พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 578 ตระกูลธาดาวรวงศ์พินาศย่อยยับ

บทที่ 578 ตระกูลธาดาวรวงศ์พินาศย่อยยับ

บทที่ 578 ตระกูลธาดาวรวงศ์พินาศย่อยยับ

ภูดิทตกตะลึงเมื่อเห็นลูกชายของตัวเองกระแทกลงพื้นอย่างแรง ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายของตัวเอง จะพ่ายแพ้ให้กับเด็กรุ่นหลังที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร

สายตาของทุกคนในสนามที่มองไปยังรพีพงษ์ต่างจากเมื่อก่อนมาก ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาเลย คิดว่ารพีพงษ์เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น ตอนนี้ในสายตาของพวกเขาเหล่านี้ ได้เกิดความกลัวที่มีต่อรพีพงษ์แล้ว

อารียาและพวกเห็นรพีพงษ์ชนะ ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ภูดิทถึงจะมีสติกลับมาจากอาการตกใจ หลังจากนั้นก็รีบเข้าไปยังฉัตรพล คุกเข่าลง พยุงเขาขึ้นมาจากพื้นแล้ว

“ลูก ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ภูดิทถามออกไปด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล

ฉัตรพลในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงที่จะเคลื่อนไหวเลย ร่างกายอ่อนปวกเปียก ได้ยินเพียงเสียงกูกูกูที่แผ่ซ่านออกมาจากลำคออย่างไม่หยุดหย่อน

ภูดิทมองไปยังรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง เอ่ยปากพูด : “แก แกทำให้ลูกชายของฉันบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้ตระกูลธาดาวรวงศ์ไม่มีทางจบง่ายๆแน่!”

พูดจบ เขาก็รีบหันไปมองบอดี้การ์ดเหล่านั้นของตระกูลธาดาวรวงศ์ทันที พูดอย่างเร่งรีบ : “พวกมึงยังจะมัวอึ้งอะไรกันอยู่ รีบไปเรียกรถพยาบาลให้คุณชายสิ!”

รพีพงษ์เดินไปยังภูดิทสองก้าว เอ่ยปากพูด : “จากที่ฉันดู ไม่จำเป็นต้องเรียกรถพยาบาลแล้วมั้ง”

ภูดิทจ้องมองไปยังรพีพงษ์ เอ่ยปากพูด : “แกหมายความว่ายังไง?ลูกชายฉันบาดเจ็บสาหัส หรือว่านายอยากจะฉวยโอกาสตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัสเหรอ?”

รพีพงษ์ยักไหล่ พูดว่า : “คุณคิดว่าเขาแค่บาดเจ็บสาหัสธรรมดาๆเหรอ?”

สีหน้าของภูดิทเปลี่ยนไปทันที รีบก้มหน้ามองฉัตรพลที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองทันที เห็นเพียงลูกกระตาที่ถลึงกลมโตทั้งสองข้าง ปากเปิดเล็กน้อย เปล่งเสียงแปลกประหลาดออกมาจากลำคออย่างไม่หยุดหย่อน อย่างรวดเร็ว เขาก็กระอักเลือดออกมาอีก ตามมาด้วย เอนศีรษะไปทางด้านข้าง ไม่ขยับตัวแล้ว

ภูดิทรีบเขย่าร่างของฉัตรพลทันที พูดตะโกน : “ฉัตรพล ลูกเป็นอะไรไป?ลูกพูดออกมาสิ อย่ามานอนไม่ขยับตัวแบบนี้สิ!”

ผู้คนต่างพากันตกใจเมื่อได้เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็เข้าใจดี ฉัตรพลไม่มีทางที่จะตอบภูดิทกลับมาอีกแล้ว

ผลลัทธ์ที่เกิดขึ้นนี้สำหรับรพีพงษ์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาออกหมัดเต็มกำลัง ถ้าหากไม่ได้มีพละกำลังที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา ก็ยากที่จะต้านทานได้ หลังจากที่ฉัตรพลได้รับหมัดนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะเสียชีวิต นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

“มึงฆ่าลูกกู!มึงจะต้องตายตามไปด้วย!” ภูดิทบ้าคลั่ง ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไปยังรพีพงษ์เลย

รพีพงษ์มองเขาอย่างเยือกเย็น เอ่ยปากพูด : “ถ้าหากตอนนี้คนที่นอนอยู่ที่พื้นเป็นฉัน เกรงว่าคุณก็คงไม่คิดที่จะให้ลูกชายของคุณตายตามไปด้วย คนแบบพวกคุณ คนอื่นสูญเสีย พวกคุณไม่สนใจใยดี แต่พอตัวเองสูญเสีย พวกคุณกลับหาเหตุมาพูดอย่างมั่นใจกว่าใครๆ”

ในตอนนี้ภูดิทจะมีเวลาไปสนใจคำพูดของรพีพงษ์ได้ไง หลังจากที่พุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ ยื่นมือออกไปอยากจะบีบคอเขา รพีพงษ์ก็วาร์ปตัวหายไปแล้ว ภูดิททรงตัวไม่ได้ ฟุบลงไปที่พื้นเลย

ในเวลานี้รพีพงษ์มองแวบหนึ่ง พูดกับตัวเองออกมา : “น่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ”

เมื่อเขาพูดจบ ทางประตูโรงแรมก็มาเสียงฝีเท้าแพร่เข้ามาแล้ว

ผู้คนตรงนั้นหันหน้าไปทางประตูด้วยความสงสัย พบว่ากลุ่มคนใส่ชุดสูท คนจำนวนมากใส่แว่นตา ในมือถือเอกสารหรือไม่ก็สมุดบันทึกมาถึงที่นี่แล้ว

กลุ่มคนเหล่านั้นเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมซีไซด์ หยุดอยู่ตรงหน้าของกลุ่มลูกค้าที่มาพักแล้ว

ภูดิทลุกขึ้นมาจากพื้น เดิมทียังคิดที่จะสู้กับรพีพงษ์อย่างสุดกำลัง แต่ตอนนี้ เขายังสังเกตเห็นผู้คนที่เข้ามาอย่างกะทันหัน คนที่นำหน้ามาคนนั้นเขาก็รู้จัก เขาเป็นผู้จัดการโปรเจคของบริษัทที่เขาร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตระกูลธาดาวรวงศ์

เขามองผู้คนเหล่านี้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่

“วริศ ธาตรี ไวศิษฎ์ พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงกัน? มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้เหรอ?”

ภูดิทมองไปที่คนเหล่านั้นพร้อมเอ่ยถาม

คนที่เดินนำมองมาที่ภูดิทแวบหนึ่ง ดูท่าทางค่อนข้างจริงจัง หนึ่งในกลุ่มคนนั้นหยิบเอกสารขึ้นมา 1 ฉบับ และพูดกับภูดิทว่า”ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บริษัทคอร์ลินของเรา จะขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์ และลงนามในข้อตกลงเป็นหลักฐาน ฉันหวังว่าตระกูลธาดาวรวงศ์จะไม่มาติดต่อธุรกิจใดๆกับเราอีกในอนาคต”

เมื่อคนนี้พูดจบ คนที่อยู่ข้างหลังสองสามคนก็ตะโกนขึ้นมา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นไปต้นไป บริษัทวีโอ ขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลสิริวิบูรณ์ ขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…..”

คนเหล่านี้ ล้วนแล้วเป็นตัวแทนจากบริษัทหรือตระกูลที่ร่วมทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับตระกูลธาดาวรวงศ์ พวกเขาเกือบจะเป็นแรงสนับสนุนให้ตระกูลธาดาวรวงศ์ได้ยืนหยัดได้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งหมด หากไม่มีการร่วมมือจากคนเหล่านี้ การพัฒนาของตระกูลธาดาวรวงศ์ก็จะซบเซาลงในไม่ช้า เงินหมุนเวียนของพวกเขาจะติดขัดทันที เงินที่ติดธนาคารก็ไม่มีปัญญาคืน ใช้เงินได้ไม่นาน หนทางเดียวตระกูลธาดาวรวงศ์มีทางรอดคือประกาศล้มละลาย

และนี่ เป็นก้าวสำคัญของรพีพงษ์ในการทำลายอำนาจของตระกูลธาดาวรวงศ์ ช่วงเวลานี้เขาให้วิไลพรจัดการให้ โดยใช้วิธีการต่างๆเพื่อโน้มน้าวให้บริษัทและตระกูลเหล่านี้ยุติความร่วมมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ อาจจะหลอกล่อด้วยประโยชน์ หรือไม่ก็ข่มขู่

ครั้งนี้รพีพงษ์ใช้อำนาจทั้งหมดของกิสนาที่อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ หากต้องการทำเช่นนี้ ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ภูดิทมองที่คนเหล่านี้อย่างตกตะลึง ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาเลือกที่จะยุติความร่วมมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์

เดิมทีเขาอยากถามว่าทำไม แต่ไม่นานเขาก็มีปฏิกิริยากลับมาและหันไปมองรพีพงษ์

“พวก…..พวกนี้นายเป็นคนทำงั้นเหรอ?” ภูดิทถาม

รพีพงษ์ยิ้ม และเอ่ยปากว่า “ฉันบอกไปแล้ว ภายในครึ่งชั่วโมง อำนาจของตระกูลธาดาวรวงศ์ จะพังทลาย คนอย่างฉัน ไม่ชอบพูดเล่น”

ภูดิทรู้สึกเพียงแค่ร่างกายของเขาอ่อนแรง เกือบจะล้มทั้งยืน

“อย่าคิดว่านี่คือการกระทำทั้งหมดของฉันแล้ว จุดประสงค์ของฉันคือการทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์ ของคุณหายไปอย่างสมบูรณ์จากโลกนี้ นี่เพิ่งเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าวและยิ้ม

ภูดิทมองไปที่ รพีพงษ์ด้วยความงุนงง เอ่ยปากถาม “ทำไมกัน หรือว่าเป็นเพียงเพราะผู้หญิงที่ลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงานคือภรรยาของนายงั้นเหรอ? เรื่องนี้ตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นคนทำ พวกเขาต่างหากที่อยากให้ลูกสาวของเขาแต่งกับตระกูลธาดาวรวงศ์ ทำไมไม่ไปจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดาล่ะ?”

รพีพงษ์ยิ้ม เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าภูดิท พูดข้างหูของเขาว่า “คุณยังจำวรรณิตได้ไหม?”

ร่างกายของภูดิทแข็งทื่อชั่วขณะ เกิดความสยดสยองในดวงตาของเขา ในใจก็ย้อนกลับไปนึกถึงภาพบางส่วนจากตอนนั้น

“นาย…..ตกลงว่านายคือใครกันแน่?” ภูดิทถามด้วยเสียงสั่น

“เขาคือพ่อของฉันไงล่ะ” รพีพงษ์พูดจบ ก็เดินออกมาจากภูดิท

ภูดิทยืนอยู่ที่นั่นอย่างเหม่อลอย เสียงของรพีพงษ์ยังคงก้องอยู่ในหู บวกกับตระกูลธาดาวรวงศ์กำลังเผชิญหน้ากับความพินาศ ลูกชายของเขาก็ตายด้วยน้ำมือของรพีพงษ์ ภูดิทรู้สึกเพียงอัดอั้นอยู่ในอก จากนั้นก็หน้ามืดเป็นลมล้มลงกับพื้นไปแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท