พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่605 สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินไม่ใช่ปัญหา

บทที่605 สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินไม่ใช่ปัญหา

บทที่605 สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินไม่ใช่ปัญหา

“พี่รพีพงษ์ พี่สุดยอดมากจริงๆเลย คนพวกเขามากมายขนาดนี้ ถูกพี่จัดการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เก่งกว่ายอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ในทีวีเสียอีก!”

หลังจากกลุ่มคนของศุทธาจากไปอย่างสิ้นหวัง ณัทมองไปที่รพีพงษ์อย่างชื่นชม เกือบจะขอลายเซ็นกับรพีพงษ์

“ฝึกฝนร่างกายให้ดีๆ การมีร่างกายแข็งแรงเป็นรากฐานของทุกสิ่ง เดี๋ยวฉันจะสอนท่วงท่าให้นายไม่กี่ท่า แบบนี้ต่อไปนายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรังแกอีก”รพีพงษ์กล่าว

ณัทพยักหน้าอย่างจริงจังทันที ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จิตตกขึ้นมา

พ่อของศุทธาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานจัดการมัคคุเทศก์ และยังเป็นบุคคลที่มีเส้นสายบนเกาะพระจันทร์ แม้ว่าวันนี้รพีพงษ์จะสั่งสอนศุทธา ช่วยเขาระบายความโกรธ แต่ว่าด้วยนิสัยของศุทธา คงจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆแน่

ที่สำคัญศุทธาแนวโน้มที่จะขอความช่วยเหลือจากพ่อของเขา ถึงตอนนั้นการแก้แค้นของศุทธา เกรงว่าก็จะไม่ใช่เขาแค่คนเดียว

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ณัทก็รู้สึกกังวลในใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะบอกรพีพงษ์ เนื่องจากรพีพงษ์ก็ได้ช่วยเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาไม่สามารถทำให้รพีพงษ์ทุกข์ใจแทนเขา

ในตอนกลางคืน อารียากลับมาจากคลับเฮาส์บ่อน้ำพุร้อน และบอกกับรพีพงษ์อีกครั้งว่าเพื่อนน้ำพุร้อนอ่อนโยนอย่างไร เป็นคนจิตใจอย่างไร จนทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าอารียาเบี่ยงเบนทางเพศไปหรือไม่

“ภรรยา เพื่อนน้ำพุร้อนคนนั้นของเธอ มีแฟนหรือยัง?”รพีพงษ์ถาม

“ไม่มีนะ ทำไมเหรอ?”อารียาสงสัย

“เธอว่าเพื่อนน้ำพุร้อนคนนี้ของเธอสวยขนาดนี้ อ่อนโยน เป็นคนจิตใจดี ยังนิสัยดี ทำไมหล่อนไม่หาแฟนสักคนล่ะ? หล่อนคงจะไม่ใช่ว่าสนใจเธอหรอกนะ?”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

อารียากลอกตาใส่รพีพงษ์ทันที แล้วพูดว่า: “เขามีคนที่รักอยู่ในใจแล้วโอเคมั้ย วันๆนายเอาแต่คิดส่งเดชอะไรเนี่ย”

“ฉันไม่กลัวว่าภรรยาของฉันจะถูกคนอื่นแย่งไป ถ้าหากถูกผู้หญิงคนหนึ่งแย่งไป ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะร้องไห้ก็ไม่มีที่จะร้อง”รพีพงษ์ถาม

“บ้าไปแล้ว”อารียาเหลือบมองรพีพงษ์ “ฉันบอกกับหล่อนไปแล้ว เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ทานอาหารด้วยกัน ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำหล่อนให้นายรู้จัก”

“ได้เลย”รพีพงษ์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม หลายวันนี้มักจะได้ยินอารียาพูดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็มีความสนใจเพื่อนน้ำพุร้อนคนนี้ของเธอมากเช่นกัน

“บอกไว้ก่อนเลย นายห้ามมีความคิดใดๆกับหล่อน แม้ว่าหล่อนจะสวยมากจริงๆ และสง่างามมาก แต่นายเป็นของฉัน นายกล้าคิดอะไรเกินเลยกับหล่อน ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่นอน”อารียาพูดอย่างวางมาดเอาจริงเอาจัง

“เธอยังไม่รู้จักฉันอีกนะ ในใจของฉันมีเพียงเธอคนเดียว จะไปคิดอะไรเกินเลยกับคนอื่นได้อย่างไร”รพีพงษ์ยิ้มและกอดอารียาไว้ แล้วมือก็ลูบท้องของเธอ

“โธ่เอ๊ย เดี๋ยวอาใฝ่ธรรมป้าภัคทีมาน่าจะกลับมาแล้ว ถูกเห็นเข้าจะน่าอายขนาดไหน”อารียาพูดอย่างเขินอาย

หลังจากนั้นไม่นาน อาใฝ่ธรรมป้าภัคทีมากลับมาจากข้างนอก อาใฝ่ธรรมมาถึงในบ้าน ก็ตะโกนเสียงดัง: “ณัท ไอ้เด็กเปรตอย่างแก ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

ณัทที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องได้ยินเสียงตะโกนเรียกของพ่อ รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์และอารียาก็เดินมาด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

อาใฝ่ธรรมเห็นณัทออกมา รีบเดินไป หยิกหูของเขา และพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง: “แกรู้มั้ยว่าแกสร้างปัญหาใหญ่มากแค่ไหนให้ฉัน แกทุบตีบศุทธาเขาใช่มั้ย? วันนี้พ่อของเขาพาคนมาหา บอกว่าฉันละเมิดกฎของบนเกาะ ยึดร้านอาหารของพวกเราทันที และจากนี้ไปห้ามไม่ให้เราทำกิจกรรมทางการค้าใดๆบนเกาะ แกว่าแบบนี้จะให้พวกเราใช้ชีวิตอยู่ยังไง!”

ป้าภัคทีมาก็มองไปที่ณัทอย่างจนปัญญา ขมวดคิ้ว และถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“พ่อ ศุทธาวิ่งมาหาเรื่องผม ผมไม่ได้หาเรื่องเขาเลย พ่อเบาๆหน่อย หูของผมจะถูกพ่อหยิกขาดอยู่แล้ว”ณัทขอร้องด้วยความเมตตา

“เขามาหาเรื่องแก แกก็เลยต่อยตีเขาจนเป็นแบบนั้นเลยเหรอ? ตอนนี้เป็นเพราะแก อาชีพของบ้านเราก็ไม่มีแล้ว จากนี้ไปเราจะอยู่อย่างไร”อาใฝ่ธรรมกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ

“พอได้แล้ว คุณไล่ด่าเขาต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ รีบคิดดีกว่าว่าจะทำอย่างไรต่อไป”ป้าภัคทีมากล่าว

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาใฝ่ธรรม ก็พอจะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเดินไปหาอาใฝ่ธรรม แล้วพูดว่า: “อา อาปล่อยณัทก่อนเถอะ ณัทไม่ได้ต่อยตีศุทธาคนนั้น ผมเป็นคนตีเอง”

อาใฝ่ธรรมหันไปมองรพีพงษ์ ท่าทีก็ผ่อนคลายลง แล้วพูดว่า: “รพีพงษ์ นายไม่ต้องขอร้องแทนไอ้เด็กเปรตนี้เลย นี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวเรา นายก็ไม่ต้องยุ่ง”

“ผมเป็นคนต่อยตีกลุ่มคนศุทธาจริงๆ ร่างกายของณัทผอมแห้ง จะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร”รพีพงษ์อธิบาย

จากนั้นเขาก็เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้ เมื่ออาใฝ่ธรรมและป้าภัคทีมาได้ฟัง ยิ่งจนปัญญาเข้าไปใหญ่

ณัทก็โทษตัวเอง เนื่องจากรพีพงษ์เพื่อช่วยเขาแล้วถึงได้ลงมือกับศุทธาพวกเขา ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้จะโทษรพีพงษ์ก็ไม่ได้

“พ่อ ผมทำให้เกิดเรื่องนี้ ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง พรุ่งนี้ผมจะไปขอร้องศุทธา”ณัทกล่าว

“ไม่ว่าอย่างไร ครอบครัวของศุทธามีอำนาจและอิทธิพลมากบนเกาะพระจันทร์ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราก็คงต้องหาวิธีออกจากเกาะพระจันทร์ ไปใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมือง”อาใฝ่ธรรมพูดอย่างจนใจ

ในตอนนี้รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้า และกล่าวว่า: “อาใฝ่ธรรมป้าภัคทีมา พวกคุณสบายใจได้ ผมเป็นต่อยตีคนเอง เรื่องนี้ผมจะช่วยพวกคุณจัดการเอง เรื่องนี้พวกเขาก็เป็นคนจงใจมาหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล พวกคุณไม่ควรมีรับผลที่ตามแบบนี้เลย”

อาใฝ่ธรรมส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ไม่มีประโยชน์ พวกคุณก็เป็นเพียงแค่นักท่องเที่ยวบนเกาะนี้ ไม่สามารถสู้กับครอบครัวของศุทธาได้”

“อย่าด่วนสรุป อา อาบอกผมก่อนว่า ครอบครัวของศุทธา อยู่บนเกาะพระจันทร์ มีภูมิหลังแบบไหน”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“เกาะพระจันทร์ของเรา มีตระกูล เชาวกรกุลที่ยิ่งใหญ่มาโดยตลอด อุตสาหกรรมทั้งหมดบนเกาะนี้ ถูกควบคุมโดยตระกูล เชาวกรกุล และพ่อของศุทธา เป็นสุนัขตัวหนึ่งของตระกูล เชาวกรกุล หลายปีก่อนพ่อของเขาใช้เงินซื้อตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานจัดการมัคคุเทศก์นี้ จากนั้นจึงคบค้าสมาคมกับเพื่อนทุกสาขาอาชีพ ในปัจจุบันนี้ ครอบครัวศุทธาอยู่บนเกาะพระจันทร์ นอกจากคนของตระกูลเชาวกรกุลแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วย”อาใฝ่ธรรมอธิบายให้กับรพีพงษ์

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังจบ จึงถาม: “คุณหมายถึง ตำแหน่งของพ่อของศุทธา คือใช้เงินซื้อมาเหรอ?”

“ใช่แล้ว เกาะพระจันทร์แตกต่างจากที่อื่น อยู่ที่นี่ตราบใดที่มีเงิน ก็สามารถซื้ออะไรก็ได้ รวมถึงตำแหน่งบริหาร หลักๆคือ มีเงินเพียงพอที่ซื้อ”อาใฝ่ธรรมกล่าว

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็ยิ้มขึ้นมาทันที และมีวิธีแก้ปัญหานี้อยู่ในใจแล้ว

ปัญหาใดที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน ไม่ใช่ปัญหา

“อา พวกคุณก็ไม่ต้องกังวล ผมมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ พวกคุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะทำให้ครอบครัวของศุทธาได้รับโทษตามที่สมควรได้รับ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท