พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่562 สัมภาษณ์

บทที่562 สัมภาษณ์

บทที่562 สัมภาษณ์

หลังจากที่พวกนิษฐาเข้าไปในอาคารลานคอน จึงรู้สึกสะดุดตากับการตกแต่งภายในอาคาร อาคารที่สูงตระหง่านแบบนี้ เป็นของกรุ๊ป ลานคอนทั้งหมด

ด้านในมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน แต่ละแผนกมีการจัดวางกันอย่างเหมาะสม ภายในอาคารมีมุมพักผ่อน มุมออกกำลังกาย และห้องอาหารอยู่ตามจุดต่างๆ

“โอ้โห นี่เป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้้สินะ สุดยอดไปเลย”นิษฐาอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้

“พอคิดว่าอีกหน่อยพวกเราจะได้มาทำงานที่นี่ รู้สึกตื่นเต้นจังเลย”ชนุดมเองก็พูดขึ้นมาคำหนึ่ง

แม้ว่าเยาวเรศจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเธอเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย พวกเขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยฟูตัน ก็เพื่อที่จะเรียนจบแล้วมีงานดีๆทำ กรุ๊ปลานคอน เป็นสถานที่ในฝันของพวกเขา การที่ได้มาทำงานที่นี่ย่อมเป็นความภูมิใจของครอบครัว

ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงตะลานกับการตกแต่งภายในของอาคารลานคอน ผู้จัดการที่สวมสูทเรียบแต่ดูดีก็มาหยุดตรงหน้าพวกเขา ยิ้มให้ทุกคนแล้วพูดว่า“ทุกท่านคะ ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของกรุ๊ปลานคอน ดีใจที่ทุกคนมาสัมภาษณ์ในบริษัทเรานะคะ”

เมื่อทุกคนเห็นว่าคนที่เดินมาคือผู้จัดการฝ่ายบุคคล จึงรีบหันไปมองอย่างหญิงสาวผู้นั้นอย่างตั้งใจ ทุกคนอยากจะเหลือความทรงจำที่ดีไว้ให้กับหล่อน

“พูดได้ว่าวันนี้พวกเราโชคดีมากเลย หวังว่าทุกคนจะพกพาความโชคดี สัมภาษณ์งานได้อย่างราบรื่นนะคะ”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลกล่าวขึ้น จากนั้นจึงพาทุกคนเดินเข้าไปข้างใน

คำว่าโชคดีของหล่อน หมายความว่าวันนี้รพีพงษ์ขับรถมาส่งพวกเขาด้วยตัวเองเลยทีเดียว ถือว่าได้รับการปฏิบัติที่ดีมาก ในมุมมองของผู้จัดการฝ่ายบุคคลแล้ว นี่เป็นโอกาสที่โชคดีมาก

ทุกคนเดินตามหลัง นิษฐารู้สึกสงสัยเล็กน้อย หันกลับไปถามชนุดมว่า“ทำไมหล่อนถึงบอกว่าวันนี้เราโชคดีมากล่ะ”

ชนุดมเองก็สงสัยเช่นกัน พอคิดแล้ว จึงพูดขึ้น“หล่อนพูดประโยคนี้กับเราสามคนไงล่ะ เพราะญาติของฉันได้คุยกับผู้จัดการฝ่ายบุคคลไว้เรียบร้อยแล้ว หล่อนเลยบอกแบบนั้น คิดว่าคงอยากจะให้เราสามคนสบายใจ ว่าสัมภาษณ์งานวันนี้ได้แน่นอน”

นิษฐาฟังแล้วรู้สึกสมเหตุสมผล จึงยิ้มขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง พูดว่า“ดูทีญาติของนายคนนี้พึ่งพาได้อยู่นะ ไว้พวกเราสัมภาษณ์งานผ่านแล้ว ฉันกับเยาวเรศจะขอเลี้ยงข้าวนายสักมื้อ”

ชนุดมรีบโบกปัดมือ พูดด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง“เรื่องเล็ก เรื่องเล็ก ก็แค่สัมภาษณ์งานน่ะ สำหรับฉันแค่คำพูดคำเดียวก็จบ”

ไม่นาน ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็พาทุกคนมาถึงห้องประชุมใหญ่ วันนี้การสัมภาษณ์งานจะ จัดขึ้นที่นี่

ตอนนี้วิไลพรนั่งอยู่กลางห้องประชุม ในฐานะประธานบริหารของกรุ๊ปลานคอน และดาวมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว วิไลพรต้องออกมากล่าวเปิดงานสัมภาษณ์สัก สองสามคำ

“ท่านนี้เป็นประธานบริหารกรุ๊ปลานคอนของเรานะจ๊ะ คุณวิไลพร คิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินชื่อท่านประธานของเรา ก็เพราะท่านนี่แหละ กรุ๊ปลานคอนของเราจึงพัฒนามาได้ถึงทุกวันนี้”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลแนะนำ

ทุกคนต่างเคลิบเคลิ้มไปกับความงามของวิไลพร นอกจากนิษฐากับเยาวเรศ

ในตอนที่พวกเธอสองคนจ้องมองวิไลพร ก็ตกตะลึงขึ้นมา จากนั้นมองสบตากัน ในแวว ตามีความเหลือเชื่อแฝงอยู่

“นี่……นี่คนที่ไปรับรพีพงษ์ที่สนามบินวันนั้นนี่”นิษฐาพูดพึมพำ

เยาวเรศพยักหน้ารับ หล่อนเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าคนที่ไปรับรพีพงษ์วันนั้น จะเป็นประธานบริหารของกรุ๊ปลานคอน ชนุดมเห็นปฏิกริยาของคนทั้งสอง ยิ้มแล้วพูดขึ้น“เป็นอะไร หรือเธอสองคนก็ตะลึงในความงามของท่านประธานเข้า แต่จะว่าไปนะท่านประธานนี่สวยจริงๆ ออร่าจับ จนน่าหลงใหลเลยทีเดียว”

นิษฐามองไปที่ชนุดม แล้วเปิดปากพูด“คนๆนั้น ที่เลี้ยงดูรพีพงษ์ไง”

ชนุดมตกตะลึง ในใจเกิดความริษยาขึ้น เดิมทีเขาคิดว่าคนที่เลี้ยงดูรพีพงษ์น่าจะเป็น เพียงป้าแก่ๆคนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นประธานสาวสวยของกรุ๊ปลานคอน

ของสวยๆงามๆแบบนี้ คิดว่าผู้ชายทั้งโลกก็คงไม่มีวันปฏิเสธ ถ้าเป็นเขา เขาก็ยินดีให้เลี้ยงดูเหมือนกัน แต่ว่าไม่นานเข้าก็ปลง เพราะตอนนี้รพีพงษ์ก็เป็นแค่คนขับรถของกรุ๊ปลานคอนคนหนึ่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า เขา“ตกกระป๋อง”ไปแล้ว และไม่แน่ว่างานคนขับรถของเขาในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาเกาะไม่ปล่อยก็ได้ ดังนั้นเขาไม่มีความจำเป็นต้องอิจฉารพีพงษ์

“คิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะดวงดีขนาดนั้น เสียดายนะ มันไม่คู่ควรกับสาวสวยแบบนั้นเลย ตอนนี้มันก็เป็นได้แค่คนรถ ดูท่า เป็นเรื่องตลกน่าขบขัน”ชนุดมพูดเสียงค่อย

นิษฐาพยักหน้า รู้สึกว่ารพีพงษ์นั้นช่างน่าขันสิ้นดี ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตะลึงที่รพีพงษ์ไปคั่วประธานสาวของกรุ๊ปลานคอนได้ ดูท่าก่อนที่เขามีปัญหากับตระกูลพงศ์ธนธดา รพีพงษ์ก็เป็นคนฉกาจไม่เบา

ไม่ได้คิดอะไรมาก สองสามคนต่างตั้งสมาธิ เพื่อฟังผู้จัดการฝ่ายบุคคลกับวิไลพรคุยกัน

กระบวนการสัมภาษณ์ได้จัดลงมติไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลแนะนำวิไลพรเรียบร้อยแล้ว วิไลพรก็มองไปรอบๆพูดสองสามคำ ก็ไม่พ้นการสรรเสริญข้อดีของบริษัทตนเองหรอก อีกอย่างถ้าพวกผู้สัมภาษณ์ได้เข้ามาทำงานในบริษัท จะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง

หลังจากนั้น เมื่อมาถึงขั้นตอนที่ผู้สัมภาษณ์แนะนำตัวเอง ทุกคนต่างก็พยายามที่จะแสดงจุดเด่นของตนเองกันอย่างเต็มที่ หวังว่ากรุ๊ปลานคอนจะประทับใจตนเอง

จากกระบวนการสัมภาษณ์ ชนุดมก็ยิ่งตัดสินใจที่จะทำงานที่กรุ๊ปลานคอน ด้านหนึ่งเป็น เพราะสวัสดิการค่อนข้างดี ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะวิไลพร

ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบของสวยๆงามๆหรอก ชนุดมเองก็ไม่ต่างกัน พอได้เห็นวิไลพร ชนุดมก็ได้วาดภาพอนาคตตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่เขาเข้าร่วมงานกับกรุ๊ปลานคอน ต้องค่อยๆปีนขึ้นไป แล้วเขาจะไปนั่งในตำแหน่งสูงสุด แล้วเขาจะจีบวิไลพร เขาเองก็มั่นใจมาก

และเมื่อถึงเวลาเขาต้องจีบวิไลพรมาให้ได้ กรุ๊ปลานคอนก็จะเป็นของเขา แบบนี้เขาก็จะ ได้ทั้งผลประโยชน์ ทั้งสาวงาม ช่างเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในโลกจริงๆ

คิดแบบนี้ ชนุดมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

วิไลพรสังเกตเห็นคนที่ยิ้มออกมาคนนี้ ในใจก็รู้สึกต่อต้าน สำหรับดาวมหาวิทยาลัยดัง อย่างหล่อนแล้ว ยิ้มแบบนี้หล่อนเห็นมาเยอะแล้ว หล่อนย่อมรู้ดีว่าคนที่ยิ้มแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

หากแต่หล่อนไม่สนใจ อย่างไรเสียผู้ชายที่หล่อนเคยเจอ เก้าในสิบต่างก็ยิ้มแบบนี้แหละ

ส่วนรพีพงษ์ เป็นคนเดียวที่ไม่ยิ้ม

ในตอนที่การสัมภาษณ์ใกล้จะสิ้นสุด คนๆหนึ่งผลักประตูห้องประชุมเปิดออก เดินเข้าไป

ผู้คนต่างหันไปดู หลังจากที่เห็น ต่างก็ตกอกตกใจ

เพราะว่าคนที่เดินเข้ามา ก็คือคนขับรถที่ไปรับพวกเขามา รพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท