พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่583 มีลูกชายสักคน

บทที่583 มีลูกชายสักคน

บทที่583 มีลูกชายสักคน

“คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันมาแค่ไม่กี่วัน นายก็นั่งรถLincoln Extendedแล้ว ดูเหมือนว่าชีวิตจะเป็นไปด้วยดีนะ”รพีพงษ์ยิ้มและมองไปที่ธฤตญาณ

ในขณะนี้มีหลายคนนั่งอยู่บนโซฟาหนังในรถLincoln Extended พูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม

รถคันนี้เป็นรถที่ตื่นตาที่สุดในแถวของรถเก๋งที่จอดในสนามบิน เพราะการมีอยู่ของรถคันนี้ ผู้คนที่สนามบินถึงประหลาดใจมาก

เมื่อธฤตญาณได้ยินคำพูดติดตลกของรพีพงษ์ และพูดอย่างจริงจัง: “พูดให้เคลียร์ก่อน รถที่มารับพวกนายครั้งนี้ เธียรวิชญ์เป็นคนหามาทั้งหมด ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ชีวิตของฉันและลูกน้องของฉัน แต่มันเทียบไม่ได้กับเจ้านายใหญ่คนนี้เลย”

เธียรวิชญ์เบิกตากว้างจ้องมองไปที่ธฤตญาณ พูดกับรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว: “พี่รพี พี่อย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล รถเหล่านี้เป็นของบริษัท เป็นทรัพย์สินของพี่ทั้งหมด ผมแค่จะช่วยชี้นำทางเท่านั้น”

เมื่อได้ยินสิ่งเขาพูด กลุ่มคนก็ส่งเสียงหัวเราะกันขึ้นมา จารุณีกลอกตาไปที่เขา แล้วพูดว่า: “นายเป็นกลุ่มคนประจบสอพลอที่ไร้ยางอายที่สุดที่ฉันเคยเจอมา”

เธียรวิชญ์รู้สึกอายเล็กน้อย คุณหนูของหอการค้าสมน.คนนี้ยังไม่กล้ามีปัญหาด้วย จึงทำได้เพียงหัวเราะคิกคักสองครั้ง

จารุณีหันไปมองอารียาที่นั่งข้างๆตัวเอง แล้วถามว่า: “พี่สะใภ้ ได้ยินมาว่าพี่ท้องแล้ว เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? รีบบอกฉันเร็วๆ”

ทันใดนั้นอารียาก็เขินเล็กน้อย เอามือจับท้องตัวเอง แล้วพูดว่า: “เพิ่งจะสามเดือนเอง ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ไม่ต้องดูแล้ว เป็นผู้ชายแน่ๆ ไม่ผิดแน่ๆ”จารุณีพูดอย่างมั่นใจ

อารียานิ่งอึ้งสักครู่ และถาม: “ทำไมล่ะ?”

“เป็นเพราะพระเจ้าให้เกียรติฉันเลยให้พี่คลอดลูกชายออกมาหนึ่งคน”จารุณีพูด

ทุกคนไม่รู้ว่าจารุณีหมายถึงอะไร มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ว่าทำไมจารุณีถึงหวังอยากจะให้เป็นเด็กผู้ชายมาก

“นี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง รอเด็กเกิดออกมา เธอเป็นแม่บุญธรรมมั้ยล่ะ?”อารียาคิดว่าตอนนั้นตัวเองได้รับการช่วยเหลือจากจารุณี ถึงได้รักษาชีวิตนี้ได้ จึงพูดกับจารุณีอย่างซาบซึ้ง

จารุณีพูดปฏิเสธโดยไม่ได้คิดเลยทันที: “ไม่ได้ ฉันไม่อยากเป็นแม่บุญธรรมของเด็กคนนี้ เป็นแม่บุญธรรมของเขา ฉันยังจะ…..”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ไอเล็กน้อยทันที จารุณีถึงไม่ได้พูดคำพูดออกมา

อารียาเต็มไปด้วยความสงสัย ในความคิดของเธอ การได้เป็นแม่บุญธรรมของเด็ก คือเป็นคนที่อยู่สถานะของครอบครัวนี้ในระดับที่สูงที่สุด จารุณีปฏิเสธ หรือเป็นเพราะไม่พอใจเธอเหรอ?”

“พี่สะใภ้ พี่อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่เป็นแม่บุญธรรมของเด็กคนนี้ ก็มีเหตุผล อีกหน่อยพี่ก็รู้เองแหละ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจพี่นะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ ก็หวังให้ว่าพี่คลอดลูกชายมาสักคนเร็วๆ”จารุณีพูดอธิบาย

กลุ่มคนสับสนกับสิ่งที่จารุณีพูด และไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

รพีพงษ์รู้สึกอึดอัด เพราะกลัวว่าจารุณีจะพูดข้อตกลงระหว่างทั้งสองคนออกมา ถ้าเป็นแบบนั้นอารียาอาจฆ่าเขาได้

แต่รพีพงษ์รู้สึกสบายใจที่ได้ฟังพี่สะใภ้คำนี้ของจารุณี เห็นได้ชัดว่า จารุณีปล่อยวางความดิ้นรั้นทั้งหมดที่มีในตอนนั้น

อารียาเหลือบมองรพีพงษ์ แล้วมองไปที่จารุณี รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงถามจารุณี: “นี บอกฉันได้ไหมว่าเหตุผลนี้คืออะไร?”

จารุณียิ้มแฮะๆ แล้วพูดว่า: “ความลับ”

เมื่อเห็นเธอพูดแบบนี้ อารียาก็ไม่ดีที่จะถามต่อ คิดว่ารพีพงษ์น่าจะรู้เหตุผลอย่างแน่นอน รอกลับไป ต้องถามเขาอย่างละเอียด

“ช่วงนี้ที่เมืองริเวอร์เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”รพีพงษ์เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น รีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที

ธฤตญาณพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ช่วงนี้ที่เมืองริเวอร์ไม่มีปัญหาอะไร ภัยอันตรายที่จิรเวชเหลือทิ้งไว้ ก็ถูกจัดการหมดแล้ว เพียงแต่ ด้านแม่ยายของนาย….”

“แม่ฉันสร้างปัญหาอะไรอีกเหรอ?”เมื่อได้ยินคำพูดของธฤตญาณ อารียาก็ขมวดคิ้วถาม

“อ่ะแฮ่มๆ ก็ไม่ถือว่าสร้างปัญหา ช่วงก่อนเธอได้รู้จักกับผู้คนหนึ่งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นใช้วิธีอะไร หลอกล่อให้หล่อนขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล สองวันก่อนพ่อตาของนายกลับมา อยากกลับไปพักที่บ้าน ปรากฏว่าถูกทุบตีขับไล่ออกมา แม่ยายของนายจะหย่ากับเขา เพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น”ธฤตญาณพูดจบ ก็เหลือบมองไปที่รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่อารียาพูดจบก็โกรธมากจนเกือบจะโทรศัพท์ไปถามศศินัดดาว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดไม่ถึง ว่าแม่ของตัวเอง จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ มันจะมีสักวันไหมที่จะไม่ทำให้คนหนักใจ

รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าศศินัดดาไม่มีทางหยุด แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะต้องการหย่ากับศักดา

ก่อนหน้าที่รพีพงษ์จะจากเมืองริเวอร์ไป ก็เคยบอกแล้ว รอหลังจากที่หาตัวอารียาเจอ จะกลับมาคิดบัญชีกับเธอ ดูเหมือนว่าความจำของเธอจะไม่ดีขึ้นเลย ในสถานการณ์ที่ลูกสาวตัวเองหายตัวไป เธอก็จะไปอยู่กินกับผู้ชายอื่น

“ตอนนี้ส่งฉันไปที่ชุมชนคำแหง ฉันจะไปดูสักหน่อย ท่านต้องการจะทำอะไร!”อารียากัดฟันพูด

“อ่ะแฮ่มๆ ตอนนี้เธอไม่ได้อาศัยอยู่ในชุมชนคำแหงแล้ว หลังจากที่เธอขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล ได้ไปซื้อคฤหาสน์ที่ใจกลางเมืองไว้หนึ่งหลัง ตอนนี้เธอและผู้ชายคนนั้น พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์”ธฤตญาณกล่าว

“ผู้ชายคนนั้นมีต้นกำเนิดมาจากไหน ได้ตรวจสอบแล้วหรือยัง?”รพีพงษ์ถาม

“ชายคนนั้นเป็นคนต่างถิ่น อยู่ที่เมืองริเวอร์ได้เพียงสามเดือน ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่สังเกตจากลักษณะดูแล้ว น่าจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ”ธฤตญาณกล่าว

“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว ส่งพวกเรากลับไปที่ชุมชนคำแหงก่อนเถอะ”รพีพงษ์กล่าว

ตอนนี้อารียากำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรโกรธ ถ้าเกิดกระทบต่อเด็กในท้อง ไม่คุ้มกับการสูญเสีย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้อารียาจัดการเรื่องศศินัดดาได้

“รพีพงษ์ ไม่ไปดูสถานการณ์ตอนนี้ของท่านจริงๆเหรอ?”อารียาถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปจัดการเอง ตอนนี้เป็นเพราะเธอไม่สามารถโมโหกับเรื่องไม่ใช่สาระสำคัญแบบนี้ได้ ตอนที่พวกเรากลับมาก็พูดแล้ว แม้ว่าศศินัดดาจะเลี้ยงดูเธอมาหลายปี แต่หล่อนก็ทำให้เธอเกือบจะถูกทำลาย ดังนั้นฉันต้องลงโทษหล่อน เธอก็ไม่สามารถห้ามได้”

อารียาทำได้เพียงพยักหน้า ตอนที่รู้ว่าศศินัดดาไม่ใช่แม่แท้ๆของเธอ รวมทั้งความผิดเหล่านั้นของศศินัดดา ท่าทีที่อารียามีต่อศศินัดดา ได้เกิดความเปลี่ยนไปมาก

“เธอเป็นลูกสาวของฉัน”ประโยคที่ผ่านมาของศศินัดดา เธอจึงทำได้เพียงยอมรับอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้ ประโยคนี้ มันไม่มีอีกแล้ว

รพีพงษ์หรี่ตาลง อารียาไม่เป็นอะไร ก็ถือว่าโชคดีแล้ว บทลงโทษของศศินัดดาก็ไม่น้อยไม่ได้ และบทลงโทษนี้จะถึงระดับไหน ก็ต้องดูการทำตัวของศศินัดดาเองแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท