บทที่ 578 ตระกูลธาดาวรวงศ์พินาศย่อยยับ
ภูดิทตกตะลึงเมื่อเห็นลูกชายของตัวเองกระแทกลงพื้นอย่างแรง ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายของตัวเอง จะพ่ายแพ้ให้กับเด็กรุ่นหลังที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร
สายตาของทุกคนในสนามที่มองไปยังรพีพงษ์ต่างจากเมื่อก่อนมาก ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาเลย คิดว่ารพีพงษ์เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น ตอนนี้ในสายตาของพวกเขาเหล่านี้ ได้เกิดความกลัวที่มีต่อรพีพงษ์แล้ว
อารียาและพวกเห็นรพีพงษ์ชนะ ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ภูดิทถึงจะมีสติกลับมาจากอาการตกใจ หลังจากนั้นก็รีบเข้าไปยังฉัตรพล คุกเข่าลง พยุงเขาขึ้นมาจากพื้นแล้ว
“ลูก ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ภูดิทถามออกไปด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
ฉัตรพลในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงที่จะเคลื่อนไหวเลย ร่างกายอ่อนปวกเปียก ได้ยินเพียงเสียงกูกูกูที่แผ่ซ่านออกมาจากลำคออย่างไม่หยุดหย่อน
ภูดิทมองไปยังรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง เอ่ยปากพูด : “แก แกทำให้ลูกชายของฉันบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้ตระกูลธาดาวรวงศ์ไม่มีทางจบง่ายๆแน่!”
พูดจบ เขาก็รีบหันไปมองบอดี้การ์ดเหล่านั้นของตระกูลธาดาวรวงศ์ทันที พูดอย่างเร่งรีบ : “พวกมึงยังจะมัวอึ้งอะไรกันอยู่ รีบไปเรียกรถพยาบาลให้คุณชายสิ!”
รพีพงษ์เดินไปยังภูดิทสองก้าว เอ่ยปากพูด : “จากที่ฉันดู ไม่จำเป็นต้องเรียกรถพยาบาลแล้วมั้ง”
ภูดิทจ้องมองไปยังรพีพงษ์ เอ่ยปากพูด : “แกหมายความว่ายังไง?ลูกชายฉันบาดเจ็บสาหัส หรือว่านายอยากจะฉวยโอกาสตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัสเหรอ?”
รพีพงษ์ยักไหล่ พูดว่า : “คุณคิดว่าเขาแค่บาดเจ็บสาหัสธรรมดาๆเหรอ?”
สีหน้าของภูดิทเปลี่ยนไปทันที รีบก้มหน้ามองฉัตรพลที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองทันที เห็นเพียงลูกกระตาที่ถลึงกลมโตทั้งสองข้าง ปากเปิดเล็กน้อย เปล่งเสียงแปลกประหลาดออกมาจากลำคออย่างไม่หยุดหย่อน อย่างรวดเร็ว เขาก็กระอักเลือดออกมาอีก ตามมาด้วย เอนศีรษะไปทางด้านข้าง ไม่ขยับตัวแล้ว
ภูดิทรีบเขย่าร่างของฉัตรพลทันที พูดตะโกน : “ฉัตรพล ลูกเป็นอะไรไป?ลูกพูดออกมาสิ อย่ามานอนไม่ขยับตัวแบบนี้สิ!”
ผู้คนต่างพากันตกใจเมื่อได้เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็เข้าใจดี ฉัตรพลไม่มีทางที่จะตอบภูดิทกลับมาอีกแล้ว
ผลลัทธ์ที่เกิดขึ้นนี้สำหรับรพีพงษ์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาออกหมัดเต็มกำลัง ถ้าหากไม่ได้มีพละกำลังที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา ก็ยากที่จะต้านทานได้ หลังจากที่ฉัตรพลได้รับหมัดนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะเสียชีวิต นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
“มึงฆ่าลูกกู!มึงจะต้องตายตามไปด้วย!” ภูดิทบ้าคลั่ง ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไปยังรพีพงษ์เลย
รพีพงษ์มองเขาอย่างเยือกเย็น เอ่ยปากพูด : “ถ้าหากตอนนี้คนที่นอนอยู่ที่พื้นเป็นฉัน เกรงว่าคุณก็คงไม่คิดที่จะให้ลูกชายของคุณตายตามไปด้วย คนแบบพวกคุณ คนอื่นสูญเสีย พวกคุณไม่สนใจใยดี แต่พอตัวเองสูญเสีย พวกคุณกลับหาเหตุมาพูดอย่างมั่นใจกว่าใครๆ”
ในตอนนี้ภูดิทจะมีเวลาไปสนใจคำพูดของรพีพงษ์ได้ไง หลังจากที่พุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ ยื่นมือออกไปอยากจะบีบคอเขา รพีพงษ์ก็วาร์ปตัวหายไปแล้ว ภูดิททรงตัวไม่ได้ ฟุบลงไปที่พื้นเลย
ในเวลานี้รพีพงษ์มองแวบหนึ่ง พูดกับตัวเองออกมา : “น่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ”
เมื่อเขาพูดจบ ทางประตูโรงแรมก็มาเสียงฝีเท้าแพร่เข้ามาแล้ว
ผู้คนตรงนั้นหันหน้าไปทางประตูด้วยความสงสัย พบว่ากลุ่มคนใส่ชุดสูท คนจำนวนมากใส่แว่นตา ในมือถือเอกสารหรือไม่ก็สมุดบันทึกมาถึงที่นี่แล้ว
กลุ่มคนเหล่านั้นเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมซีไซด์ หยุดอยู่ตรงหน้าของกลุ่มลูกค้าที่มาพักแล้ว
ภูดิทลุกขึ้นมาจากพื้น เดิมทียังคิดที่จะสู้กับรพีพงษ์อย่างสุดกำลัง แต่ตอนนี้ เขายังสังเกตเห็นผู้คนที่เข้ามาอย่างกะทันหัน คนที่นำหน้ามาคนนั้นเขาก็รู้จัก เขาเป็นผู้จัดการโปรเจคของบริษัทที่เขาร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตระกูลธาดาวรวงศ์
เขามองผู้คนเหล่านี้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่
“วริศ ธาตรี ไวศิษฎ์ พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงกัน? มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้เหรอ?”
ภูดิทมองไปที่คนเหล่านั้นพร้อมเอ่ยถาม
คนที่เดินนำมองมาที่ภูดิทแวบหนึ่ง ดูท่าทางค่อนข้างจริงจัง หนึ่งในกลุ่มคนนั้นหยิบเอกสารขึ้นมา 1 ฉบับ และพูดกับภูดิทว่า”ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บริษัทคอร์ลินของเรา จะขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์ และลงนามในข้อตกลงเป็นหลักฐาน ฉันหวังว่าตระกูลธาดาวรวงศ์จะไม่มาติดต่อธุรกิจใดๆกับเราอีกในอนาคต”
เมื่อคนนี้พูดจบ คนที่อยู่ข้างหลังสองสามคนก็ตะโกนขึ้นมา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นไปต้นไป บริษัทวีโอ ขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลสิริวิบูรณ์ ขอยุติการติดต่อทางธุรกิจกับตระกูลธาดาวรวงศ์”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…..”
คนเหล่านี้ ล้วนแล้วเป็นตัวแทนจากบริษัทหรือตระกูลที่ร่วมทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับตระกูลธาดาวรวงศ์ พวกเขาเกือบจะเป็นแรงสนับสนุนให้ตระกูลธาดาวรวงศ์ได้ยืนหยัดได้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งหมด หากไม่มีการร่วมมือจากคนเหล่านี้ การพัฒนาของตระกูลธาดาวรวงศ์ก็จะซบเซาลงในไม่ช้า เงินหมุนเวียนของพวกเขาจะติดขัดทันที เงินที่ติดธนาคารก็ไม่มีปัญญาคืน ใช้เงินได้ไม่นาน หนทางเดียวตระกูลธาดาวรวงศ์มีทางรอดคือประกาศล้มละลาย
และนี่ เป็นก้าวสำคัญของรพีพงษ์ในการทำลายอำนาจของตระกูลธาดาวรวงศ์ ช่วงเวลานี้เขาให้วิไลพรจัดการให้ โดยใช้วิธีการต่างๆเพื่อโน้มน้าวให้บริษัทและตระกูลเหล่านี้ยุติความร่วมมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ อาจจะหลอกล่อด้วยประโยชน์ หรือไม่ก็ข่มขู่
ครั้งนี้รพีพงษ์ใช้อำนาจทั้งหมดของกิสนาที่อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ หากต้องการทำเช่นนี้ ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ภูดิทมองที่คนเหล่านี้อย่างตกตะลึง ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาเลือกที่จะยุติความร่วมมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์
เดิมทีเขาอยากถามว่าทำไม แต่ไม่นานเขาก็มีปฏิกิริยากลับมาและหันไปมองรพีพงษ์
“พวก…..พวกนี้นายเป็นคนทำงั้นเหรอ?” ภูดิทถาม
รพีพงษ์ยิ้ม และเอ่ยปากว่า “ฉันบอกไปแล้ว ภายในครึ่งชั่วโมง อำนาจของตระกูลธาดาวรวงศ์ จะพังทลาย คนอย่างฉัน ไม่ชอบพูดเล่น”
ภูดิทรู้สึกเพียงแค่ร่างกายของเขาอ่อนแรง เกือบจะล้มทั้งยืน
“อย่าคิดว่านี่คือการกระทำทั้งหมดของฉันแล้ว จุดประสงค์ของฉันคือการทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์ ของคุณหายไปอย่างสมบูรณ์จากโลกนี้ นี่เพิ่งเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าวและยิ้ม
ภูดิทมองไปที่ รพีพงษ์ด้วยความงุนงง เอ่ยปากถาม “ทำไมกัน หรือว่าเป็นเพียงเพราะผู้หญิงที่ลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงานคือภรรยาของนายงั้นเหรอ? เรื่องนี้ตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นคนทำ พวกเขาต่างหากที่อยากให้ลูกสาวของเขาแต่งกับตระกูลธาดาวรวงศ์ ทำไมไม่ไปจัดการกับตระกูลพงศ์ธนธดาล่ะ?”
รพีพงษ์ยิ้ม เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าภูดิท พูดข้างหูของเขาว่า “คุณยังจำวรรณิตได้ไหม?”
ร่างกายของภูดิทแข็งทื่อชั่วขณะ เกิดความสยดสยองในดวงตาของเขา ในใจก็ย้อนกลับไปนึกถึงภาพบางส่วนจากตอนนั้น
“นาย…..ตกลงว่านายคือใครกันแน่?” ภูดิทถามด้วยเสียงสั่น
“เขาคือพ่อของฉันไงล่ะ” รพีพงษ์พูดจบ ก็เดินออกมาจากภูดิท
ภูดิทยืนอยู่ที่นั่นอย่างเหม่อลอย เสียงของรพีพงษ์ยังคงก้องอยู่ในหู บวกกับตระกูลธาดาวรวงศ์กำลังเผชิญหน้ากับความพินาศ ลูกชายของเขาก็ตายด้วยน้ำมือของรพีพงษ์ ภูดิทรู้สึกเพียงอัดอั้นอยู่ในอก จากนั้นก็หน้ามืดเป็นลมล้มลงกับพื้นไปแล้ว