พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่623พุ่งลงหน้าผา

บทที่623พุ่งลงหน้าผา

บทที่623พุ่งลงหน้าผา

ที่หน้าผา เงาร่างสิบกว่าร่างนอนกองอยู่บนพื้น ต่างก็ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว

อนันยชยืนอยู่ข้างหลังของคนที่ยังหายใจอยู่ มองไปด้วยสายตาเย็นชา

“แกทำให้คุณหนูของพวกเราตาย พวกเราคนตระกูลก้องวณิชกุลจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!”คนๆนั้นกัดฟันกรอด ตะโกนไปที่อนันยช

“ตระกูลก้องวณิชกุล ที่ญี่ปุ่นนั่นนะ”อนันยชพูดเสียงเรียบ

“ในเมื่อแกรู้แล้ว ก็ไปรับผิดที่ตระกูลก้องวณิชกุลเสียสิ ไม่งั้นแกไม่ได้ตายดีแน่”คนๆนั้นพูดต่อ

อนันยชยิ้ม ถามขึ้น“แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”

คนๆนั้นชะงัก จู่ๆรู้สึกว่าอนันยชพูดจี้ใจดำ เขาไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือใครกัน ที่นี่ห่างจากภาคพื้นดินเสียด้วย แค่ใช้กลยุทธ์นิดหน่อย ก็แทบจะตรวจสอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ที่จริงขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ผมชื่ออนันยชจากตระกูลนิธิวรสกุล”อนันยชค่อยๆเอ่ยปากขึ้น

คนๆนั้นจ้องถมึงทึง ในฐานะตระกูลชั้นนำระดับโลก แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลนิธิวรสกุล

“แค่แกไม่สามารถถ่ายทอดข้อความออกไปได้แค่นั้นเอง”

พูดจบ อนันยชยกเท้าขึ้น เหยียบลงไปบนคอของคนๆนั้น ออกแรง คนๆนั้นดิ้นร้าวรานอยู่สองสามที จากนั้นจึงนิ่งสงบลง

หลังจากที่จัดการคนสุดท้ายเรียบร้อย อนันยชจึงเดินไปที่ริมหน้าผา มองลงไปยังหน้าผาที่มืดสนิท มีเสียงคลื่นกระทบตามหินผาดังมา

ตัวเขาเองก็ยังคิดไม่ถึง ว่าด้านหลังจะมีการเปลี่ยนแปลงไปถึงเพียงนี้ คุณหนูแห่งตระกูลก้องวณิชกุลพารพีพงษ์ทุลักทุเลไปยังหน้าผา

คนของตระกูลนิธิวรสกุลอีกคนหนึ่งเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังอนันยช เปิดปากพูดขึ้น“คุณชายครับ ศักยภาพตระกูลก้องวณิชกุลประมาทไม่ได้นะครับ แม้ว่าคนที่นี่จะได้รับการจัดการไปหมดแล้ว แต่เราคาดเดาไม่ได้ว่ามีบางส่วนที่ได้หลบหนีออกไปหรือเปล่า ถ้าเรื่องถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะทำให้ตระกูลก้องวณิชกุลโดนซ้ำเติม”

“ไหนๆก็ ที่นี่ไม่ใช่ภาคพื้นดิน จะตรวจสอบก็ไม่ง่ายนัก แล้วก็แค่ตระกูลก้องวณิชกุลตระกูลเดียวเอง แต่ต่อไปคงไม่แล้วล่ะ ผมอนันยช จะทำให้ตระกูลนิธิวรสกุลก้าวขึ้นสู่เวทีให้ได้!”

อนันยชเต็มไปด้วยความผยอง ทั่วร่างสั่นสะท้านไปด้วยพลังงานปฏิปักษ์

คนของตระกูลนิธิวรสกุลคนนั้นก็ตกตะลึงด้วยพลังงานของอนันยช จึงรีบยกมือขึ้นคำนับ“คุณชายปราดเปรื่อง!”

“แกบอกว่าพวกเขาสองคน ตกลงไปจากตรงนี้ คิดว่ายังมีโอกาสรอดชีวิตไหม”อนันยชถามขึ้น

คนๆนั้นหันไปทางหน้าผามองทีหนึ่งแล้วพูดขึ้น“จากตรงนี้ถึงข้างล่างน่าจะราวๆสักหนึ่งร้อยเมตร แล้วด้านล่างก็เป็นน้ำทะเลที่ประมาณความลึกไม่ได้ ริมฝั่งที่ปีนขึ้นมาได้โดยรอบ และในระยะรัศมีไม่กี่กิโลเมตรนี้ รพีพงษ์ที่โดนคุณชายซ้อมเสียปางตาย อีกคนก็เป็นเพียงผู้หญิงร่างบอบบาง ถ้ามีชีวิตรอด ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้วครับ กระผมคิดว่า ไอ้สวะนั่น สวรรค์ไม่น่าจะช่วยเหลือดูแล”

อนันยชยิ้มขึ้น จากนั้นหันตัวกลับ เดินไปทางหน้าผา

“จัดการตรงนี้ให้เรียบร้อยหน่อย รพีพงษ์มันตายแล้ว ปล่อยข่าวออกไปแบบนี้ ต่อให้พวกเราไม่ทำอะไร พวกศัตรูตระกูลลัดดาวัลย์ที่ผ่านมา จะปล่อยเอาไว้สักคนไม่ได้ทั้งนั้น”

“ครับ!”

……

ที่บ้านของณัฐ

อาใฝ่ธรรมกับป้าภัคทีมาทั้งคู่กำลังง่วนอยู่ในครัว ณัทก็คอยเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ อารียายืนอยู่ด้านข้างอยากเข้าไปช่วย ก็โดนอาใฝ่ธรรมกับป้าภัคทีมาขวางไว้

“คุณอาใฝ่ธรรมคุณป้าภัคทีมาคะ ให้หนูช่วยนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำ”

อารียาเปิดปากพูด

“ไม่ต้องไม่ต้อง หนูร่างกายบอบบาง เรื่องแบบนี้ให้ณัททำเถอะจ๊ะ หนูไปนั่งรอเถอะนะ พวกเราทำแป๊บเดียวเสร็จ”คุณอาภัคทีมาพูด

อารียาได้แต่เดินไปที่โต๊ะอาหารอย่างอ่อนใจ เธอเหลือบดูเวลา คิดว่ารพีพงษ์ออกไปนานมากแล้ว ตามหลักก็น่าจะจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก

คิดอยากจะถามว่าตอนนี้รพีพงษ์อยู่ที่ไหน อารียาหยิบมือถือออกมาก กดโทรหารพีพงษ์

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”เสียงที่เย็นชาดังลอดมาตามสายโทรศัพท์

อารียาขมุ่นคิ้ว บ่นพึมพำ“ตานี่นี่นะ ทำไมถึงปิดโทรศัพท์นะ หรือว่ากลัวว่าฉันจะไปรบกวนเขา”

แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วางมือถือไว้ข้างตัว แล้วรอต่อไป

ผ่านไปไม่นานนัก คุณอาใฝ่ธรรมกับคุณป้าภัคทีมาทำอาหารเสร็จแล้ว จึงยกอาหารขึ้นวางบนโต๊ะ อาหารวางเรียงเต็มโต๊ะ ล้วนเป็นอาหารถนัดของคุณอาใฝ่ธรรมและคุณป้าภัคทีมาแค่ดูก็ยั่วน้ำลายแล้ว

“พี่แคลร์ ก็เพราะพี่กับพี่รพีพงษ์อยู่นี่แหละพ่อกับแม่ถึงทำอาหารดีขนาดนี้ ถ้าเป็นผมอยู่บ้านนะก็คงมีแต่ผักดองแหละ”ณัทวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ พูดอย่างขบขัน

คุณอาใฝ่ธรรมกับคุณป้าภัคทีมาจ้องเขาตาเขม็ง คุณป้าภัคทีมาพูดขึ้น“พวกเราจะทำให้แกหิวแล้วเป็นไง ถ้าแกไม่พอใจ มื้อนี้ก็อย่ากินเลย”

ณัทรีบอ้อนวอน แล้วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร

“รพีพงษ์ไปไหนเนี่ย ทำไมป่านนี้ยังไม่โผล่อีก”คุณป้าภัคทีมามองดูอารียา แล้วถามขึ้น

“เขามีธุระต้องจัดการน่ะค่ะ เมื่อกี้หนูโทรหาเขา แต่ว่ามือถือปิด คงแบตหมดน่ะค่ะ ประเดี๋ยวก็คงกลับ ”อารียาเอ่ย

คุณป้าภัคทีมาพยักหน้า ยิ้มเอ่ย“ไม่เป็นไรจ๊ะ ไม่รีบ พวกเรารอรพีพงษ์กลับมากินข้าว”

อารียาตอบรับ หากแต่ในใจกลับรู้สึกไม่มั่นคง รพีพงษ์ปิดมือถือ เป็นครั้งแรกที่ปิดนานขนาดนี้ ปกติรพีพงษ์ไม่ค่อยเล่นมือถือ วางไว้ทั้งวันแบตก็ไม่มีปัญหา ตามหลักแล้วแบตไม่น่าจะหมดนี่นา และรพีพงษ์ก็บอกอารียาเอาไว้ เพื่อให้เธอติดต่อได้ รพีพงษ์จะเปิดเครื่องไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

หรือว่าคนตระกูลเชาวกรกุลจะรับมือยาก ขนาดรพีพงษ์ก็ยังรับมือไม่อยู่

อารียานิ้งงัน จากนั้นหยิบมือถือออกมา โทรหารพีพงษ์

มือถือยังคงปิดอยู่

อารียาครุ่นคิด จากนั้นจึงโทรหาฝนสุดา

มือถือก็ปิดเหมือนกัน

อารียารู้สึกร้อนใจขึ้นมา ในหัวคิดอะไรฟุ้งซ่านต่างๆนานา

“คุณอาใฝ่ธรรมคุณป้าภัคทีมาคะ ทานกันไปก่อนนะคะ หนูออกไปตามหารพีพงษ์หน่อย ให้เขารีบกลับ”

อารียาผลุงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทางด้านนอก

ในเวลานี้เอง ผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง หลังจากที่เห็นอารียา จึงพยักหน้า“ขอเรียนถาม คุณคือคุณอารียาใช่ไหมครับ”

อารียามองชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง แล้วพยักหน้าตาม“ฉันเอง มีอะไรคะ”

“ขอให้คุณรีบเก็บของเดี๋ยวนี้เลยครับ แล้วตามผมออกจากที่นี่ ผมเตรียมเรือไว้แล้ว นอกจากของมีค่า ทิ้งเอาไว้อย่าเพิ่งเอาไป ตอนนี้ต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน”ชายคนนั้นกล่าว

อารียาหวาดกลัวขึ้นมาทันที ครอบครัวคุณอาใฝ่ธรรมก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจู่ๆคนๆนี้อยากทำอะไร

“ฉันไม่รู้จักคุณ ทำไมต้องไปกับคุณ”

คนๆนั้นถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ จากนั้นจึงหยิบสร้อยเส้นหนึ่งขึ้นมา“ผมมารับคุณตามคำสั่งของคุณหนูน่ะครับ คุณหนูบอกว่าคุณเห็นอันนี้แล้วจะเข้าใจเอง”

อารียาจ้องมองสร้อย ม่านตาหดลง นี่คือสร้อยคอของฝนสุดา

“ตกลงเกิดอะไรขึ้น คุณเล่ามาให้ละเอียด”อารียาเปิดปากถาม

“หลังจากที่คุณหนูกับคุณรพีพงษ์จัดการกับตระกูลเชาวกรกุล ตอนกลับมาเจอคนสองคนที่อ้างว่าเป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล มีคนหนึ่งฝีมือเฉียบขาดมาก คนของเราตายด้วยน้ำมือเขาเกือบทั้งหมด คุณหนูกับคุณรพีพงษ์ขี่มอเตอร์ไซต์พุ่งลงไปในหน้าผา เป็นตายยังไม่รู้”ชายคนนั้นอธิบายออกมาทีละคำอย่างเจ็บปวด

อารียาฟังคำพูดของเขา รู้สึกว่าตาลาย ตัวพับตัวอ่อน แล้วเป็นลมล้มพับไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท