พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่631 จำนำ

บทที่631 จำนำ

บทที่631 จำนำ

เช้าวันรุ่งขึ้น

รพีพงษ์ตื่นขึ้นมา แต่ยังไม่ลุกจากเตียง ยังคงนอนอยู่บนโซฟา กำลังครุ่นคิดแผนต่อไปของตนเอง

ในขณะเดียววันนี้ฝนสุดาลุกขึ้นมาจากเตียง บิดขี้เกียจ เธอไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานแล้ว

หลังจากที่ลงมาจากเตียง ฝนสุดาเดินมาข้างๆโซฟา เห็นรพีพงษ์หลับตา คิดว่าเขายังนอนอยู่

“เหอะ ดื้อดีนัก ต้องนอนบนโซฟาที่แข็งๆเลยสมน้ำหน้า ฉันอุตส่าห์ยินยอมนอนเตียงเดียวกับคุณ คุณยังไม่รู้จักฉวยเอาไว้ โง่!”

พึมพำเบาๆ เธอหยิบผ้าห่มบนตัวรพีพงษ์ออก

จากนั้นเธอเดินไปด้านหน้าเตียง หยิบนาฬิกาบนโต๊ะขึ้นมา จ้องมองด้วยสีหน้าที่อาลัยอาวรณ์อยู่นาน

“ที่ไอ้เชี้ยนั่นต้องการซื้อมือถือ ฉันทำได้เพียงขายไป หวังว่าวันนี้จะหาคนดีให้เธอได้ ต่อไป คุณจะอยู่ไปเพื่อนฉันไม่ได้อีกแล้ว” ฝนสุดาพูดกับตัวเอง

ช่วงนี้ฝนสุดาและรพีพงษ์ล้วนอยู่บ้านของดาณิมา ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินเสื้อผ้าหรือไม่สบายของรพีพงษ์ ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก

และฝนสุดาก็รู้ดีถึงสถานการณ์ของครอบครัวดาณิมา ถึงขั้นที่ครอบครัวของเขาไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของสองคนได้ ดังนั้นในตอนแรก เธอจึงได้ขายเครื่องประดับทิ้ง แล้วจ่ายให้อาดุล มิเช่นนั้น เกรงว่าเขาทั้งสองจะโดนไล่ออกไปแล้ว

จากนั้นรพีพงษ์ฟื้นฟูก็ต้องใช้อาหารเสริม และรถวีลแชร์ ล้วนเป็นฝนสุดาขายเครื่องใช้ของตัวเองเท่านั้น

ตอนที่มือถือของเธอตกน้ำนั้นมันได้พังไปแล้ว และไม่มีบัตรธนาคาร ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้ไปก่อนเท่านั้น

สิ่งของที่ขายไปนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เธอรัก ตอนแรกใช้เงินจำนวนมากซื้อกลับมา ในปัจจุบันอยู่ในที่ๆไม่คุ้นเคย เธอทำได้เพียงขายของเหล่านั้นในราคาถูก

นาฬิกาเรือนนี้เป็นสิ่งของสุดท้ายของเธอ หลังจากที่ได้ขายนาฬิกาเรือนนี้แล้วนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

รพีพงษ์ลืมตาดูฝนสุดา รู้สึกแปลกใจ เสียงของฝนสุดาค่อนข้างเบา เขาฟังไม่ชัดเจนว่าบ่นว่าอย่างไรบ้าง

ไม่นาน ฝนสุดาก็เก็บของเสร็จ หยิบนาฬิกานั้นออกไป

รพีพงษ์อยากรู้ว่าฝนสุดาออกไปทำอะไร หลังจากที่เธอออกไปได้ไม่นาน ก็รีบตื่นขึ้นมา แล้วตามหลังเธอไป เดินไปที่เมืองปากซำ

มาถึงเมืองปากซำตั้งนาน นอกจากที่รพีพงษ์ไปท่าเรือมากี่ครั้ง ช่วงเวลาที่เหลือก็อยู่ที่บ้าของดาณิมา นี่เป็นครั้งแรกที่ไปเมืองปากซำ

เมืองชายทะเลเล็กๆเป็นที่ๆอยู่ไกล การพัฒนาของเมืองปากซำถือว่าไม่ดีมากนัก แต่นกกระจอกมักจะตัวเล็กกว่าใครๆแต่อวัยวะภายในก็สมบูรณ์ เมืองนี้ก็มีสิ่งความอำนวยสะดวกที่เพรียบพร้อมไม่ต่างจากเมืองอื่น เพราะมีท่าเรือ การค้าที่นี่จึงถือว่าไม่เลว ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่จึงถือว่าไม่ต่างจากที่อื่น

ฝนสุดามาถึงโรงจำนำร้านหนึ่งในเมือง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ก็ได้ถือนาฬิกาเดินเข้าไป

เจ้าของโรงจำนำเป็นคนมีอายุสี่สิบกว่าปี ไว้หนวดเครา เป็นชายกลางคนที่ดูเลี่ยนๆ

ขณะนี้เขานั่งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะ ในมือถือกาน้ำชา นั่งอาบแดดอย่างชิวๆอยู่ข้างๆหน้าต่าง

ตอนที่ฝนสุดาเข้ามานั้น เจ้าของได้มองไปที่ประตู จากนั้นแววตาก็เป็นประกาย รีบยืนขึ้นมา

พนักงานของโรงจำนำเดินไปอยู่ด้านหน้าของฝนสุดา เจ้าของจับเขาเอาไว้ แล้วกล่าว “เดี๋ยวฉันดูแลลูกค้าคนนี้เอง แกเข้าไปด้านใน บอกตุรียะ ผู้หญิงที่ฉันเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้ามาแล้ว”

พนักงานคนนั้นพยักหน้าทันที แล้วหันหลังเดินไป

“สาวน้อย มาจำนำของอีกแล้วหรอ มามามา นั่งตรงนี้” เจ้าของโรงจำนำพาฝนสุดาไปนั่งข้างๆโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม

ฝนสุดาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ยื่นนาฬิกาในมือไปให้

“ฉันอยากขายนาฬิกาเรือนนี้ คุณดูให้หน่อยว่าจะให้ได้เท่าไหร่” ฝนสุดากล่าว

เจ้าของร้านรับนาฬิกานั้นมา แล้วดูตาเป็นประกาย

“นาฬิกานี้ได้อยู่นะ ปาเต็ก ฟิลลิปส์ แต่ดูๆแล้วน่าจะเป็นของปลอม ทำค่อนข้างหยาบ เห็นว่าคุณเป็นลูกค้าประจำ ห้าพัน ขาดตัว ว่าไง?” เจ้าของร้านยิ้มพลางกล่าว

ฝนสุดาขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “นาฬิกาเรือนนี้ของฉันเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นนะ ตอนที่ซื้อราคาล้านกว่าเลยนะ คุณให้แค่ห้าพัน เกินไปเปล่า”

“สาวน้อย คุณอย่าหลอกผมเลย ถ้าคุณสามารถซื้อนาฬิกาเรือนเป็นล้านได้ ยังต้องมาจำนำที่ผมอีกหรอ? ถ้าคุณสามารถเอาใบเสร็จของนาฬิกามาได้ ฉันให้มากกว่านี้ก็ได้” เจ้าของร้านแสดงออกถึงท่าทางหัวหมอ

ฝนสุดาเซ็ง เธอจะหาใยเสร็จตอนนี้ได้อย่างไรกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน นาฬิกาเรือนนี้ตกพื้น เธอก็ขี้เกียจจะเก็บมัน ตอนนี้เหตุการณ์บังคับ เธอถึงได้เอานาฬิกามาเปลี่ยนเป็นเงิน

“ฉันไม่มีใบเสร็จ แต่ห้าพันน้อยไป งั้นฉันไม่จำนำแล้ว” ฝนสุดากล่าว นี่เป็นสิ่งล้ำค่าสุดท้ายของเธอ ดังนั้นต้องแลกแล้วได้เงินจำนวนมาก ถึงจะรับประกันความเป็นอยู่ของเธอและรพีพงษ์ต่อไปได้

เจ้าของร้านยิ้ม แล้วกล่าว “สาวน้อย คุณก็ช่างกล้าพูดนะ นาฬิกาของปลอมจะมาแลกกับเงินห้าแสน ทำไมไม่ไปปล้นเงินเสียล่ะ”

ได้ยินเจ้าของร้านพูดแบบนี้ ฝนสุดายื่นมือไปหยิบนาฬิกาเรือนนั้นของตนมา แล้วกล่าว “งั้นฉันไม่จำนำแล้ว ฉันไปจำนำที่อื่น” เจ้าของร้านรีบกุมนาฬิกาไว้ในมือ ไม่คืนให้ฝนสุดา

“ทำอะไรหนะ เอานาฬิกาคืนมานะ!” ฝนสุดาร้อนใจ ยื่นมือไปแย่งนาฬิกาในมือ

เจ้าของร้านยืนขึ้น ยิ้มไปที่ฝนสุดา แล้วกล่าว “สาวน้อย อย่าเพิ่งร้อนรน ความจริงที่คุณอยากได้ห้าแสนหนะ ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้”

ฝนสุดาขมวดคิ้ว แล้วจ้องไปที่เจ้าของร้าน “หมายความว่าไง?”

“เหอะเหอะ ก่อนอื่น ต้องรู้ก่อนว่า คุณต้องทำตามที่ผมบอก อย่าว่าแต่ห้าแสนเลย ห้าล้านก็ยังได้” เจ้าของร้านยิ้มอย่างร้ายกาจ

ฝนสุดาถอยหลังสองก้าว แล้วมองไปที่เจ้าของร้านอย่างหวาดกลัว “แกจะทำอะไร?”

ในขณะเดียวกันนี้เอง ในโรงจำนำมีคนเดินออกมาก อายุราวๆยี่สิบกว่าปี เป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย ตามมาด้วย การ์ดหลายคน

เมื่อวัยรุ่นคนนั้นเดินออกมาเห็นฝนสุดาแล้ว ตาเป็นประกาย แล้วรีบถามว่า “เจ้านายคำรบ นี่คือสาวสวยที่คุณบอกผมก่อนหน้านี้หรอ? แม่ง นี่มันเทพีชัดๆ”

เจ้านายคำรบยิ้มพยักหน้า จากนั้นมองไปที่ฝนสุดา แล้วกล่าว “สาวน้อย ฉันไม่อุบเอาไว้ล่ะ นี่คือคุณชายของเจ้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง ตุรียะ เขาชอบคุณ เพียงแค่คุณยอมเป็นผู้หญิงของเขา อนาคตจะมีเงินนับไม่ถ้วน ไม่จำเป็นต้องมาโรงจำนำของฉันแล้ว คิดดูดีๆ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท