พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่592 ตายในหนึ่งท่วงท่า

บทที่592 ตายในหนึ่งท่วงท่า

บทที่592 ตายในหนึ่งท่วงท่า

ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากที่กำลังฝึกเทคนิคพื้นฐานอยู่ที่สนามประลองในสำนัก หลังจากที่ผู้เฝ้าประตูทั้งสองคนล้มลงต่อหน้าพวกเขา ก็เกิดความวุ่นวาย

คนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาเพื่อยืนยันอาการของทั้งสองคน จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว

“แกเป็นใคร! แกฆ่าศิษย์น้องพวกเรา อาจารย์พวกเราไม่ปล่อยแก่ไว้แน่!”หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้นมองไปที่อนันยช กัดฟันพูด

“ฉันมาฆ่าคาเมดะอิจิโร่ รีบให้เขาออกมาเดี๋ยวนี้”อนันยชพูดอย่างรำคาญ

“หึ อย่างแกเหรอ อยากจะฆ่าอาจารย์ของพวกเรา คนปัญญาอ่อนฝันเพ้อเจ้อจริงๆ ให้แกมาประลองความสุดยอดของพวกเราก่อน!”

ศิษย์ทุกคนพุ่งเข้าหาอนันยช อย่างดุดัน

อนันยชเบะปาก ไม่ได้เอาคนพวกนี้ไว้ในสายตาเลย จ้องไปคนที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าสุด วิธีการหายใจเปลี่ยนไปทันที และยกแขนที่ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมา และระเบิดพลังที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมา

เขาฟาดเข้าที่หน้าอกของชายคนนั้นด้วยฝ่ามือ และซี่โครงของหน้าอกของชายคนนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และรอยมือก็จมลงที่หน้าอก จากนั้น ร่างกายของเขาก็บินออกไป ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังล้มลงกับพื้น

คนเหล่านี้รู้สึกร้อนหน้าอกขึ้น และอาเจียนเลือดออกมา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และคนที่พุ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าสุดได้ไปพบพญายมแล้ว

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ เขาฟาดพวกเราผ่านร่างกายของคนหนึ่งคน ทำไมยังส่งพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้ขนาดนี้ล่ะ?”

“รีบไปเรียกอาจารย์ พลังของผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป มีเพียงอาจารย์เท่านั้นที่สามารถควบคุมเขาได้!”

หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็รีบเข้ามา เรียกคาเมดะอิจิโร่

อนันยชโบกมือ มองดูคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และพูดว่า: “พลังห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของฉัน ก็เอาชนะพวกเขาจนกลายเป็นแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างอาจารย์ ก็ยังใหญ่มากนะ”

ผู้คนที่ล้มลงบนพื้นล้วนเต็มไปด้วยความสยดสยอง ไม่คาดคิดว่าหนึ่งท่วงท่าที่น่ากลัวขนาดนี้ของอนันยช ใช้พลังเพียงแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ไอ้หมอนี่ เป็นคนวิปริตประเภทไหนกัน?

ผ่านไม่นาน หลายคนที่วิ่งเข้าไปเรียกคนก็วิ่งกลับมา

“อาจารย์ ก็คือไอ้หมอนี่ เขาฆ่าศิษย์น้องพวกเราไปหลายคน ท่านต้องช่วยล้างแค้นแทนพวกเขาให้ได้!”ชายคนหนึ่งชี้ไปที่อนันยช

ชายชราผมขาวดำเดินผ่านมา แม้ว่าคนคนนี้จะอายุมากแล้ว แต่รูปร่างก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง ที่สำคัญคนคนนี้ก็เดินมาอย่างเสือคำรามเสียงดัง และทั้งร่างตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง

บุคคลนี้คือปรมาจารย์การต่อสู้ในประเทศเกาะ คาเมดะอิจิโร่

เมื่อคาเมดะอิจิโร่เห็นลูกศิษย์ของตัวเองที่ล้มลงบนพื้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นสายตาจ้องมองไปที่บนตัวของอนันยช และพบว่าเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มรุ่นหลาน และความโกรธในแววตาก็รุนแรงขึ้น

“แกเป็นใคร? ทำไมลงมือกับลูกศิษย์ของฉันได้รุนแรงขนาดนี้?”คาเมดะอิจิโร่พูดอย่างเคร่งขรึม

อนันยชยิ้มใส่เขา แล้วพูดว่า: “หลายปีก่อนฉันมาขอเรียนที่นี่ แต่กลับถูกคุณขับไล่ออกไป แต่ว่าก็เป็นเพราะคุณไม่รับฉัน ฉันถึงโชคดีได้พบกับอาจารย์คนปัจจุบันของฉัน”

“วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ อยากดูผลของการที่เรียนรู้กับอาจารย์มาหลายปี อยากรู้ว่าอาจารย์ที่ฉันชื่นชมคาดหวังตอนนั้น ตอนนี้จะสามารถรับมือกับหนึ่งท่วงท่าของฉันได้หรือไม่”

หลังจากที่คาเมดะอิจิโร่ได้ยิน ก็ส่งเสียงเย็นชา และพูดว่า: “รุ่นหลานที่ถูกฉันปฏิเสธ มีมากมายนับไม่ถ้วน แกเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ฉันลืมภาพในหัวไปนาน แต่แกกลับกล้าที่จะพูดว่าจะใช้หนึ่งท่วงท่ามาจัดการกับฉันได้อย่างไม่กระดากปาก เพื่อสัญลักษณ์ของสำนักของฉันแล้ว วันนี้ฉันจำเป็นต้องกำจัดกับแก!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลุยเลย เวลาของฉันมีกำจัด กำจัดคุณแล้ว ฉันยังต้องไปตัดหัวคนอื่นอีก!”อนันยชแสยะยิ้มแล้วพูด

คาเมดะอิจิโร่รู้สึกโกรธมากกับความหยิ่งผยองของอนันยช จึงวางมาดเตรียมตัวสู้ และตะโกนว่า: “เตรียมตัวตายได้เลย!”

จากนั้นเขาก็พุ่งไปทางที่อนันยช

ในฐานะปรมาจารย์การต่อสู้ที่รู้จักกันดีในประเทศเกาะ ความแข็งแกร่งของคาเมดะอิจิโร่นั้น น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว เขาได้พัฒนาความแข็งแกร่งทางร่างกายจนถึงขีดสุด เขาเชื่อว่าอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกาย ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้

เมื่อเห็นอนันยชเห็นคาเมดะอิจิโร่วิ่งพุ่งเข้ามารอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก หลังจากนั้นการหายใจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และพลังในร่างกายเริ่มพรั่งพรูออกมา หลังจากคว้าโอกาสได้แล้ว ใช้พลังทั้งหมดชกไปที่หน้าอกของคาเมดะอิจิโร่

คาเมดะอิจิโร่เชื่อว่าไม่มีใครสามารถเทียบเคียงความแข็งแกร่งของเขาได้ ดังนั้นเลยไม่ได้หลบ แต่กลับวิ่งเข้าไปชนหมัดของอนันยชโดยตรง

หมัดทั้งสองปะทะกัน ระเบิดพลังออก ใบหน้าของคาเมดะอิจิโร่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่แล้ว ก็มีเสียงแกร๊ก ใบหน้าของเขาซีดลงทันที จากนั้นก็บินพุ่งออกไปด้านหลัง

เลือดไหลออกจากปากของคาเมดะอิจิโร่ราวกับสายน้ำ เขามองไปที่อนันยชด้วยความไม่เชื่อ ไม่คาดคิดว่าตัวเองแค่ท่วงท่าเดียว ก็พ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มคนนี้

อนันยชหมุนข้อมือของตัวเอง และมองไปที่คาเมดะอิจิโร่ที่กำลังจะตายที่อยู่บนพื้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “โดนพลังทั้งหมดของฉันไปแล้วยังมีลมหายใจอยู่ คุณก็ถือได้ว่าไม่เลว”

“ทำ…..ทำไมล่ะ? ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉัน ได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด แม้ว่าแกจะยังเด็กและแข็งแรง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะฉันได้ด้วยท่วงท่าเดียวแบบนี้” คาเมดะอิจิโร่พูดด้วยความไม่เข้าใจ

อนันยชเหลือบมองเขา และพูดอย่างเงียบๆว่า: “ใครบอกคุณกัน ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพ ก็คือสุดขีดจำกัดของมนุษย์ล่ะ?”

ดวงตาของคาเมดะอิจิโร่เบิกกว้าง และยังไม่ได้ถามความสงสัยของตัวเอง ก็บิดคอ และไม่มีการเคลื่อนไหว

อนันยชปรบมือ หันหลังทันที และเดินออกจากประตูสำนักศิลปะการต่อสู้โดยไม่ลังเล

“ต่อไป ก็เป็นรพีพงษ์”

……

ที่ท่าเทียบเรือข้ามฝั่ง รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนต่างสวมชุดลำลอง และรออยู่ที่หน้าท่าเรือ เมื่อมองไปที่ทะเลอยู่ตรงหน้า สูดอากาศบริสุทธิ์ที่พัดมาจากลมทะเล ก็รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย

เมื่อวานนี้ พวกเขาทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทาง และออกเดินทางมาถึงที่นี่ เนื่องจากเรือสำราญไปยังเกาะพระจันทร์จะจอดที่นี่เท่านั้น และทุกคนที่จะไปเที่ยวที่เกาะพระจันทร์ ต้องมารวมตัวกันที่ท่าเรือข้ามฝั่ง

“ฉันไม่เคยล่องเรือมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก”อารียายิ้มและพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มแล้วลูบผมของเธอ แล้วพูดว่า: “เธอเคยดูไททานิกมั้ย?”

“เคยดูสิ มีอะไรเหรอ?”อารียาถาม

“เรือสำราญที่เราร่องในครั้งนี้ น่าจะหรูหรากว่านั้น ถึงตอนนั้นฉันจะพาเธอไปที่หัวเรือ พวกเราก็มาลองเธอกระโดดฉันกระโดด เอามั้ยล่ะ?”รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด

อารียากลอกตาใส่รพีพงษ์ทันที แล้วพูดว่า: “นายอยากกระโดดก็กระโดดเอง ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ต่อให้ฉันเห็นด้วย คนที่อยู่ในท้องฉันก็ไม่เห็นด้วย”

รพีพงษ์เกาหัวและหัวเราะ จากนั้นเอื้อมมือไปลูบท้องของอารียา

ในขณะนี้ เสียงนกหวีดดังขึ้น และทั้งคู่ก็หันหน้าไปมอง และพบว่าเรือสำราญที่มีมากกว่าสิบชั้น และใหญ่พอที่จะครอบครองท่าเรือทั้งหมด กำลังร่องใกล้เข้ามา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท