พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 620 ฉันชื่ออนันยช

บทที่ 620 ฉันชื่ออนันยช

บทที่ 620 ฉันชื่ออนันยช

เมื่อออกมาจากบ้านตระกูลเชาวกรกุล ก็ค่ำแล้ว ทุกที่บนเกาะพระจันทร์เต็มไปด้วยสีสันจากแสงไฟ พระจันทร์ดวงกลมอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงลงมาทำให้บนเกาะงดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้

“รพีพงษ์ เมื่อกี้ตอนที่อยู่ข้างในนายเท่มาก ฉันนี่ใจเต้นตึกตักเลยอะ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ชายที่ฝนสุดาชอบ” ฝนสุดาพูดพลางกระโดดโลดเต้น

รพีพงษ์ปรายตามองฝนสุดา แล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไปไกลๆ”

ฝนสุดากำหมัดแน่น เธอพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิดว่า “ทำไมนายหยาบคายกับฉันขนาดนี้ นายคิดว่าฉันโกรธไม่เป็นเหรอ”

รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ในเมื่อผมทำให้คุณโกรธขนาดนี้ คุณก็รีบไปซะสิ จะดีมากถ้าต่อจากนี้คุณไม่มาหาผมอีก คุณจะได้ไม่ต้องมาโมโหผมอีกไง”

ฝนสุดากลอกตาไปมา แล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า “หึ อย่าคิดว่าฉันมองวิธีสกปรกของนายไม่ออกนะ นายจงใจทำให้ฉันโกรธ แล้วก็จะใช้โอกาสนี้หลุดพ้นจากฉัน ฉันไม่โดนหลอกหรอก”

รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ คิดย้อนกลับไปถึงความน่ากลัว ตอนที่จารุณีมาบังคับเขา

ใครจะไปคิดกันว่ากว่าที่จะพูดโน้มน้าวจารุณีได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ยังมีฝนสุดาโผล่มาอีก เขาปวดหัวจริงๆ

เขาไม่สนใจฝนสุดาและมุ่งหน้าเดินต่อไป

ฝนสุดารีบเดินตามเขาไปทันที เธอไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวซึมซับความเงียบและความรู้สึกดีที่ได้เดินไปกับรพีพงษ์

สิ่งที่เธอไม่เหมือนกับจารุณีก็คือบางครั้งฝนสุดาจะทำตัวซน และพูดล้อเล่นกับรพีพงษ์ แต่นิสัยแท้จริงของเธออ่อนโยน ขณะเดียวกันเธอก็สามารถควบคุมมันได้ นี่เลยทำให้รพีพงษ์ไม่รู้จะทำอย่างไร และนี่ก็มันได้ทำให้เขาโกรธด้วย

แต่สำหรับจารุณี เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่รู้จักโต มีนิสัยดื้อรั้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ ถึงแม้ว่าฝนสุดาจะมีเป้าหมายเหมือนกับจารุณี แต่เธอไม่ได้บังคับให้รพีพงษ์อยู่กับเธอ นอกจากเรื่องที่เอาแต่พูดล้อเล่นแล้ว เธอยังมักจะบริหารเสน่ห์ของตัวเองเมื่อได้อยู่กับรพีพงษ์

เธออยากอยู่ในใจของรพีพงษ์ และไม่ได้อยากจะแย่งรพีพงษ์มา

เมื่อเธอมีพื้นที่ในใจของรพีพงษ์ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถตามติดรพีพงษ์ เขาก็คงไม่ให้ไล่เธอไปไหน

ตอนที่เธอเดินผ่านหน้าผา จู่ๆ รพีพงษ์ก็หยุดเดิน แล้วหันมองขึ้นไปบนหน้าผา มีใครบางคนอยู่บนนั้น ถึงแม้จะเห็นแค่ลักษณะของเขา แต่รพีพงษ์สัมผัสได้ว่าคนคนนั้นก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน

รพีพงษ์สัมผัสถึงความอันตรายจากคนคนนั้น เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้สัมผัสในอดีต

ฝนสุดาก็หยุดเดินเช่นกัน เธอมองขึ้นไปบนหน้าผาด้วยความสงสัย จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอ”

“ไม่มีอะไร” รพีพงษ์หันกลับมา แล้วเดินต่อไป

ขณะนั้นเองมีใครคนหนึ่งมาหยุดอยู่หน้าทั้งสองคน เขายืนขวางทางทั้งสองคนเอาไว้

“ในเมื่อเห็นแล้ว สู้ขึ้นไปเจอกันหน่อยดีกว่า” คนนั้นพูดขึ้น

“พวกนายเป็นใคร” รพีพงษ์ถามอย่างระแวง

“ตระกูลนิธิวรสกุล” คนคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ใจของรพีพงษ์กระตุกขึ้นทันที เขาหรี่ตาลง คิดไม่ถึงว่าคนตระกูลนิธิวรสกุลจะตามเขามาถึงที่นี่

เขาหันไปมองฝนสุดาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “คุณรีบไปหาอารี แล้วพาเธอออกจากเกาะพระจันทร์ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผมขอร้องคุณและผมเป็นหนี้บุญคุณของคุณ ต่อไปผมจะชดใช้ให้”

ฝนสุดามองออกว่ารพีพงษ์ไม่ได้พูดเล่น เธอรู้ว่ารพีพงษ์ผ่านอะไรมาบ้าง ทำให้เธอรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ถูกกับคนของตระกูลนิธิวรสกุล

“ได้” ฝนสุดาพยักหน้า

รพีพงษ์ก้าวเข้าไปหาคนคนนั้น ถ้าเขาจะขวางฝนสุดาเอาไว้ รพีพงษ์จะจัดการทันที

ตอนนี้รพีพงษ์ไม่แน่ใจว่าตระกูลนิธิวรสกุลส่งคนมาที่นี่กี่คน และก็ไม่แน่ใจว่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลจะหาอารียาเจอหรือยัง เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงให้ฝนสุดาไปหาอารียา และเขาจะยื้อเวลาอยู่ที่นี่

เมื่อคนคนนั้นเห็นท่าทีของรพีพงษ์ก็หัวเราะแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันมากับคุณชายสองคน และเป้าหมายของคุณชายคือนายเพียงคนเดียว คนอื่นไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณชายหรอก คุณชายไม่ได้ว่างพอที่จะไปสนใจคนอื่น”

พูดจบ ชายคนนั้นก็หันหลังเดินขึ้นไปบนหน้าผา

“รพีพงษ์ นายไปหาอารียากับฉันไหม ไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากัน คนที่ตามฉันมาก็มีเยอะ น่าจะพอสู้กันได้” ฝนสุดาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเขาหาเจอแล้ว ก็คงจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ ถึงผมจะไม่กลัวตระกูลนิธิวรสกุล แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ผมทำอะไรมากไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าพวกมันมากี่คน ถ้าผมไปเช่นนี้ อาจจะทำให้อารีติดร่างแหไปด้วย คุณช่วยผมพาอารีออกไปจากที่นี่ด้วย ผมจะขึ้นไปบนหน้าผา”

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์พูดเช่นนั้น ฝนสุดาก็ไม่พูดอะไรอีก เรื่องแบบนี้รพีพงษ์น่าจะไว้ใจได้มากกว่าเธอ อีกอย่างเรื่องนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

“งั้นฉันไปหาอารี นายก็ระวังตัวด้วย” ฝนสุดาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็หันหลังเดินขึ้นไปบนหน้าผา

ลมทะเลพัดเอื่อยๆ รพีพงษ์ยิ่งเดินขึ้นไป ในใจของเขาก็ยิ่งมีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้

รพีพงษ์เชื่อในสัญชาตญาณ บางครั้งสัญชาตญาณก็เป็นเครื่องเตือนภัยที่แม่นยำ

การที่ตระกูลนิธิวรสกุลส่งคนมา เกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

แต่ว่าเขาไม่ได้กลัวอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ขอแค่อารียาปลอดภัย เขามั่นใจว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของคนจากตระกูลนิธิวรสกุล

อีกอย่างการที่ออกจากเกาะพระจันทร์ และขึ้นไปบนบก จะสามารถใช้อำนาจของกิสนาได้ รพีพงษ์จึงไม่ได้กลัวตระกูลนิธิวรสกุล

หน้าผานี่สูงมาก น่าจะเกือบหนึ่งร้อยเมตร รพีพงษ์ใช้เวลานานกว่าจะเดินขึ้นมาถึงข้างบน แน่นอนว่าเขาจงใจเดินให้ช้า เพื่อยื้อเวลาให้ฝนสุดากับอารียา

คนที่ยืนอยู่บนหน้าผา เอาแต่หันหน้าออกไปทางทะเล เขามองไปไกลแสนไกล ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เขาเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าถึงเขาได้

“ทายาทที่ตระกูลทอดทิ้งเอาไว้ กล้าดียังไงมาต่อกรกับตระกูลนิธิวรสกุล จิรเวชตายเพราะแก แกนี่ช่างกล้าจริงๆ”

รพีพงษ์หยุดเดิน แล้วพูดกับคนที่กำลังยืนหันหน้าเข้าทะเลด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“เขาสมควรตายแล้ว ไม่ใช่แค่จิรเวช แต่เป็นคนในตระกูลนิธิวรสกุลทุกคน ฉันจดชื่อไว้ในเดธโน้ตของฉันแล้ว ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน เพื่อแก้แค้นให้กับปู่ของฉัน รวมถึงพวกแกสองคนด้วย” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

คนคนนั้นหัวเราะอย่างดูถูก

“ก่อนจะลงมือ บอกชื่อของแกมาก่อน ฉันไม่อยากให้คนที่ตายคามือฉันต้องตายไปอย่างไร้นาม” แววตาของรพีพงษ์เย็นยะเยือก

คนคนนั้นหันกลับมา แววตาของเขาแหลมคมราวกับมีดที่กรีดลงไปบนตัวของรพีพงษ์

“ฉันชื่ออนันยช ฉันมาวันนี้เพื่อจัดการแก แกจะไม่พอใจเหรอ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท