พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่564 เกินที่เธอจะเอื้อมถึง

บทที่564 เกินที่เธอจะเอื้อมถึง

บทที่564 เกินที่เธอจะเอื้อมถึง

บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนเส้นประสาทตึงเขม็งกันขึ้น ทุกคนต่างรู้ดีว่า เถ้าแก่ของกรุ๊ปลานคอนคนนี้ อาจจะกำลังแผลงฤทธิ์ก็ได้

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเองก็คิดไม่ถึง ในกลุ่มคนที่มาสัมภาษณ์งานในบริษัทยังมีคนกล้าดูหมิ่นรพีพงษ์อยู่ด้วย คนประเภทนี้บริษัทคงไม่เอาไว้แน่ เดี๋ยวพอการสัมภาษณ์จบลง ก็ไล่เจ้าหมอนี่ออกไป

ชนุดมเงยหน้าขึ้นจ้องมองรพีพงษ์ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก ก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปอัดนิษฐา อย่างไรเสียที่เขาพูดจาแบบนั้นกับรพีพงษ์ ก็เป็นเพราะนิษฐาบอกเรื่องรพีพงษ์กับเขาทั้งสิ้น

สักพักชนุดมลุกขึ้นจากที่นั่ง เอ่ยขึ้นว่า“ขอ……ขอโทษครับ ผมไม่ควรพูดจาแบบนั้นเลย แต่เป็นเพราะผมได้ฟังมาจากเธอทั้งนั้น ก็เลยเข้าใจท่านผิด”

ชนุดมพูดพลางชี้นิ้วไปที่นิษฐา เพื่อที่จะลดความผิดพลาดของตัวเองลง ตอนนี้ก็ได้แต่ขายนิษฐาเท่านั้น

นิษฐาหน้าเซ่อเป็นไก่ตาแตก เธอคิดไม่ถึงว่าชนุดมจะขายเธอแบบนี้ จังหวะนี้เอง เธอเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เสียดายที่เธอรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรพีพงษ์ คงไม่มีทางผสานเข้ากันได้แล้วล่ะ

รพีพงษ์จ้องมองนิษฐา จากนั้นจึงถามชนุดมต่อ“ฟังจากคนอื่นไม่กี่คำ ก็เลยมาดูหมิ่นคนอื่นแบบนี้ได้อย่างนั้นหรือ ว่าไงล่ะ นายอยากแก้ตัวหรือไง”

ชนุดมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะตอบรพีพงษ์อย่างไรดี

“บริษัทเราไม่ต้องการคนแบบนี้หรอกนะ เพราะงั้นวันนี้พอสัมภาษณ์เสร็จแล้ว นายไปได้แล้ว ครั้งนี้ฉันไม่ถือสานาย แต่ถ้าครั้งหน้าฉันได้ยินนายหมิ่นประมาทฉันอีกละก็ ฉันก็จะไม่มานั่งใจเย็นกับนายแบบนี้แน่”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ชนุดมสีหน้าร้อนใจ วิงวอนรพีพงษ์ว่า“คุณรพีพงษ์ครับ ผมโดนคนอื่นหลอกจริงๆ ถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาน่ะ ขอร้องล่ะ ฝึกงานครั้งนี้สำคัญสำหรับผมมากเลย ให้โอกาสผมเถอะนะ ผมจะแสดงฝีมืออย่างดี เพื่อชดเชยความผิด”

จู่ๆผู้จัดการฝ่ายบุคคลเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เปิดปากถามชนุดม“นายคือชนุดม สินะ”

ชนุดมพยักหน้า

“ฉันคิดออกแล้วแหละ วันมีคนเอ่ยถึงนายกับฉันว่า ว่าให้ฉันเปิดทางให้นายกับเพื่อนอีกสองคนหน่อย เดิมทีฉันก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีอะไร แต่ถ้าพวกเธอเก่งจริงละก็ จะเปิดทางให้หน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะเป็นคนแบบนี้ น่าโมโหจริง ตอนนี้ฉันแทบอยากจะไปเอาเรื่องเพื่อนฉันคนนั้นแล้วล่ะ แนะนำคนอะไรมาให้ฉันเนี่ย”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเปิดปากตัดพ้ออย่างโมโห

สีหน้าของชนุดมดูแย่ขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าเรื่องที่ควรจะดีใจในตอนแรก แต่กลับกลาย สภาพมาเป็นแบบนี้ในตอนนี้ได้

รพีพงษ์หันไปหาผู้จัดการฝ่ายบุคคลแล้วพูดขึ้น“ไปเรียกเพื่อนร่วมงานคนนั้นของเธอมาหน่อย”

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพยักหน้า แล้วรีบออกจากห้องประชุมไป เพื่อเรียกคน

ไม่นานนัก ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจึงพาชายวัยกลางคนเข้ามาที่ห้องประชุม ชายวัยกลางคนๆนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเดินยิ้มร่าเข้ามา ถามรพีพงษ์ด้วยท่าทีแสดงความเคารพ“คุณรพีพงษ์ครับ ไม่ทราบว่าเรียกผมมา มีธุระอะไรครับ”

รพีพงษ์ชี้นิ้วไปที่ชนุดม แล้วถามขึ้น“เขาเป็นอะไรกับคุณ”

ชายวัยกลางคนมองชนุดม เกิดลางสังหรณ์ที่กล้าๆกลัวๆ แต่ก็ไม่กล้าปกปิด จึงพูดขึ้น“เขา……เขาเป็นหลานผมครับ”

รพีพงษ์แค่นเสียง แล้วพูดขึ้นว่า“งั้นคุณมีหลานชายที่ดีมากคนนึงเลยทีเดียวจริงๆ นิสัยแบบนี้ คุณยังจะกล้าหาช่องทางให้เขาเข้ามาทำงานในบริษัท คุณอยากจะให้บริษัทล่มจมเพราะคนแบบนี้หรือไง”

สีหน้าชายวัยกลางคนเปลี่ยนฉับพลัน รีบถามขึ้น“คุณรพีพงษ์ครับ ไม่ทราบว่าหลานชายผมไปทำอะไรไว้หรือครับ ถึงทำให้คุณรพีพงษ์โกธรได้ขนาดนี้”

“คุณลองถามเจ้าตัวเขาดูเองก็แล้วกัน”รพีพงษ์เปิดปากพูด

ชายวัยกลางคนเดินไปหยุดลงตรงหน้าชนุดม จ้องเขม็งแล้วถาม“ไอ้เด็กเวร แกไปก่อเรื่องอะไรไว้ให้ฉัน รีบบอกมา!”

ชนุดมเล่าเรื่องที่ตัวเองดูหมิ่นรพีพงษ์ตอนอยู่บนรถอย่างอ้ำๆอึ้งๆ หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ฟัง จึงตบหน้าชนุดมอย่างโกธรจัด

“ไอ้ตัวซวย ไม่มีมันสมองหรือไง ขนาดเถ้าแก่แกยังไปกล้าดูหมิ่น แกคิดว่าตัวเองสูงเทียมฟ้าหรือไงวะ!”ชายวัยกลางคนคำราม

ชนุดมสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ว่าไม่กล้าต่อกร จึงก้มหน้ายอมรับผิด

รพีพงษ์จ้องมองชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้น“ในเมื่อคุณเป็นผู้ปกครองของเขา เขาถูกอบรมเลี้ยงดูมาจนนิสัยแบบนี้ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณก็ไม่ใช่ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณลงไปอยู่ที่ตำแหน่งเริ่มต้น ไปสำนึกผิดดู ว่าทำไมถึงต้องเปิดช่องทางให้คนแบบนี้”

ชายวัยกลางคนตัวแข็งทื่อ แต่เขาเองก็รู้แก่ใจว่าการเปิดช่องทางให้ญาติตัวเองแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก อีกอย่างหลานชายเขาดูหมิ่นรพีพงษ์ขนาดนี้ รพีพงษ์ไม่ไล่เขาออกก็บุญโข แล้ว

“ครับ คุณรพีพงษ์ ”ชายวัยกลางคนเปิดปากพูด

“คุณพาเขาออกไปได้แล้ว”รพีพงษ์พูดต่อ

ชายวัยกลางคนไม่กล้าพูดอะไรต่อ หันหลังกลับแล้วดึงหูชนุดมออกไป“ไอ้เด็กเวร ครั้งนี้ มึงทำกูซวยหนัก ดูว่ากูจะจัดการมึงยังไง!”

ทั้งคู่เดินออกจากห้องประชุม ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงด่าทอลอดออกมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงวิงวอนของชนุดม ห้องประชุมเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเล็ดลอดมาแม้แต่น้อย สีหน้านิษฐายิ่งตึงเครียด รพีพงษ์โต้ตอบชนุดมแบบนี้ แล้วจะปล่อยเธอไปได้อย่างไรเล่า ไม่แน่ว่าบทลงโทษของเธอ อาจจะหนักกว่ารพีพงษ์ก็เป็นได้

เธอเตรียมตัวเตรียมใจขายหน้าเอาไว้แล้วล่ะ เธอรู้ตัวดีว่าปากเธอพาซวย อยากจะหนีก็คงหนีไม่พ้น แต่สิ่งที่ทำให้นิษฐาคิดไม่ถึงก็คือ รพีพงษ์ได้เพียงมองนิษฐาอย่างเย็นชาทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า“เธอเองก็ไปเถอะ บริษัทเราไม่ต้องการคนอย่างเธอ”

คำพูดง่ายๆสั้นๆ หากแต่ทำให้นิษฐาเซ่อไปเลย เดิมทีเธอคิดว่ารพีพงษ์คงจะใช้โอกาสนี้ แก้เผ็ดเธออย่างสาสม

“หนู……หนูไปได้แล้วหรือคะ ”นิษฐายังคงรู้สึกแข็งขืน เธอเอ่ยปากถามขึ้น

“หรือเธอคิดว่าจะให้ฉันส่งเธอกลับหรือไงล่ะ”รพีพงษ์พูดเย็นชา

นิษฐามองสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งของรพีพงษ์ จู่ๆก็เข้าใจขึ้นมาว่า รพีพงษ์ไม่ได้เห็นเธอ อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกไปเองว่ารพีพงษ์คงจะแก้แค้นเธอด้วยท่าทีของเธอ ก่อนหน้า เพราะว่าความบาดหมางระหว่างเธอกับรพีพงษ์นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย

สำหรับในใจของรพีพงษ์นั้น เขาไม่เคยเห็นว่าเธอควรค่าแก่การใส่ใจตรงไหน

ความรู้สึกแบบนี้ อดทำให้นิษฐารู้สึกอ่อนใจไม่ได้ มันยิ่งรู้สึกแย่กว่าการที่แก้แค้นเธอเสียอีก

ที่แท้ตั้งแต่ต้น รพีพงษ์ไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตา เธอคิดเองเออเองทั้งสิ้น

พอคิดเข้าใจในปัญหานี้แล้ว นิษฐาจึงนั่งตัวตรงขึ้น ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องประ ชุมไป เธอรู้ดี เธอคงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว

เดิมทีเยาวเรศนึกว่าเธอเองก็คงจะโดนหางเล่จากนิษฐาไปด้วย แล้วจะโดนรพีพงษ์ขับไล่ออกไป สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่รพีพงษ์ให้นิษฐาออกไปแล้ว ตัวเขาเองก็ เดินออกจากห้องประชุม แล้วมอบให้วิไลพรกับผู้จัดการฝ่ายบุคคลจัดการต่อ

เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ เข้าใจว่ารพีพงษ์ไม่ได้ไล่เธอตรงๆ เพราะว่าท่าทีของเธอที่มีต่อรพีพงษ์นั้นไม่ได้แย่อะไรก็แค่นั้นเอง

รพีพงษ์ไม่ได้ชายตามองเธอตั้งแต่ต้นเลยด้วยซ้ำ ทำให้เยาวเรศรู้สึกจิตตกเป็นอย่างมากในเมื่อไม่มีความเข้าใจผิดต่อรพีพงษ์ เธอเองก็รู้สึกดีกับรพีพงษ์ไม่น้อย

แล้วตอนนี้เธอก็ได้รู้แล้วว่าช่องว่างระหว่างเธอกับรพีพงษ์นั้น ผู้ชายคนนี้เกินที่เธอจะเอื้อมถึง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท