พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่569 รพีพงษ์ผู้ “เจ้าเล่ห์”

บทที่569 รพีพงษ์ผู้ “เจ้าเล่ห์”

บทที่569 รพีพงษ์ผู้ “เจ้าเล่ห์”

ในตอนที่ออกมาจากบ้านพงศ์ธนธาดา ใบหน้ารพีพงษ์เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขากับชลา ธิปคุยกันอยู่นาน ในที่สุดเขาก็หว่านล้อมชลาธิปได้ ให้เขามาช่วยกันต่อกรกับบ้านธาดาวรวงศ์

ชลาธิปรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเรื่องที่คุณนายใหญ่วางยาทำแท้งให้อารียานั้น คงจะไม่สามารถ ทำให้ความโกธรแค้นในใจของรพีพงษ์ระงับได้แน่นอน ถ้าเขาปฏิเสธรพีพงษ์ เขาก็มีแค่ตายหนทางเดียว

ถ้าหากเขาร่วมมือกับรพีพงษ์ รพีพงษ์คงจะขุดความผิดครั้งเก่าของเขาขึ้นมา แล้วขึ้นมาควบคุมตระกูลพงศ์ธนธาดาแทนเขาแน่นอน แล้วจะยึดอำนาจบ้านพงศ์ธนธาดาเอาไว้ โดยแย่งอำนาจมาจากมือคุณนายใหญ่

ส่วนงานที่รพีพงษ์มอบหมายให้เขาทำนั้นก็ง่ายมาก ก็แค่ให้เขาเข้าไปทำอะไรบางอย่างในงานแต่งของอารียากับคุณชายบ้านธาดาวรวงศ์

แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ารพีพงษ์จะรับมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ได้หรือไม่ แต่ในใจชลาธิปก็ยินดีช่วยเหลือรพีพงษ์ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขาคอยคิดสำนึกถึงสิ่งผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำเอาไว้ ทุกครั้งที่เห็นอารียา ในใจเขามักจะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่อยากแตะต้องเด็กในท้องของอารียา

เขารู้ดีอยู่แก่ใจ อารียาแต่งเข้าบ้านธาดาวรวงศ์ คงไม่ได้มีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้แน่ อารียามีนิสัยเมตตาอ่อนโยน คงถูกรังแกแน่นอน

การแสดงออกของรพีพงษ์ในช่วงนี้ทำให้ชลาธิปรู้ได้ถึงความรักอย่างหัวปักหัวปำที่รพีพงษ์มีต่ออารียา เขาเลยยอมเสี่ยงช่วย

สิ่งเดียวที่ชลาธิปต่อต้าน คือรพีพงษ์จะเอาชีวิตคุณนายใหญ่มาเป็นการไถ่โทษ แต่พอนึกถึงท่าทีของคุณนายใหญ่ที่มีต่อเขาแล้ว ชลาธิปกับหล่อนไม่มีความรักฉันญาติมิตรใดๆ หลงเหลืออยู่แล้ว

ในที่สุดเขาก็ตอบรับรพีพงษ์ เขาช่วยรพีพงษ์ต่อกรกับตระกูลธาดาวรวงศ์ได้ แต่กับคุณนายใหญ่ เขาจะไม่ลงมือเอง แต่ว่าเขาจะไม่ขัดขวางรพีพงษ์

หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากบ้านพงศ์ธนธาดาแล้ว ชลาธิปก็ยืนอยู่หน้าประตู ยืนมองท้องฟ้า บ่นพึมพำ“ท้องฟ้าของมหานครเซี่ยงไฮ้ คงใกล้เปลี่ยนแล้วล่ะ”

เมื่อกลับมาถึงอาคารลานคอน ท้องฟ้าก็มืดสนิท ทั้งอาคารเหลือเพียงแค่พนักงานที่ทำงานล่วงเวลา

รพีพงษ์เดินมาหยุดหน้าห้องของอารียา เขาค่อยๆเปิดประตูอย่างระมัดระวัง มองเข้าไป ข้างใน

อารียายังคงหลับสะลึมสะลือ เธอนอนเอนอยู่บนเตียง หลับตาลง แล้วคอยขมุ่นคิ้วเป็นระยะ ราวกับเธอกำลังฝันร้าย รพีพงษ์ยืนมองอย่างปวดใจ

ในช่วงระยะเวลานี้ รพีพงษ์ได้สอบถามหมอเก่งๆหลายคน ถามว่าอาการสูญเสียความ ทรงจำแบบนี้รักษาได้อย่างไร หลังจากที่หมอเหล่านี้ได้ฟังรพีพงษ์บรรยายถึงอาการ คำ ตอบที่ได้คือ พยายามให้ผู้ป่วยได้สัมผัสกับสิ่งของที่คุ้นเคย แบบนี้จะช่วยทำให้ความจำฟื้นได้เร็วขึ้น

รพีพงษ์โทรศัพท์หาเจสสิก้า ให้หล่อนถามชุติเทพว่า คำแนะนำที่ชุติเทพแนะนำมาก็ใกล้ เคียงกับของบรรดาหมอพวกนั้นแหละ อย่างไรเสียสมองก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดของมนุษย์ การวิจัยด้านมันสมองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันยังถือว่าเป็นส่วนน้อย

เพราะฉะนั้นถ้ารพีพงษ์อยากให้อารียาความจำฟื้นคืน ได้แต่ค่อยเป็นค่อยไป และสิ่งที่ต้องทำโดยด่วนคือ ให้อารียาลบความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาออกก่อน

เขาเคลื่อนย้ายเก้าอี้มาตัวหนึ่ง นั่งลงไป แล้วจ้องมองอารียาอยู่แบบนั้น หลังจากความกังวลและความคิดถึงพัดผ่านไป รพีพงษ์รู้สึกขึ้นมาว่า การที่ได้จ้องมองอารียาแบบนี้ก็เป็น ความสุขอย่างหนึ่ง

จนกระทั่งถึงกลางดึก รพีพงษ์รู้สึกเหนื่อยล้า จึงได้ลุกขึ้น เตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ในเวลานี้เอง อารียาก็พลิกตัว พูดเสียงแผ่วๆขึ้น“รพีพงษ์ คุณทับผมฉันอยู่”

รพีพงษ์ตะลึง แล้วเผยรอยยิ้มออกมา ในใจคิดว่าอารียาสูญเสียความทรงจำ แต่จิตใต้สำนึกยังคงจดจำสามีคนนี้อยู่ แม้แต่ในฝันก็ยังคำนึงถึง

หลังจากที่จับจ้องอารียาอยู่พักหนึ่ง รพีพงษ์ตัดสินใจไม่ไปไหนแล้ว ไหนๆเตียงอารียาก นอนได้สองคน ถ้าเขาจะนอนด้วยก็ยังเหลือเฟือ

ไม่ได้เจอหน้ากันนาน ทำไมรพีพงษ์จะไม่อยากนอนร่วมเรียงเคียงหมอนกับอารียาเล่าแม้ว่าอารียาจะนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร แต่พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย รพีพงษ์ไม่ได้ทำอะไรผิดศีลธรรมสักหน่อย ไม่มีใครหน้าไหนจะว่าเขาไ้ด้

หลังจากที่โน้มน้าวใจตัวเองเรียบร้อย รพีพงษ์จึงขึ้นนอนข้างอารียา รู้สึกได้ว่ากลิ่นกาย อารียามีกลิ่นหอมอ่อนๆ รพีพงษ์เองก็ตื่นเต้นไม่น้อย

“ผมเอนแป๊บนึงนะ รับรองว่าไม่ทำอะไรแน่นอน”รพีพงษ์พูดพึมพำ

ผ่านไปสักครู่ รพีพงษ์หันไปมองอารียาที่อยู่ข้างๆ แววตาทอดมองริมฝีปากประกายอิ่มใสของเธอ จึงกลืนน้ำลายลงไป

“ผมจูบแค่ทีเดียว รับรองว่าทีเดียว ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น”

รพีพงษ์ละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆชิดเข้าไปใกล้ริมฝีปากของอารียา

เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากตัวอารียาได้อีกครั้ง รพีพงษ์รู้สึกกระชุ่มกระชวย จนแทบอยากจะกลืนกินอารียาลงไปทั้งตัว

จูบไปพักหนึ่ง รพีพงษ์แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างพึงพอใจ ในเวลานี้สายตาเขาทอดมองเนินอกของอารียา มือข้างหนึ่งอดไม่ไหวแล้ว

“ทำไมเวลาทำแบบนี้แล้วรู้สึกตัวเองเจ้าเล่ห์เหลือเกิน……”รพีพงษ์เกิดความคิดประหลาดๆขึ้น

“ไหนๆเขาก็เป็นเมียเรา อะไรเรียกว่าเจ้าเล่ห์ล่ะ ผัวเมียทำธุระกันบนเตียง เป็นเรื่องปกตินี่”

หลังจากที่โน้มน้าวตัวเองไป รพีพงษ์ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือออกไป……

ตอนเช้าวันที่สอง รพีพงษ์ตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงหวีดร้อง

เขาลืมตาขึ้น รู้สึกว่าในอ้อมกอดตัวเองมีคนนิ่มๆอุ่นๆ ก้มหน้ามอง เห็นอารียามองเขา ด้วยสายตาหวาดกลัว และกำลังพยายามใช้มือดันออก

รพีพงษ์รีบปล่อยอารียาออก อารียาหดอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวเองเอาไว้ จ้องรพีพงษ์อย่างแค้นเคือง พูดขึ้น“คุณ……คุณมันโรคจิต เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน!”

รพีพงษ์รู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย คิดอยู่ในใจว่าเขาจะทำอะไรได้ อย่างมากก็แค่เรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันก็เท่านั้น

“แคลร์ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผม……ผมแค่คิดถึงคุณมากไปหน่อย เมื่อคืนก็เลยนอนข้างๆคุณเท่านั้นเอง เมื่อก่อนผมกับคุณเป็นสามีภรรยากันจริงๆนะ เราพรากกันนานกว่าจะได้พบกัน ก็เลย……”รพีพงษ์พูดอธิบาย

“คุณมันนักต้มตุ๋น ใครเป็นสามีภรรยากับคุณกัน ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนคุณมาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ฉันอีก คุณไม่เพียงแค่ปรักปรำขนมปัง ยังตีฉันจนสลบ แล้วตอนนี้คุณก็……คุณข่มเหงฉัน……ฮือๆๆ……”สีหน้าอารียาเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ดูแล้วน่าสงสารเวทนามาก

รพีพงษ์ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบหยิบมือถือตัวเองออกมา หารูปที่อยู่ในนั้น พูดว่า“ผมไม่ได้หลอกคุณจริงๆนะ เมื่อก่อนเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ไม่เชื่อคุณดูรูปสิ นี่เราถ่ายตอนออกไปเที่ยวด้วยกันไงล่ะ”

พูดพลาง รพีพงษ์ยื่นมือถือไปให้ดู

อารียารับมือถือไปดู เห็นว่าบนรูปถ่ายคือเธอกับรพีพงษ์สองคนจริงๆด้วย ในรูปเธอยัง โอบคอรพีพงษ์ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

อารียาขมวดคิ้ว รู้สึกในหัวมีภาพแว๊บๆ จึงพูดต่อ“ฉันคิดออกแล้วล่ะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท