พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 573 เตะหมาพันธุ์ดุ

บทที่ 573 เตะหมาพันธุ์ดุ

บทที่ 573 เตะหมาพันธุ์ดุ

รพีพงษ์พูดออกมา สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไป

ด่านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ว่าไอ้คนใจดำต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ คงจะมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้ว ถึงได้กล้าทำเรื่องแบบนี้

“ไอ้หมอนี่ไม่ใช่สมองมีปัญหาเหรอ เข้ามาพูดจาโอหังต่อหน้านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ เกรงว่าเขาจะซวยแล้ว”

“ว้าว ไม่กลัวตายจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าด่านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ว่าไอ้คนใจดำ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์เป็นใคร ก็น่าจะเป็นการมาของเขาเมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่ดูว่าใครบ้างที่เขาสามารถล่วงเกินได้”

“จุ๊ๆๆๆดูเหมือนไอ้หมอนี้จะไม่เห็นแสงสว่างในวันพรุ่งนี้แล้ว ถ้าเขาเป็นคนฉลาดละก็ ก็รีบคุกเข่าขอร้องลงตรงนี้ ไม่แน่ว่านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์ยังสามารถทำให้เขาตายอย่างดูดีหน่อย”

……

ภูดิทหรี่ตามองไปที่รพีพงษ์ ตามด้วยเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยพูดว่า: “กล้าว่าฉันขนาดนี้ ถือว่านายเป็นคนแรก”

รพีพงษ์ฉีกยิ้มให้กับภูดิท พูดว่า: “หลายปีมานี้คุณไม่รู้เลยหรือว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหน เคยเห็นไหมว่าตัวคุณเองโง่ขนาดไหน”

ภูดิทคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาขนาดนี้ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มก็หายไป คนทั้งคนเปลี่ยนเป็นดุร้าย

เด็กหญิงมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความเป็นห่วง พูดว่า: “พี่ชาย คุณไม่ต้องสนใจฉัน คุณทำแบบนี้จะเดือดร้อนเพราะฉัน คุณรีบวางฉันลงเถอะ พวกเราสู้พวกเขาไม่ไหวหรอก”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับเด็กหญิง พูดว่า: “วางใจเถอะ พี่ชายไม่เป็นอะไรหรอก พวกคนเลวเหล่านี้ทำผิด ก็ควรที่จะมีคนออกมาลงโทษ ไม่อย่างนั้นโลกใบนี้ คงไม่เหลือความยุติธรรม”

เด็กหญิงจ้องมองด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ

เดิมทีรพีพงษ์มาที่นี่เพื่อดูว่านายใหญ่ตระกูลธาดาวรวงศ์และคุณชายตระกูลธาดาวรวงศ์เป็นคนแบบไหน เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

เมื่อภูดิทลงมือกับเด็กหญิงนั้น รพีพงษ์ได้ตัดสินใจแล้วว่า ตระกูลธาดาวรวงศ์เก็บไว้ไม่ได้แล้ว ที่เรียกว่าตระกูลสูงศักดิ์อันดับต้นๆของโลก ไม่สมควรมีอยู่ในโลกนี้เลย

ไม่ว่าจะยังไง คืนนี้เขาจะต้องลงมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ให้ได้ ดังนั้นจึงไม่กังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จะส่งผลกระทบต่อแผนของเขา

ภูดิทคำรามหึอย่างเย็นชาออกมา พูดว่า: “ดูนายแล้วยังหนุ่มยังแน่น คำพูดที่พูดออกมา เหมือนคนจากศตวรรษที่แล้ว จะบอกนายให้ ต่อหน้าฉัน ไม่มีใครพูดอะไรคือความยุติธรรม ถ้าจะพูดละก็ ฉัน ก็คือความยุติธรรม!”

คำพูดของภูดิทเพิ่งจะจบลง บอดี้การ์ดเหล่านั้นเดินไปหารพีพงษ์ ใบหน้ามีรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด เห็นได้ชัดว่าดูถูกคนที่จู่ก็หาเรื่องให้กับตัวเองคนนี้อย่างมาก

“พี่ชาย คุณรีบหนีไป พวกเขาคนเยอะขนาดนี้ คุณสู้ไม่ไหวแน่”เด็กหญิงตะโกนใส่รพีพงษ์อย่างร้อนใจ

รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ พูดว่า: “กอดฉันให้แน่นๆ วันนี้พี่จะให้หนูดู เตะหมามันเป็นยังไง!”

เพิ่งจะพูดจบ บอดี้การ์ดเหล่านั้นได้พุ่งเข้าหารพีพงษ์ รพีพงษ์รีบยกเท้าขึ้น เตะเข้าบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าสุด บอดี้การ์ดคนนั้นไม่ได้โต้ตอบใดๆ ก็ล้มลงไปทางด้านหลัง

เดิมทีทุกคนคิดว่าบอดี้การ์ดของภูดิทลงมือ รพีพงษ์สู้ได้ไม่ถึงสามวิแน่นอน ตอนนี้เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว เผยสีหน้าที่น่าตกใจออกมา

บรรดาบอดี้การ์ดที่ไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเก่งขนาดนี้ จะไม่ประมาทศัตรูอีกต่อไป รีบจ้องไปที่รพีพงษ์ทันที คิดจะตีให้เขาล้มลงที่พื้น

แต่แล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน ต่อหน้ารพีพงษ์แล้ว ก็ยังคงต้านทานไม่ไหว

เด็กหญิงใช้สองแขนกอดรพีพงษ์แน่น เห็นรพีพงษ์เตะบอดี้การ์ดเหล่านั้นล้มลงก็ตื่นตาตื่นใจ ตกใจอ้าปากค้าง

ฉัตรพลซึ่งยืนอยู่ข้างๆภูดิทได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์ ก็เกิดความสนใจในตัวเขาทันที ในฐานะคนบ้าการต่อสู้ เขาจะมองความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ไม่ออกได้อย่างไร

ระดับความสามารถของคนนี้ มีคุณสมบัติที่จะสู้กับเขาได้ ดวงตาของฉัตรพลแสดงความกระตือรือร้นทันที

สายตาของภูดิทหรี่ลง พูดกับตัวเองว่า: “ไม่คิดว่าจะมีความสามารถ มิน่าล่ะถึงได้ยโสโอหัง”

“คุณพ่อ ความสามารถของคนนี้ไม่เบา บอดี้การ์ดเหล่านี้ของพ่อไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา ผมจะไปจับเขามาให้พ่อเอง ให้เขาชดใช้ให้กับพ่อ”ฉัตรพลพูด

เดิมทีภูดิทอยากจะรับปาก แต่ว่าไม่นานก็เห็นผู้คนรอบๆกำลังถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ก็ได้พูดกับฉัตรพลว่า: “ช่างเถอะ ตอนนี้คนมองเยอะ อีกทั้งงานเลี้ยงวันนี้เป็นเรื่องดี ไม่อยากทำให้เสียเรื่องเพราะหนูตัวเดียว ให้เขาภูมิใจไปก่อนสักคืน รอถึงพรุ่งนี้ค่อยเก็บมัน”

ฉัตรพลเห็นพ่อของตัวเองพูดแบบนี้แล้ว ก็ทำได้แค่เลิกราไป แต่ว่าสายตาที่มองไปยังรพีพงษ์นั้น เกิดการรอคอยขึ้นเล็กน้อย

ฉัตรพลมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดเสียงดังว่า: “เอาล่ะ พอได้แล้ว เรื่องนี้ฉันไม่เอาเรื่องแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ไม่รู้อะไร ฉันไม่โทษเขา หวังแค่ว่าต่อไปเมื่อเขาทำแบบนี้อีก เขาจะสามารถพิจารณาผลที่ตามมาได้ มิฉะนั้น ไม่รู้ว่าวันไหนอาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว”

พูดจบ ภูดิทก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปในโรงแรม ฉัตรพลมองไปอีกครั้ง จดจำใบหน้าของคนๆนี้ไว้ เดินตามภูดิทเข้าไปในโรงแรม

บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็หยุด ไม่ต่อสู้กับรพีพงษ์อีก

ผู้คนเริ่มเอ่ยชมภูดิทใจกว้างทันที ไม่ถือสาเด็กรุ่นน้อง หลังจากนั้นก็เบียดเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน

รพีพงษ์อุ้มเด็กหญิงมองภูดิทเดินเข้าไป ในแววตาเผยไอสังหารออกมา

เด็กหญิงมองดูด้านหลังของภูดิท เอ่ยปากพูดว่า: “พี่ชาย เขาจะปล่อยพวกเราไปไหม เมื่อกี้สายตาของคนนั้นน่ากลัวมาก ดูเหมือน เขายังจะมาหาพวกเราอีก”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วลูบหัวเด็กหญิง พูดว่า: “วางใจเถอะ แม้ว่าเขาจะคิดแบบนั้น ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ผ่านคืนนี้ไป บนโลกใบนี้ จะไม่มีตระกูลธาดาวรวงศ์ชื่อนี้อีก”

เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงไม่เข้าใจสิ่งที่รพีพงษ์กำลังพูด แต่พี่ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ ในเมื่อพี่ชายบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว

“แม่ของหนูอยู่ที่ไหน พาฉันไปดูหน่อย”รพีพงษ์เอ่ยถาม

มีความรู้สึกซาบซึ้งในดวงตาของเด็กหญิง กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงร่วงลงมา

จากนั้นรพีพงษ์ก็วางเด็กหญิงลง ให้เธอพาตัวเองไปที่ที่แม่ของเธออยู่ ที่นั่นคือถ้ำใต้สะพาน ด้านในมีผู้หญิงขอทานคนหนึ่ง หลังจากที่รพีพงษ์เห็นแล้ว รีบเอาอาหารและน้ำที่ซื้อระหว่างทางมาให้กับผู้หญิง ให้เธอได้กินอิ่มก่อน

จากนั้นเขาก็ทิ้งเงินก้อนหนึ่งให้สองแม่ลูกไว้ แม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็ไม่ทำให้พวกเธอต้องหิวอีก หลังจากจัดเตรียมให้สองแม่ลูกนั้นแล้ว รพีพงษ์ถึงได้มุ่งหน้าไปที่โรงแรมซีไซด์

ก่อนจากไปเด็กหญิงโขกหัวให้กับรพีพงษ์หลายครั้ง พร้อมกับรับปากรพีพงษ์ว่าวันข้างหน้าจะขยันให้มาก ในอนาคตจะต้องตอบแทนรพีพงษ์อย่างแน่นอน

แน่นอนว่ารพีพงษ์ไม่ได้เอาคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ ตอนนี้เขาจะกลับเข้าไปในโรงแรมซีไซด์ เริ่มแผนการทำลายล้างตระกูลธาดาวรวงศ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท