอง จ้องไปที่ชลาธิปผู้ที่ยังมึนงงอยู่

หลังจากที่ชลาธิปเห็นหลังฉากกั้นห้องมีผู้หญิงออกมาแล้วนั้น ก็ชะงัก ในหัวเริ่มผุดความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา

ท่านประธานบริษัทลานคอนกรุ๊ป สาวสังคมขึ้นชื่อของเมืองเซี่ยงไฮ้ วิไลพร

ทำไมเธอถึงปรากฏกายที่นี่? หรือบุ๊คกิ้งของทั้งห้าบริษัทจะยกเลิกเพราะเธอ? แต่บริษัทลานคอนกรุ๊ปเป็นแค่บริษัทเครื่องสำอางเท่านั้น แม้บริษัทบริษัทลานคอนกรุ๊ปจะถือเป็นชั้นนำในด้านเครื่องสำอาง แต่ธุรกิจเดียวแบบนี้ ไม่น่าจะมีอำนาจมากขนาดนี้น

พูดได้ว่า ผู้ซื้อของทั้งห้าบริษัท ทุกบริษัท สามารถเทียบเคียงกับบริษัทลานคอนกรุ๊ปได้ เปรียบเทียบกันได้ จากความสามารถของวิไลพร ไม่มีทางโน้มน้าวให้บริษัททั้งห้ามาหาเรื่องตระกูลพงศ์ธนธดาในเวลาเดียวกันได้

หรือเพราะผู้ซื้อของบริษัททั้งห้าหลงใหลในตัววิไลพร ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้เข้าไปใหญ่ กว่าจะได้ตำแหน่งแบบพวกเขา ลิ้มลองผู้หญิงมานับไม่ถ้วนตั้งนานแล้ว ไม่มีทางเพราะวิไลพรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถึงได้หลงไหลเธอหัวปักหัวปำ

ชลาธิปหลับตาลงแล้วคิด คิดไม่ออกจริงๆว่านี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

วิไลพรปรากฏตัว คนที่นั่งตรงกลางสองคนอยู่ก่อนหน้านี้รีบหลีกทาง แล้วไปนั่งริม

เห็นวิไลพรนั่งลงตรงข้าม ชลาธิปก็เกิดสงสัยขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเว้นที่นั่งข้างๆวิไลพรไว้ทำไม

“ประธานวิไลพร ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ ระหว่างตระกูลพงศ์ธนธดาและบริษัทลานคอนกรุ๊ป น่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันนะ? ไม่ทราบว่าผมยั่วโมโหคุณได้อย่างไรกัน คุณถึงได้ระดมคนจำนวนมากมาหาเรื่องตระกูลพงศ์ธนธดาแบบนี้?” ชลาธิปจ้องไปที่วิไลพรแล้วถาม

วิไลพรยิ้มมุมปาก แล้วกล่าว “คุณไม่ได้ยั่วโมโหฉัน แต่คนที่คุณยั่วโมโห คือคุณชายของฉัน ฉันก็แค่ทำแทนคุณชายของเราก็เท่านั้น”

ชลาธิปขมวดคิ้วหนักมาก ไม่คาดคิดว่าวิไลพรยังมีคนอยู่เบื้องหลังอีก เบื้องหลังของเธอยังมีตัวตนของเขาอยู่

และการเรียกคุณชายสรรพนามนี้ ทำให้ชลาธิปรู้สึกแปลกหู ไม่รู้ว่าคนแบบไหน ถึงจะมีสรรพนามแบบนี้

“ไม่ทราบว่าคุณชายของคุณคือใคร?” ชลาธิปถาม

วิไลพรยังไม่ตอบ ในขณะเดียวกันนี้ประตูของห้องรับรองถูกเปิดออก รพีพงษ์ที่เพิ่งไปห้องน้ำเดินเข้ามา แล้วนั่งข้างๆวิไลพร หลังจากที่ยิ้มแล้วมองไปรอบๆแล้ว ก็กล่าว “ขอโทษจริงๆ เข้าห้องน้ำมา มาช้าไปหน่อย ให้ทุกคนรอนานแล้ว”

พูดจบ รพีพงษ์มองไปที่ชลาธิป แล้วกล่าวอย่างกวนตีนว่า “นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ชั่งบังเอิญจริงๆ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ชลาธิปได้ชะงักในตอนที่รพีพงษ์เข้ามา เห็นรพีพงษ์นั่งข้างๆวิไลพร เข้าก็เริ่มมั่นใจ ว่ารพีพงษ์น่าจะเป็นคุณชายคนนั้นของวิไลพร

ตอนนี้เขานึกถึงรายงานสืบค้นรพีพงษ์เล่มนั้น มีการกล่าวถึงหลังจากที่รพีพงษ์อยู่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้วนั้น ได้พบปะกับวิไลพรและโสธร

ตอนนั้นเขาคิดว่ารพีพงษ์แค่รู้จักกับวิไลพรและโสธรเท่านั้น จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่คาดคิดว่าตอนนี้วิไลพรจะเรียกรพีพงษ์ว่าคุณชาย ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้แน่นอน

“รพีพงษ์ แกหมายความว่าไง? แกจัดการทั้งหมดนี่ใช่ไหม?” หลังจากที่รู้สึกตัว ชลาธิปก็มองไปที่รพีพงษ์อย่างโมโห เรื่องวันนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาจะไม่โมโหขนาดนี้

เขาไม่คาดคิดว่าไอ้นี่จะเซ้าซี้ได้ขนาดนี้ เพิ่งไปวุ่นวายคฤหาสน์ของเขามาหมาดๆ แค่แวบเดียวก็หาสร้างปัญหาแบบนี้ให้เขาแล้ว

ในหัวของเขา คิดว่ารพีพงษ์จะต้องใช้เงินจำนวนแสนล้านนั้นซื้อคนเหล่านี้แน่นอน มิเช่นนั้นผู้ซื้อของทั้งห้าบริษัท จะฟังคำพูดของคนต่างถิ่นอย่างเขาได้อย่างไรกัน

“ง่ายๆ นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา วันนี้ภรรยาของผมอยู่ในมือคุณ ผมจำเป็นจะต้องวางหมาก ไม่งั้นจะมานั่งคุยธุรกิจตรงนี้กับคุณได้อย่างไรกันเล่า” รพีพงษ์กล่าวพลางยิ้ม

ชลาธิปกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “แกคิดว่าแกทำแบบนี้แล้วจะมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากฉันได้? จะบอกให้นะ ไอ้กลอุบายนี้ของแก ในสายตาฉัน มันใช้ไม่ได้”

พูดจบ เขามองไปยังคนที่นั่งรอบๆ แล้วกล่าว “ทุกท่าน สันนิษฐานว่าไอ้นี่จ่ายเงินให้พวกคุณจำนวนไม่น้อย พวกคุณน่าจะรู้ดี มันก็แค่คนนอกถิ่น มันให้เงินพวกคุณแค่นั้น สำหรับพวกคุณแล้วน่าจะใช้ไม่ได้นานเดี๋ยวก็หามาได้ พวกคุณคือบริษัทในเมืองเซี่ยงไฮ้ น่าจะรู้ถึงความสำคัญในการร่วมมือทางการค้าระหว่างพวกเรา”

“เพียงแค่ตอนนี้พวกคุณตกลงกับผมว่าจะไม่ช่วยมัน บุ๊คกิ้งในครั้งนี้ ผมจะลดให้พิเศษห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วอนาคตในระหว่างที่พวกเราการร่วมมือทางการค้ากัน พวกคุณจะได้สิทธิ์ก่อน น่าจะเข้าใจความหมายของมันนะ”

ชลาธิปมั่นใจในเงื่อนไขที่เขาให้มา สิ่งที่รพีพงษ์ให้ได้ ก็มีเพียงแค่เงินนิดๆหน่อยๆนั้น แต่ที่เขาให้ คือลาภอันมหาศาล เพียงแค่เป็นคนฉลาด ก็จะรู้ว่าต้องเลือกอะไร

เมื่อห้าคนนั้นได้ยินคำพูดของชลาธิปก็หัวเราะขึ้นมา คนที่พูดก่อนหน้านี้มองไปที่ชลาธิป แล้วกล่าว “นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา เงื่อนไขที่คุณให้มามันดึงดูดใจจริงๆ แต่คุณจับคู่ผิดแล้ว พวกเราไม่ได้รับเงิน แต่พวกเราเต็มใจทำ”

ชลาธิปไม่เข้าใจ ถาม “ทำไม? ทำไมพวกคุณถึงยอมทิ้งการร่วมมือทางการค้ากับตระกูลพงศ์ธนธดา แล้วไปช่วยคนต่างถิ่นนั่น?”

ในตอนนี้วิไลพรหัวเราะ แล้วกล่าว “เพราะบริษัททั้งห้า อยู่ในนามของบริษัทลานคอนกรุ๊ปไงล่ะ พวกเขาทั้งห้า เป็นพนักงานของฉัน แน่นอนว่าต้องฟังฉันสิ”

สีหน้าชลาธิปเปลี่ยนไป มองวิไลพรอย่างไม่กล้าเชื่อแล้วกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เป็นไปได้ไงกัน! บริษัทลานคอนกรุ๊ปของคุณเป็นแค่บริษัทเครื่องสำอางเท่านั้น ในบริษัททั้งห้าไม่มีบริษัทไหนแย่ไปกว่าของคุณเลย พวกเขาจะเป็นพนักงานของคุณได้ไงกัน!”

“นายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา บริษัทลานคอนกรุ๊ปเป็นแค่บริษัทเครื่องสำอางก็จริง แต่ไม่มีใครกำหนด ว่าจะมีได้แค่ลานคอนบริษัทเดียวนี่ ตระกูลพงศ์ธนธดาของพวกคุณก็ปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้เหมือนกันไม่ใช่หรอ ทำไม หรือแบบนี้ มีแค่ตระกูลพงศ์ธนธดาทำเพียงผู้เดียวหรอ?” วิไลพรกล่าว

ชลาธิปรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่ากลางใจ คำพูดของวิไลพรทำเอาเขาไปไม่เป็น เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าบริษัทลานคอนกรุ๊ปที่ไร้กำลังในเมืองเซี่ยงไฮ้นั้น จะแอบแฝงความสามารถอันน่ากลัวนี้ไว้อยู่ด้วย

เขากดความรู้สึกตกใจนี้เอาไว้ หลังจากที่กลืนน้ำลายแล้ว ก็มองไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง แล้วถาม “แล้วไอ้นี่……”

“กรุณาให้เกียรติเรียกสรรพนาม รพีพงษ์คือคุณชายของฉัน ที่ฉันมีทุกวันนี้ เพราะคุณชายทั้งนั้น เพียงแค่คุณชายออกคำสั่ง ฉันก็สามารถทำให้เขาได้ไม่ว่าเรื่องอะไร”

“รวมถึง……กำจัดตระกูลพงศ์ธนธดาที่แย่งภรรยาของคุณชายไป”

ได้ยินคำพูดนี้ของวิไลพร ชลาธิปก็ตัวสั่น เย็นไปทั้งร่างกาย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท