พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 611 ฉันชอบนาย

บทที่ 611 ฉันชอบนาย

บทที่ 611 ฉันชอบนาย

รพีพงษ์หรี่ตาลงมองผู้หญิงที่งดงามราวกับนางฟ้าที่อยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมคุณต้องเข้ามาใกล้ภรรยาผม”

ฝนสุดายิ้มหวานให้กับรพีพงษ์ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่ได้เข้าใกล้เธอสักหน่อย นิสัยของเราสองคนคล้ายกัน พูดคุยถูกคอกัน ถึงนายจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถห้ามให้ฉันคบหาใครได้หรอกนะ”

“งั้นผมคงต้องคิดว่าคุณเป็นตัวอันตราย และควรกำจัดคุณเป็นอันดับแรก” รพีพงษ์พูดอย่างไม่เกรงใจ

ถึงแม้ตอนแรกเขากับฝนสุดาจะไม่ได้มีอะไรโกรธแค้นกัน หนำซ้ำเขายังเคลียร์ความสัมพันธ์ของเขากับฝนสุดาอีกด้วย แต่ว่าตอนนี้อารียากำลังท้อง รพีพงษ์ไม่เข้าใจเป้าหมายของฝนสุดา ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังอยู่เสมอ

ใบหน้าแสนหวานของฝนสุดาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าโกรธเคือง ท่าทีราวกับนางฟ้าเมื่อครู่ได้หายไปในพริบตา เหลืออยู่เพียงหญิงสาวที่กำลังโกรธ

“นายนี่มันยังไงกัน ถามฉันสักคำสิ ฉันอุตส่าห์อุบไว้แล้ว ทำไมนายถึงบื้อขนาดนี้” ฝนสุดาพูดด้วยความหงุดหงิด

“ขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลามาฟังคุณหรอกนะ ทุกคนที่คิดร้ายต่อภรรยาของผม ผมจำเป็นต้องกำจัดทิ้ง” รพีพงษ์พูดจบก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก

ฝนสุดามือแน่น เธอกระทืบเท้าฟึดฟัดแล้วเดินตามไป

“โอ๊ย รอเดี๋ยวสิ ฉันพูดไปแล้วว่าการที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะภรรยาของนาย ไม่ทันไรก็จะกำจัดฉันซะแล้ว นายรู้หรือเปล่าว่าคนที่นายจะกำจัดน่ะ อาจจะเป็นภรรยาของนายในอนาคตก็ได้นะ” ฝนสุดาพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง

ถ้าคนที่ต่อแถวตามจีบฝนสุดามาเห็นเธอในตอนนี้ คงจะร้องไห้ออกมากันเป็นแถว ผู้หญิงที่พวกเขาต้องตาต้องใจ กลับมาตามจีบชายอื่น

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูดก็หยุดเดินทันที เขาหันไปมองฝนสุดา

ฝนสุดาเห็นดังนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จู่ๆ เธอก็โผเข้าไปหารพีพงษ์

“โอ๊ย ทำไมจู่ๆ ก็หยุดเดินล่ะ” ฝนสุดาพูดเสียงเบา ตัวของเธอแทบจะรวมเข้ากับตัวของรพีพงษ์

รพีพงษ์ดูไม่ออกว่าฝนสุดาตั้งใจ เขารีบถอยหลังแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณหมายความว่ายังไง”

ฝนสุดายังคงซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายของรพีพงษ์ เมื่อได้ยินรพีพงษ์ถามเช่นนั้นเธอจึงพูดออกไปอย่างเก้ๆ กังๆ ว่า “โอเค ฉันไม่อุบไว้แล้วก็ได้ ฉันมาที่นี่ก็เพราะนาย ฉันรู้จักกับภรรยาของนายเพราะความบังเอิญจริงๆ แต่ในอนาคต ไม่แน่ทุกคนอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกัน สร้างความสัมพันธ์เอาไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนิ”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ครอบครัวเดียวกันเหรอ คุณพูดอะไรไร้สาระ”

“โอ๊ย นายนี่ซื่อบื้อจริงๆ ต้องให้ฉันพูดออกมาจริงๆ ใช่ไหม นายถึงจะเข้าใจ” ฝนสุดามองรพีพงษ์อย่างเหนื่อยใจ

“รีบพูดมา” รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ฉันชอบนายไง ชีวิตนี้จะมองแค่นายคนเดียว ไม่ว่านายจะมีภรรยาหรือไม่ ฉันก็จะแต่งกับนาย เข้าใจที่ฉันพูดหรือยัง!” ฝนสุดาหน้าแดง หญิงสาวก้มหน้าไม่กล้าสบตารพีพงษ์

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูด จู่ๆ เขาก็พูดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองมีโชคด้านความรักหรืออย่างไร ถึงมักจะมีผู้หญิงเข้ามาชอบเขาเสมอ

ถ้าพูดตามหลักแล้ว ผู้ชายแท้ๆ และซื่อบื้ออย่างเขา ไม่น่าจะมีใครมาชอบสิถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้นในใจของเขาก็มีเพียงอารียาคนเดียวเท่านั้น ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผู้หญิงพวกนี้คิดอะไรอยู่

หลังจากที่เขาคิดอยู่ในใจสักครู่ เขาจึงมองฝนสุดาแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณรีบล้มเลิกความคิดนี้ซะเถอะ ใจของผมมีแค่อารีคนเดียว และไม่สามารถมีใครได้อีก”

ฝนสุดาไม่ได้แคร์เรื่องนี้ เธอพูดออกมาว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้ในใจของนายยังไม่มีฉัน แต่ฉันจะเข้าไปอยู่ในใจของนายให้ได้”

“เกรงว่าคุณจะคิดเยอะไปแล้ว” รพีพงษ์พูดด้วยความมั่นใจ

ฝนสุดาสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของรพีพงษ์ เธอเบิกตาโต สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ไม่เคยมีใครปฏิเสธผู้หญิงสวยราวกับนางฟ้าเช่นเธอ

“รพีพงษ์ ทำไมนายเป็นแบบนี้ ฉันจะแต่งกับนายคนเดียว นายจะทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ” ฝนสุดาพูดด้วยความหงุดหงิด

“คุณยังเด็ก หน้าตาสะสวย แถมยังเป็นคุณหนูตระกูลก้องวณิชกุล คุณต้องเจอคนที่เหมาะสมกับคุณอย่างแน่นอน ต่อจากนี้อย่าคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีก” รพีพงษ์ถอนหายใจ และพูดเตือนฝนสุดาอย่างใจเย็น

“ไม่ ฉันจะแต่งกับนายคนเดียว ถ้าไม่ได้ ฉันก็คงต้องฆ่านาย” ฝนสุดาเม้มปากแล้วพูดว่า “นี่เป็นข้อปฏิบัติของตระกูลเรา ตอนที่อยู่ที่กิสนา นายจำได้ไหมว่านายแตะเท้าฉัน”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้า

“สำหรับผู้หญิงในตระกูลก้องวณิชกุล เท้าเป็นส่วนที่หวงห้ามมาก สามีเท่านั้นที่จะแตะต้องได้ สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าโดนผู้ชายแตะเท้า จะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น หรือไม่ก็ฆ่าเขา นี่เป็นข้อปฏิบัติที่ตระกูลก้องวณิชกุลทำกันมารุ่นต่อรุ่น เมื่อมาถึงรุ่นฉันก็ไม่สามารถละเมิดข้อปฏิบัตินี้ได้”

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าตระกูลก้องวณิชกุลจะมีข้อปฏิบัติที่คร่ำครึเช่นนี้ ที่เขาแตะเท้าเธอก็เพราะอยากรู้เรื่องของนนทภูเท่านั้น สำหรับคนรุ่นใหม่แบบเขา จะไปคิดได้ยังไงว่าการแตะเท้าจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

คนที่อธิบายทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอย่างฝนสุดาเหมือนลูกแกะที่รอคอยการตัดสิน หญิงสาวรอคอยคำตอบของรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ แต่ก็ยังกลัวว่ารพีพงษ์จะไม่ยอมรับ

รพีพงษ์คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “แล้วข้อปฏิบัติในตระกูลของคุณบอกไว้หรือเปล่าว่าถ้าฆ่าคนนั้นไม่ตาย จะต้องทำอย่างไร”

ฝนสุดาอึ้งไป เธอไม่เคยคิดถึงคำถามเช่นนี้มาก่อน เพราะเธอก็ไม่คิดจะฆ่ารพีพงษ์อยู่แล้ว เธอคิดมาตลอดว่าตัวเองจะทำให้รพีพงษ์มาอยู่ในกำมือให้ได้

“ระ เรื่องนี้ไม่ได้บอกไว้ ถ้าฆ่าไม่ตายก็ฆ่าต่อไปจนกว่าจะตายมั้ง” ฝนสุดาเอ่ยขึ้น

“งั้นก็ดี ตั้งแต่ตอนนี้ คุณก็เริ่มฆ่าผมได้ ผมจะไม่ตอบโต้คุณก่อน แต่ถ้าคุณลงมือผมจะตอบโต้กลับ จนกว่าคุณจะฆ่าผมได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เป็นการละเมิดข้อปฏิบัติของตระกูลใช่ไหม” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ฝนสุดาเบิกตาคู่สวย เธอคิดว่าหลังจากที่บอกเรื่องข้อปฏิบัติในตระกูลให้รพีพงษ์รู้ น่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงจริงๆ คือการที่รพีพงษ์จะให้เธอฆ่าเขา ความคิดของเขา ทำให้ฝนสุดาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “อย่างนี้ก็ได้เหรอ”

“รพีพงษ์ ฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าอารียาเลย ทำไมนายถึงคิดว่าฉันไม่มีโอกาสที่จะอยู่กับนาย” ฝนสุดาพูดอย่างไม่ยอมแพ้

“เพราะเธอเป็นภรรยาของผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

รพีพงษ์พูดจบ ก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท