พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 574 ถือว่ารู้ตัวเองพอสมควร

บทที่ 574 ถือว่ารู้ตัวเองพอสมควร

บทที่ 574 ถือว่ารู้ตัวเองพอสมควร

ณ โรงแรมซีไซด์

ผู้คนต่างก็ตามภูดิทเข้าไปข้างใน หลายคนยังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ปากด่าว่ารพีพงษ์ไม่รักดี ถือโอกาสเอาใจคนตระกูลธาดาวรวงศ์

ตอนนี้คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดายืนอยู่ในห้องโถง เพื่องานเลี้ยงนี้ คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดานำชุดและเครื่องประดับที่แพงที่สุดของตัวเองออกมา เพื่อแสดงความสูงส่งของตัวเอง

เห็นภูดิทรายล้อมไปด้วยผู้คน คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดารีบเช็กดูตัวเองทันที เข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“นายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ ไม่เจอกันนานเลยนะ คุณนับวันยิ่งทันสมัยสง่างามจริงๆเลย คนถึงวัยกลางคนสามารถดูแลตัวเองได้อย่างคุณ หาได้ยากมาก”คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดายิ้มพร้อมกับพูด

ภูดิทจับมือกับคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา หัวเราะพร้อมกับพูดว่า: “คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพูดตลกแล้ว เรี่ยวแรงของคุณต่างหากที่ดีจริงๆ ยิ่งนานยิ่งดูหนุ่มขึ้นจริงๆ”

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาได้รับคำชมจากนายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ แน่นอนว่าในใจมีความสุข รีบชมภูดิทกลับอีกหลายประโยค

ภูดิทเพียงแค่ตอบกลับตามมารยาทไปหลายประโยค สำหรับคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว เขาไม่ได้เย็นชาเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้มีอัธยาศัยมากขนาดนั้น

แม้ว่างานเลี้ยงในวันนี้จะเป็นงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล แต่ในใจของทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีแผนอะไรอยู่ อำนาจของตระกูลธาดาวรวงศ์แข็งแกร่งกว่าตระกูลพงศ์ธนธดา อีกทั้งตระกูลธาดาวรวงศ์แต่งลูกสาวอีก ท่าทางของภูดิทที่มีต่อคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาหยิ่งเล็กน้อย ก็ถือว่าสมควร “น้องชายชลาธิปวันนี้ไม่มาเหรอ ทำไมไม่เห็นแม้แต่เงา?”ภูดิทเอ่ยถามประโยคหนึ่ง

“มาแล้วมาแล้ว งานเลี้ยงสำคัญขนาดนี้ เขาไม่มาไม่ได้ เมื่อกี้เขายังยืนคุยกับฉันตรงนี้อยู่เลย ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว”คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพูดออกมาอีกประโยคหนึ่ง ยังหันหน้าไปดูรอบๆ ก็ไม่พบแม้แต่เงาของชลาธิป

“เฮ่อ ที่จริงคุณจะเจอหรือไม่เจอเขาก็ไม่เป็นไร เรื่องของวันนี้ เพียงแค่คุณกับฉันตกลงกันเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพูดมาประโยคหนึ่ง ในน้ำเสียง ไม่ได้สนใจชลาธิปแต่อย่างใด

ท่าทางแบบนั้น เหมือนกับกำลังบอกว่า เรื่องในตระกูลพงศ์ธนธดาเธอพูดคำไหนต้องคำนั้น ที่เรียกว่านายใหญ่ชลาธิปจะมาหรือไม่มาไม่ต้องไปใส่ใจมาก

ภูดิทยิ้มแล้วพยักหน้า เขาก็รู้จักสถานการ์ในตระกูลพงศ์ธนธดาดี ดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

“นี่ก็คือลูกชายของผม ฉัตรพล”ภูดิทยื่นมือชี้ออกไปที่ฉัตรพลที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมกับพูด

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาจ้องไปที่ฉัตรพลแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดทันที: “ช่างเป็นหนุ่มหล่อเหลาจริงๆ ลักษณะท่าทางแบบนี้ เหมาะสมกับดารินทร์ของเรามากเลย”

ฉัตรพลได้แต่มองคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาอย่างนิ่งเฉย ไม่ได้พูดอะไร ในสมองของเขายังคงคิดถึงคนที่อยู่หน้าโรงแรมเมื่อครู่นี้ คิดว่าหลังจากผ่านวันนี้ไป จะต้องตามหาคนนั้นให้ได้ ประชันฝีมือกันสักตั้ง

“เนื่องจากวันนี้เป็นงานเลี้ยงสำหรับลูกชายของผมและคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดา งั้นคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาก็ควรจะเชิญคู่หมั้นของฉัตรพลออกมาได้แล้ว?”ภูดิทจ้องไปที่คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพร้อมกับพูด

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพยักหน้าทันที จากนั้นก็มองไปรอบๆ ต้องการมองหาชลาธิป

ถึงอย่างไรอารียาก็อยู่กับชลาธิป คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาไม่รู้เลยว่าอารียาอยู่ที่ไหน

“ดารินทร์น่าจะอยู่กับชลาธิป ไม่รู้ว่าชลาธิปกำลังทำอะไรอยู่ ไม่เห็นเลยแม้แต่เงา ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดากระซิบกระซาบไปหลายประโยค

ภูดิทได้ยินคำพูดของคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าคนในตระกูลพงศ์ธนธดาจะให้พวกเขารอ สิ่งนี้สำหรับภูดิทแล้ว เป็นการหยามเกียรติอย่างเห็นได้ชัด

เวลานี้ภูดิทสังเกตเห็นม่านที่แขวนอยู่บนผนังห้องโถง เอ่ยถามว่า: “คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ไม่รู้ม่านบนผนังนี้ ใช้ทำอะไร?”

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาหันหน้าจ้องไปที่ผ้าม่านเหล่านั้นครู่หนึ่ง มีความเขินอายเผยออกมาบนใบหน้า พูดว่า: “ทั้งหมดนี้เป็นชลาธิปตกแต่งไว้ ฉันก็ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร คาดว่าชลาธิปคงจะเตรียมเซอร์ไพรส์ให้กับทุกท่านมั้ง”

ภูดิทจู่ๆก็ส่งเสียงหึออกมา เห็นชัดว่าไม่ค่อยพอใจกับวิธีของตระกูลพงศ์ธนธดานัก

“คุณพ่อ แค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงแม้ว่าจะแต่งเข้ามา ก็เป็นได้แค่ที่ระบายของฉันเท่านั้นเอง ไม่ได้ต่างจากพวกที่ใช้เงินซื้อมาสักเท่าไหร่ ฉันว่าพวกเรากลับกันเลยจะดีกว่า”ฉัตรพลพูด

สีหน้าของคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาจู่ๆก็เปลี่ยนไป รีบพูดออกมาว่า: “พวกคุณอย่าเพิ่งรีบร้อน เดี๋ยวฉันจะให้พวกเขาพาดารินทร์มาที่นี่”

พูดจบ คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาใช้ลำคอตะโกนออกมาเสียงดัง: “ชลาธิป!แกอยู่ไหน รีบไสหัวออกมา!”

ในขณะนี้มีคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ก็คือชลาธิปที่ไม่กล้ามองหน้าคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา

เขาได้เลือกที่จะช่วยเหลือรพีพงษ์ ก็เท่ากับว่ายืนอยู่ตรงข้ามกับตระกูลพงศ์ธนธดา

ในเวลานี้ แน่นอนว่าต้องการคลุกคลีกับตระกูลธาดาวรวงศ์ให้น้อยลง เพราะต้องคลุกคลีให้น้อยลง ดังนั้นตอนที่ภูดิทเข้ามานั้น เขาจึงเข้าไปหลบอยู่ในฝูงชน

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดามองเห็นชลาธิป รีบถามทันที: “ลูกสาวของแกอยู่ที่ไหน? แกลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร ทำไมยังไม่พาเธอมาอีก!”

ชลาธิปจ้องไปที่คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาครู่หนึ่ง ยังมองไปที่ภูดิทอีก กลืนน้ำลาย พูดว่า: “คุณแม่….ผม ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าดารินทร์อยู่ที่ไหน”

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาเบิกตาโตขึ้นทันที ตะโกนว่า: “แกพูดอะไรนะ!เธอเป็นลูกสาวของแก จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน!”

ชลาธิปถอนหายใจเฮือกหนึ่ง อารียาตอนนี้อยู่กับรพีพงษ์ เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้อารียาอยู่ที่ไหน

“คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ตกลงตระกูลพงศ์ธนธดาหมายความว่ายังไง? ผมตกลงให้ลูกชายผมแต่งงานกับลูกสาวตระกูลพงศ์ธนธดาของพวกคุณ ไว้วางใจพวกคุณ ตอนนี้พวกคุณทำแบบนี้กับผม หมายความว่ายังไง? หรือว่า คุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาคนนั้นของพวกคุณ คิดว่าลูกชายผมไม่เหมาะสมกับเธอ ดังนั้นจึงไม่มาเหรอ?”ภูดิทพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา

คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาใจร้อนขึ้นทันที รีบอธิบาย: “นายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ ตระกูลพงศ์ธนธดาของเราไม่ได้หมายความเช่นนั้นแน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชลาธิปขยะนี้ทำได้ไม่ดี ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”

ทุกคนในงานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็พากันสงสัย

ในเวลานี้เอง ประตูใหญ่โรงแรมก็ถูกคนเปิดออก ตามมาด้วย คนสามคนเดินเข้ามาด้านใน นั่นก็คือรพีพงษ์ อารียา และวิไลพร

พวกเขาทั้งสามเดินตรงไปที่กลางห้องโถง หยุดอยู่ภายใต้การจ้องมองของทุกคน

ภูดิทมองไปที่รพีพงษ์ หลังจากเห็นคนที่เข้ามาเป็นคนที่หาเรื่องเขาในคราวนั้น ก็หรี่ตาลง

รพีพงษ์จ้องไปที่เขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “คิดไม่ถึงว่าตระกูลธาดาวรวงศ์อย่างพวกคุณก็รู้ตัวดี ลูกชายของคุณไม่มีอะไรดีแบบนี้ แน่นอนว่าไม่เหมาะสมกับอารี”

“อีกอย่างตระกูลธาดาวรวงศ์ห่วยแตกของพวกคุณ ความตายกำลังจะมาเยือน อย่าได้คิดเรื่องแต่งภรรยาเลย!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท