พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 619 ผมเคยให้โอกาสเขาแล้ว

บทที่ 619 ผมเคยให้โอกาสเขาแล้ว

บทที่ 619 ผมเคยให้โอกาสเขาแล้ว

ภายในห้องรับแขกที่บ้านตระกูลเชาวกรกุล บรรยากาศน่าอึดอัดเล็กน้อย

รพีพงษ์กับฝนสุดานั่งอยู่บนโซฟา พวกเขามองสิรวิชญ์กับบริวัตรที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ขอโทษจริงๆ ครับ ถ้าผมรู้ว่าไอ้เด็กเวรนี่จะไปหาเรื่องคุณกับภรรยา ผมคงตีขามันให้หักไปตั้งนานแล้ว คุณใจเย็นก่อนนะครับ ผมอธิบายได้”

สิรวิชญ์พูดกับรพีพงษ์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด จากนั้นเขาก็หันไปหาบริวัตร แล้วยกขาถีบลูกชาย “แกนี่มีตาหามีแววไม่ ไปหาเรื่องนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ยังไง แกอยากให้ตระกูลล่มจมหรือไง!”

ขณะนี้บริวัตรเริ่มสงบลงมาก เขาดูจะไม่กล้าสบตาสิรวิชญ์ ใครจะไปคิดล่ะว่าไอ้หนุ่มคนที่ทำให้เขาขายหน้าเมื่อวาน จะเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์

“ลูกชายของคุณไม่เพียงแต่จะหาเรื่องรพีพงษ์ เขายังจะทำมิดีมิร้ายกับฉันด้วย คุณสิรวิชญ์ ถ้าคุณอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ สามีของฉันคงไม่นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้แน่นอน” ฝนสุดาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้นก็หันไปจ้องฝนสุดา ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เพราะอยู่ที่บ้านตระกูลเชาวกรกุล เขาถึงทำได้เพียงส่งสายตาตักเตือนฝนสุดา

ฝนสุดายิ้มอย่างมีเลศนัย ราวกับว่าเธอไม่สนใจการตักเตือนของรพีพงษ์ แถมยังหรี่ตามองอย่างซุกซน

เมื่อสิรวิชญ์ได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูด เขากำหมัดแน่นแล้วหันไปจ้องบริวัตร จากนั้นจึงพูดว่า “คุณนายวางใจเถอะครับ ผมจะหาสิ่งที่เหมาะสมให้พวกคุณ”

รพีพงษ์ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถอธิบายเรื่องที่ฝนสุดาเป็นภรรยาของเขาได้อีกแล้ว

“ไอ้ลูกอกตัญญู ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษคุณรพีพงษ์กับภรรยาอีก!” สิรวิชญ์หันไปตวาดใส่บริวัตร

บริวัตรมองสิรวิชญ์อย่างไม่ค่อยพอใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พ่อ ผมก็แค่…”

“ก็แค่อะไร ฉันให้แกคุกเข่าก็คุกเข่าสิ เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว” สิรวิชญ์ตบหน้าลูกชาย

บริวัตรเอามือกุมหน้าตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์กับฝนสุดา

“ขอโทษ!” สิรวิชญ์เอ่ยขึ้น

“ขอโทษ” บริวัตรพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ

สิรวิชญ์ถีบไปที่ตัวของบริวัตรอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็แผดเสียงออกมาว่า “เสียงแค่นั้นใครจะได้ยิน!”

“ขอโทษ” ครั้งนี้บริวัตรพูดดังขึ้น แต่น้ำเสียงของเขาดูหงุดหงิด

“คุณรพีพงษ์ ไอ้ลูกชายคนนี้ถูกผมตามใจจนเสียคน มันถึงทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ เห็นแก่ที่มันขอโทษคุณ คุณให้อภัยมันสักครั้งเถอะ ต่อไปผมจะสั่งสอนไม่ให้มันทำผิดแบบนี้อีก” สิรวิชญ์พูดอ้อนวอน

จู่ๆ รพีพงษ์ก็แสยะยิ้มออกมา “คุณสิรวิชญ์ คำขอโทษของลูกชายคุณไม่มีแม้แต่ความจริงใจ ผมคงจะให้อภัยเขาไม่ได้หรอก”

สิรวิชญ์มีสีหน้าลำบากใจ จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “คุณพูดถูกครับ ไอ้ลูกคนนี้ขาดการอบรมสั่งสอน คุณพูดมาได้เลยครับว่าจะสั่งสอนไอ้ลูกอกตัญญูคนนี้ยังไง คุณถึงจะยอมให้อภัย ผมจะทำตามที่คุณบอกครับ”

“ก่อนหน้านี้ผมให้โอกาสเขาแล้วครั้งหนึ่ง ให้เขาคุกเข่าขอโทษ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมทำ ผมเป็นคนที่มีหลักการ ในเมื่อให้โอกาสแล้วไม่ยอมรับไว้ ผมก็จะไม่สนใจไยดีอีก”

“แต่ผมเห็นแก่หน้าคุณ ผมจะลงโทษเขาเบาลงสักหน่อย”

“หักแขนทั้งสองข้างของเขา แล้วผมจะไม่เซ้าซี้อีก”

รพีพงษ์พูดความต้องการของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

สีหน้าของสิรวิชญ์กับบริวัตรเปลี่ยนไปในทันที คิดไม่ถึงว่าบทลงโทษของรพีพงษ์จะน่ากลัวเช่นนี้

ฝนสุดาเห็นท่าทีสุขุมในการตัดสินจุดจบของคนคนหนึ่งของรพีพงษ์ เขามีเสน่ห์มาก เธอมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย

“คุณรพีพงษ์ การหักแขนทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเกินไป ตระกูลเราสามารถชดใช้ด้วยเงิน ขอแค่คุณพูดจำนวนเงินออกมา ผมจะชดใช้ให้ครับ” สิรวิชญ์เอ่ยขึ้น

“ผมไม่ได้ขาดแคลนเงิน เมื่อกี้ผมยื่นคำขาดออกไปแล้ว ถ้าคุณทำไม่ลง ผมจะจัดการด้วยตัวเอง” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง

บริวัตรแววตาเคียดแค้น เขาลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดกับผู้เป็นพ่อว่า “พ่อก็เห็นแล้วว่ามันทำเกินไป ทำไมเราต้องเกรงใจมันอีก มันเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ก็จริง แต่เกาะพระจันทร์เป็นถิ่นของเรา มันทำขนาดนี้ ถึงเราฆ่ามันก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนทำ”

“แกพูดอะไรออกมา! หุบปากไปเลยนะ!” สิรวิชญ์มองลูกชายด้วยความตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าลูกชายของตัวเองจะพูดแบบนี้ออกมา

“พ่อ แต่มันจะหักแขนของผม อย่าบอกนะว่าจนถึงขนาดนี้แล้วพ่อยังจะพูดแทนมันอีกเหรอ”

บริวัตรพูดด้วยความโมโห

สิรวิชญ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

บริวัตรมองรพีพงษ์อย่างเกลียดชัง เขาหยิบมือถือออกมา จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “แกรอก่อนเถอะ ฉันจะโทรเรียกคนมา ในเมื่อแกไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร….”

บริวัตรยังไม่ทันพูดจบ รพีพงษ์ก็ลุกขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปหาบริวัตรด้วยความรวดเร็ว และเอามือถือของบริวัตรโยนลงบนพื้น จากนั้นเขาจึงใช้แรงจับไหล่ของบริวัตร เสียงกระดูกดังขึ้น บริวัตรร้องออกมาอย่างน่าเวทนา

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนบริวัตรยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นความเจ็บก็แล่นเข้ามาที่แขนของเขา

สิรวิชญ์ยืนมองอย่างอึ้งๆ ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที เขาถึงจะตั้งสติได้

“คุณรพีพงษ์ คุณทำอะไร รีบปล่อยลูกชายผมนะ ทำไมแขนของเขาถึงเป็นแบบนั้น” สิรวิชญ์พูดด้วยความตื่นตระหนก

“พ่อ แขนของผมหักแล้ว รีบเรียกคนมาสิ!” บริวัตรตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

สิรวิชญ์มีสีหน้าร้อนรน ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ต้องรีบเรียกคนมา

รพีพงษ์พูดอย่างช้าๆ ว่า “ไม่จำเป็น เมื่อกี้คุณก็เห็นแรงของผมแล้วนิ ก่อนที่คุณจะเรียกคนมา ผมสามารถเอาชีวิตของพวกคุณสองคน แถมยังไม่ให้คนอื่นจับได้ด้วย ถึงผมจะอยู่เที่ยวที่นี่ต่อสักสองสามวัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และออกไปจากที่นี่อย่างง่ายดายด้วย”

สิรวิชญ์ชะงักไป เขาไม่สงสัยในพละกำลังของรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย คนที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ คงไม่ใช้คำพูดพวกนี้มาหลอกเขาหรอก

“คุณรพีพงษ์ ได้โปรดเมตตาด้วย ลูกชายผมมันไม่ได้ความ คุณให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ถ้าแขนทั้งสองข้างของเขาพิการ ชีวิตเขาต้องพังทลายไปทั้งชีวิตแน่นอน!” สิรวิชญ์พูดอ้อนวอน

รพีพงษ์เหลือบมองบริวัตร แล้วพูดว่า “ผมพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมเคยให้โอกาสเขาแล้ว แต่เขาไม่รับเอาไว้เอง การที่เขาไม่ได้ความ มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะยกโทษให้เขา ผมหวังว่าการที่ผมหักแขนสองข้างของเขา จะช่วยทำให้เขาจำมันเอาไว้”

เมื่อรพีพงษ์พูดจบ เขาก็เอามือไปวางไว้บนไหล่อีกข้างของบริวัตร เมื่อเขาใช้แรงออกไป แขนของบริวัตรก็หัก และแนบลงไปข้างลำตัว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท