พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่560 ใช้เป็นเครื่องมือ

บทที่560 ใช้เป็นเครื่องมือ

บทที่560 ใช้เป็นเครื่องมือ

อาคารลานคอน

รพีพงษ์เดินอยู่ในอาคาร มีคนยิ้มทักทายเขา ตลอดเวลา แล้วตะโกน “สวัสดีคุณรพี”

เพราะช่วงนี้รพีพงษ์อยู่ในอาคารลานคอนตลอด มักจะเดินอยู่กับวิไลพร คนของบริษัทลานคอนกรุ๊ปล้วนรู้ว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดา

แล้วก่อนหน้านี้วิไลพรยังเปิดประชุมระดับสุดยอดประกาศตัวตนของรพีพงษ์ บอกกับทุกคน ว่ารพีพงษ์เป็นเจ้าของเบื้องหลังของบริษัทลานคอนกรุ๊ป

ความจริงรพีพงษ์ไม่อยากให้วิไลพรทำแบบนี้ แต่ช่วงนี้วิไลพรได้ยินคำพูดประชดประชันในบริษัท ว่ารพีพงษ์เป็นเด็กที่เธอเลี้ยงไว้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าจะต้องประชุมเพื่อเปิดเผยตัวตนของคุณชายของตร

รพีพงษ์เห็นวิไลพรตั้งใจ จึงไม่ห้าม

เรื่องที่รพีเป็นเจ้าของเบื้องหลังของบริษัทลานคอนกรุ๊ป สำหรับคนของบริษัทลานคอนกรุ๊ปแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจความจริงมีคนจำนวนไม่น้อยเหยียดหยามรพีพงษ์ แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็เปลี่ยนท่าทีทันที ถึงขั้นวิ่งไปหารพีพงษ์เพื่อขอโทษโดยเฉพาะ

เมื่อนึกถึงวิธีการต่อกลอนกับตระกูลธาดาวรวงศ์ โน้มน้าวคนของบริษัทลานคอนกรุ๊ป ก็ถือว่าสำคัญ เขาจำเป็นต้องให้ทุกคนของเทือกเขากิสนาในเมืองเซี่ยงไฮ้รับรู้ ว่าคุณชายของตน ได้มาถึงแล้ว ต้องการความร่วมมือจากพวกเขา

การประชุมระดับสุดยอดของวิไลพรได้ผล แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษืไม่เชื่อก็คือ หลังจากที่ตนได้ประกาศตัวตนของตัวเองแล้วนั้น หัวข้อที่ว่าเขาถูกเลี้ยงดูในบริษัทลานคอนกรุ๊ปจะไม่พูดถึงกันแล้ว แต่กลับมีคนพูดว่าวิไลพรและรพีพงษ์เป็นคู่สร้างคู่สมกัน ที่วิไลพรไม่มีแฟนนานขนาดนี้นั้น เป็นเพราะรอรพีพงษ์

รพีพงษ์ค่อนข้างปวดหัว กับการนินทาของผู้คน แต่เขาก็ไม่สามารถปิดปากของทุกคนไว้ได้ เพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ ก็ไม่มีอะไรแล้ว

วิไลพรเต็มใจที่ทุกคนพูดถึงพวกเขา ถึงขั้นวิ่งไปอวดตรงหน้าของรพีพงษ์ ตั้งใจพูดกับรพีพงษ์ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นความจริง เธอห่วงหน้าตาตัวเอง จึงไม่กล้าพูดตรงๆ

รพีพงษ์ชักตาไปที่เธอ พูดออกมาไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะเชื่อ แต่เมื่อเป็นวิไลพร ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ

แต่เขาก็รู้ว่าวิไลพรล้อเล่น สาวสังคมที่ขึ้นชื่อ หลังจากครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์เกือบจะโมโหเธอไป ก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการพูดอย่างเร็ว ทุกครั้งที่ล้อเล่นกับรพีพงษ์ ไม่ให้รพีพงษ์โกรธ แล้วยังโปรยเสน่ห์ของตัวเองให้รพีพงษ์เห็นอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปนาน รพีพงษ์เริ่มนับถือวิไลพร เขาเคยคิดถึงขั้น ถ้าเขายังไม่แต่งงาน และไม่ได้มอบความรู้สึกทั้งหมดให้กับอารียาล่ะก็ เขาจะต้องหลงใหลในตัวของวิไลพรอย่างแน่นอน

รพีพงษ์เป็นเบื้องบนของวิไลพร แต่เธอไม่เคยคิดกับรพีพงษ์ว่าเป็นเจ้านายเลย ถึงขั้น มองรพีพงษ์เป็นเด็กวิ่งงาน

ตามคำพูดของวิไลพร ยังไงรพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรทำในบริษัทอยู่แล้ว ต้องอยู่ดีกินดี ให้เขาทำงานนิดหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว

ดังเช่นวันนี้ บริษัทมีกลุ่มเด็กฝึกงานมาสัมภาษณ์ จะต้องรับส่ง รพีพงษ์ไอ้ถูกรับเกียรติให้มาเป็นคนขับรถรับส่ง

รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ เพราะนอกจากต้องกังวลเรื่องของอารียาแล้ว ตอนนี้ เขาก็ไม่มีอะไรทำ

ถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน รพีพงษ์เดินไปถึงด้านหน้ารถตู้สิบสี่ที่นั่ง หลังจากนั่งลงไปแล้ว ก็ขับออกจากอาคารลานคอน

ที่ๆเขาจะไปห่างจากมหาวิทยาลัยฟูตันไม่มาก วันนี้ที่มาสัมภาษณ์ได้ยินมาว่ากว่าครึ่งของนักเรียนมาจากมหาวิทยาลัยฟูตัน ในฐานะที่เป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์เมืองเซี่ยงไฮ้ คนที่มาสัมภาษณ์ จึงเป็นคนที่มีความสามารถระดับต้นๆทั้งนั้น

ตอนนี้อาคารลานคอนเป็นสถานที่รวมตัวกันของนักศึกษาฝึกงาน หนึ่งในนั้นจำนวนสิบกว่าคนได้รออยู่แล้ว ผู้ที่รอสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เกินขึ้น เป็นผู้หญิง เพราะมีเพียงผู้หญิงที่เข้าใจผู้หญิง ต้องการบริหารบริษัทเครื่องสำอาง ถ้าขาดผู้หญิงก็คงไม่ได้

แล้วในสิบกว่าคนที่มาสัมภาษณ์ มีผู้หญิงสองคน สายตาเป็นประกาย สองคนนี้คือนิษฐาและเยาวเรศที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยฟูตัน วันนี้พวกเธอแต่งหน้าอย่างสดใส ผู้ชายหลายๆคนอดไม่ไหวที่จะดูไปที่พวกเธอทั้งสอง

เยาวเรศมองไปที่นิษฐาอย่างเคร่งเครียด กล่าวว่า “นิษฐา แกคิดว่าวันนี้พวกเราจะสัมภาษณ์ผ่านไหม? บริษัทลานคอนกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีชื่อของเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างมากเลยนะ ได้ยินมาว่าการแข่งขันสู้มาก แม้พวกเราจะเป็นนักศึกษาของมหาลัยฟูตัน ก็ไม่ใช่ว่าจะผ่านนะ”

นิษฐายิ้มให้เยาวเรศ แล้วกล่าว “แกไม่ต้องกังวล คะแนนของพวกเราสูง เพียงแค่ตอนสัมภาษณ์ก็วางตัวดีๆหน่อย อยากสัมภาษณ์ ก็ไม่น่าจะยาก อีกอย่าง ชนุดมก็อยู่ที่นี่ เขามีญาติทำงานที่บริษัทลานคอนกรุ๊ป ต้องช่วยพวกเราพูดอยู่แล้ว”

ผู้ชายรูปร่างสูงยาวที่ยืนอยู่ข้างๆนิษฐาและเยาวเรศก็ยิ้มอย่างสะใจออกมา แล้วตบไปที่อก “พวกเธอสองคนสบายใจเถอะ ฉันได้บอกคนในไว้แล้ว รอให้ถึงตอนสัมภาษณ์ ไม่มีทางถามพวกเราด้วยคำถามที่ยากๆ” คนรอบข้างได้ยินคำพูดของชนุดม ก็แสดงสีหน้าอิจฉาออกมา พวกเขาก็อยากได้รับคำถามง่ายๆในการสัมภาษณ์เช่นกัน แต่ทว่าไม่เป็นไร ก็ใช้ความสามารถตัวเองแล้วกัน

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ขับรถตู้สีดำมายังจุดนัดพบ แล้วหยุดลง

เขาลงมาจากรถ มองไปที่สิบกว่าคนนั้น แล้วกล่าว “พวกคุณไปสัมภาษณ์ที่บริษัทลานคอนกรุ๊ปทั้งหมดเลยหรอ? ขึ้นรถเถอะ”

ทุกคนล้วนมองมาที่รพีพงษ์ หลังจากที่นิษฐาและเยาวเรศเห็นคนที่ลงมาจากรถคือรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ชะงัก

“รพีพงษ์? ทำไมเป็นแกได้?” นิษฐาอดไม่ได้ จึงถามออกมา

รพีพงษ์ก็คาดไม่ถึงว่าคนที่จะไปสัมภาษณ์นั้นมีนิษฐาและเยาวเรศรวมอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ รู้สึกว่าการที่พวกเธอไปสัมภาษณ์ที่บริษัทลานคอนกรุ๊ป ไม่ได้มีผลกระทบอะไร

“เอ๋อ ผมมารับคนที่จะสัมภาษณ์ไปบริษัท” รพีพงษ์ตอบไปงั้นๆ

“แกไปเป็นคนขับรถของบริษัทลานคอนกรุ๊ปแล้ว? นิษฐาตาโต เธอคิดว่า รพีพงษ์ทำผิดต่อตระกูลพงศ์ธนธดา ควรจะหนีสิถึงจะถูก

รพีพงษ์ไม่ได้พูดกับนิษฐามากมาย แล้วกล่าว “รีบขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวจะกระทบเวลาสัมภาษณ์” นิษฐาบึนปาก คิดในใจว่ารพีพงษ์จะต้องไปเป็นคนขับรถให้กับบริษัทลานคอนกรุ๊ปแน่นอน เพราะรู้สึกผิด ถึงได้ไม่กล้าตอบคำถามของเธอ

ดูออกว่าเยาวเรศที่มากับนิษฐาก็คิดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเธอไม่เหมือนกับนิษฐา

ในใจของเยาวเรศ ความจริงรพีพงษ์ก็ยังคงเป็นคนดีคนหนึ่ง แล้วยังเก่งมากอีกด้วย ยังไงเธอก็คิดไม่ตก ว่าคนแบบนี้ ทำไมต้องเป็นศัตรูกับตระกูลพงศ์ธนธดา จนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนี้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท