พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย

บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย

บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย

เมืองปากซำ

ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ยืนออกันอยู่ตรงท่าเรือ

รพีพงษ์นอนเอนกายอยู่บนเตียงๆหนึ่ง สีหน้าซีดเผือด ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย ริมฝีปากของเขาค่อยๆเปิดขึ้น และสั่นเทาขึ้นมาทีสองที ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อย ไม่ว่าใครเห็น ก็ต้องคิดว่าเป็นศพๆหนึ่งที่นอนราบอยู่

ในเวลานี้เด็กสาวอายุสิบแปดคนหนึ่งที่อยู่ในห้องจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความใคร่รู้ เธอกวาดทั้งสองตาไปมาอยู่บนร่างรพีพงษ์ เธอรู้สึกเบื่อเล็กน้อย

ผ่านไปไม่นาน ริมฝีปากของรพีพงษ์ขยับขึ้น รพีพงษ์ส่งเสียงแหบพร่าออกมาเป็นระยะ“ น้ำ……น้ำ……”

เมื่อเด็กสาวได้ยินเสียง เธอจึงเบิ่งตาโพลงขึ้น แล้วรีบร้อนวิ่งออกไปข้างนอก ตะโกนว่า“พี่ฝนสุดา ดูเหมือนเขาจะตื่นแล้วล่ะ เขากำลังพูดอยู่!”

จากนั้นฝนสุดาที่สวมชุดเรียบจึงวิ่งพุ่งเข้ามา เธอถลามาอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ เอาหูแนบใกล้ หลังจากที่ฟังชัดแล้วว่ารพีพงษ์พูดว่าอะไร จึงรีบพูดกับเด็กสาวคนนั้น“น้ำ เขาอยากดื่มน้ำ รีบไปเอาน้ำมาเร็ว”

เด็กสาวรีบพยักหน้า วิ่งไปเอาน้ำจากด้านนอกมาแก้วหนึ่ง ยื่นให้ฝนสุดา

ฝนสุดาขยับแก้วน้ำเข้าไปที่ปากของรพีพงษ์ เทลงไปเล็กน้อย รพีพงษ์จึงไอสำลักขึ้นมาอย่างหนัก ฝนสุดาตกใจจนไม่รู้ควรจะทำอย่างไร

“พี่ฝนสุดา พี่ป้อนน้ำแบบนี้ เขาจะสำลักตายได้นะ คุณหมอบอกว่าอวัยวะภายในทั้งห้าของเขาได้รับบาดเจ็บ การไอหนักๆจะกระทบถึงบาดแผลภายใน”เด็กสาวเปิดปากพูด

ฝนสุดาถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ“น้องดา แล้วพี่ควรจะป้อนยังไงดี พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”

สาวน้อยที่ชื่อว่าดากระพริบตาปริบๆ ยิ้มออกมาอย่างแสนร้าย พูดขึ้น“ตอนนี้เขานอนอยู่ พี่จะเทลงไปแบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างเขาได้รับบาดเจ็บหนักมา ต้องค่อยๆจิบ หนูรู้ว่ามีอีกวิธีหนึ่ง รับรองว่าอ่อนโยนและได้ผล ก็คือ……”

“ก็คืออะไร เธอรีบบอกวิธีมาเร็ว พี่ใจร้อนจะแย่”ฝนสุดาสีหน้าร้อนใจ

“ฮิฮิ ที่จริงมันง่ายมากเลย พี่ก็ใช้วิธีป้อนแบบปากต่อปากสิ แต่เด็กอาจจะไม่เหมาะที่จะดู”ดาณิมาหรี่ตาพูด

ฝนสุดาหน้าแดงก่ำขึ้นทันที แต่คิดดูอีกทีก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลยทีเดียว

เธอจ้องมองรพีพงษ์ เห็นรพีพงษ์สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ และยังคงร้องขอน้ำ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดพึมพำ“แค่จะให้คุณดื่มน้ำเฉยๆนะ ไม่ได้คิดจะแต๊ะอั๋งอะไร อืม แบบนั้นแหละ”

พูดจบ เธอจึงหันไปมองดาณิมา แล้วพูดขึ้น“ยังจะมัวยืนดูอะไรอีกเล่า รีบออกไปสิ”

ดาณิมาแลบลิ้นให้กับฝนสุดา จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างนึกสนุก

ฝนสุดาดื่มน้ำเข้าไปคำหนึ่ง จ้องมองไปที่ริมฝีปากของรพีพงษ์ จากนั้นจึงแนบกายตัวเองลงไป เริ่มป้อนน้ำรพีพงษ์

อาจจะเป็นเพราะว่ากระหายน้ำมากเกินไป ในตอนที่รพีพงษ์สัมผัสน้ำได้ จึงดูดอย่างกระหาย

ฝนสุดาจ้องตาโต หน้าแดงก่ำขึ้น

ฝนสุดาจึงค่อยๆป้อนน้ำเข้าปากรพีพงษ์ด้วยวิธีนี้ ในตอนที่วางแก้วน้ำลงท้ายที่สุด ฝนสุดาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นกองรัว

ดื่มน้ำหมดไปสักพัก ดวงตาของรพีพงษ์จึงค่อยๆขยับขึ้น แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างลำบากยากเข็ญ ในที่สุดหนังตาของรพีพงษ์ก็ลืมขึ้นมาได้

รพีพงษ์หรี่ตามองไปรอบตัว ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นที่ม่านตา คือภาพฝนสุดาผู้มีใบหน้า

แดงก่ำที่กำลังตบหน้าอกเขาเบาๆให้ราบเรียบ

จากนั้นรพีพงษ์ค้นพบว่าตัวเองนอนอยู่ในสถานที่ๆจัดว่าสะอาดสะอ้าน แต่ค่อนข้างเรียบง่าย

ความทรงจำในหัวค่อยๆผุดขึ้น เขาจำได้ว่าก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำ เขาโดนอนันยชซ้อมปางตาย จากนั้นฝนสุดาพาคนมาช่วยเขา อนันยชไล่ตามมา ฝนสุดาจึงขับรถพุ่งลง หน้าผา แล้วตกลงมาในทะเลใหญ่

จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก

“เธอเป็นอะไร ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ พวกเราอยู่ที่ไหน”รพีพงษ์จ้องฝนสุดาเอ่ยถาม

ฝนสุดาจงใจข้ามสองคำถามแรกของรพีพงษ์ไป แล้วพูดขึ้น“พวกเราอยู่ที่บ้านของอาดุลเขาเป็นคนช่วยพวกเราเอาไว้ พวกเขาบอกว่าที่นี่คือเมืองปากซำ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือที่ไหน”

รพีพงษ์ค่อยๆฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเมืองปากซำ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเมืองๆนี้เลย จำได้เพียงเลือนราง ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆที่ค่อนข้างธุรกันดารทาง ตอนใต้เมืองหนึ่ง เพราะว่าเมืองไม่ใหญ่มาก เลยไม่ค่อยขึ้นชื่อ

เขาอยากลุกขึ้นจากเตียง หลังจากที่ออกแรงขึ้นครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นที่หน้าอกทันที ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงทีเหลืออีกครึ่งหนึ่งได้

“อย่าขยับสิ อวัยวะภายในของคุณบาดเจ็บมากนะ ตอนนี้ได้แต่นอนเอนอย่างเดียว”ฝน สุดาพูดขึ้นอย่างห่วงใย

“ฉันสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“ห้าวันได้”ฝนสุดาตอบ

สีหน้ารพีพงษ์เปลี่ยนโดยพลัน จากสถานการณ์ตัวเองตกลงไปในทะเลห้าวันไม่มีใครพบทุกคนคงคิดว่าเขาตายไปแล้วมั้ง

เขารู้ว่าตอนนี้อารียาคงจะร้อนรนดุจไฟผลาญ จึงอยากจะรีบโทรหาอารียาทันที เพื่อที่จะบอกว่าเขาปลอดภัยดี แต่เขาขยับไม่ได้แม้เพียงน้อยนิด

ฝนสุดาอ่านใจรพีพงษ์ออก จึงพูดขึ้นอย่างหึงหวง“คุณอยากโทรหาอารียาสินะ มือถือคุณพังไปแล้ว ถ้าคุณยังจำเบอร์ได้ ฉันจะไปยืมโทรศัพท์อาดุลให้”

เดิมทีเธอคิดว่ารพีพงษ์ฟื้นขึ้นมาแล้ว คงจะรู้สึกซาบซึ้งที่เธอช่วยเขาเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าคนแรกที่รพีพงษ์จะคิดถึงก็คืออารียา จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวค่อยโทรก็ได้ พวกเรามาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร หน้าผานั่นสูงขนาดนั้นตกลงมา ไม่น่ารอดชีวิตได้ง่ายๆ”รพีพงษ์ดูออกว่าฝนสุดาหึงหวง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ต้องขอบคุณรถมอเตอร์ไซต์ที่ฉันขี่วันนั้นน่ะ รถคันนั้นฉันยืมจากคนแถวนั้นวันนั้นเอง วันนั้นรถคันนั้นกำลังจะเอาเสื้อชูชีพไปส่งที่ท่าเรือ แล้วเสื้อชูชีพพวกนั้นก็ผูกอยู่ท้ายรถพอดี ในตอนที่เราตกลงไปในทะเลนั้น ฉันออกแรงอยู่มากกว่าจะจับนายใส่เสื้อชูชีพนี้ได้ ตอนนั้นฉันเองก็เกือบจมลงในทะเล ต่อมาฉันก็คิดว่าถ้าฉันตายไปเธอจะทำยังไง สวรรค์รู้ว่าฉันจะไปเอาแรงมหาศาลแบบนั้นมาจากที่ไหน ฉันก็เลยสวมเสื้อชูชีพให้ตัวเองด้วย”

“ในตอนนั้นกระแสน้ำเชี่ยวกราก เราสองคนถูกกระแสน้ำพัดพาไป ฉันกลัวว่าจะแยกจากนาย ก็เลยกุมมือนายไว้แน่นไม่ปล่อย ต่อมาเป็นเพราะฉันเองก็เหนื่อยเกินไปก็เลยเป็นลมล้มพับ พอตื่นมาก็พบว่าเราสองคนนอนอยู่ในเรือประมงแล้ว ก็คือเรือประมงของอาดุลลำนี้แหละ เขาบอกว่าตอนนั้นเราสองคนกอดกันกลม มือฉันจับมือเธอไว้ จะยังไงก็แยกจากกันไม่ออก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่เป็นลมจะมีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้”

“เราสองคนดวงดีเป็นบ้า กระแสน้ำไม่ได้พัดพาเราลงไปในทะเลใหญ่ แต่พัดมาที่เวิ้งของเกาะพระจันทร์นี่แทน ตอนนี้อาดุลกำลังออกเรือตกปลา ถึงได้มาเจอพวกเราเข้า”

“คิดๆดูก็แปลกดีนะ พอถึงเวลาจวนตาย พวกเราก็โชคดีรอดตายหวุดหวิด บางทีสวรรค์อาจจะซาบซึ้งใจในเราสองคนก็ได้ ถึงได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขนาดนี้”

ฝนสุดาพูด พลางทำสีหน้าทอดอารมณ์

รพีพงษ์ฟังฝนสุดาบรรยายอยู่เงียบๆ แม้ว่าเธอจะบรรยายได้อย่างเบาพริ้ว แต่ว่าอันตรายในตอนนั้น คงจะยากที่จะจินตนาการออก เธอสาวน้อยคนเดียว กลับสามารถจับตัวเองเอาไว้ได้ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ จะต้องใช้ความแน่วแน่เหนือคนปกติถึงจะทำได้

หรือว่า หญิงสาวคนนี้ ชอบเขามากขนาดนี้เลยหรือ

เรื่องที่ฝนสุดาช่วยชีวิตเธอเอาไว้นั้น ในใจของรพีพงษ์รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณอย่างเหลือประมาณ ความรู้สึกดีๆที่สาวน้อยคนนี้มีให้ ทำให้รพีพงษ์เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

ยิ่งฝนสุดาทุ่มเทให้กับเขามากเท่าไหร่ ในใจของรพีพงษ์ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าฝนสุดาต้องการอะไร เพียงแต่เขาแค่ให้ไม่ได้ก็เท่านั้น

เป็นนาน กว่ารพีพงษ์จะกลั่นคำว่า“ขอบคุณ”ออกมา

ฝนสุดาก้มหน้าลง แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา

เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม คนที่ถูกพะเน้าพะนอ อยากได้ลมฝนก็บันดาลได้อย่างเธอ แต่พอมาอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์กลับพอใจอะไรได้ง่ายๆเช่นนี้

ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังหึงหวงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้เพียงแค่คำพูดขอบคุณอย่างง่ายๆของรพีพงษ์เธอก็ยิ้มออกมาจากใจได้อย่างไม่ตะขิดตะข่วง

ท่ามกลางบรรยากาศอันลุ่มลึกของคนทั้งคู่ เสียงของดาณิมาก็ดังขึ้น“พี่ฝนสุดา พี่ป้อนน้ำเสร็จหรือยัง หนูเชิญหมอมาแล้วนะ”

รพีพงษ์งุนงงเล็กน้อย มองไปที่ฝนสุดา นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองหิวน้ำเหลือเกิน จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงอะไรนุ่มๆที่ริมฝีปาก

“เมื่อครู่เธอ……ป้อนน้ำฉันยังไงเหรอ”

รพีพงษ์เลียไปที่ริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงความหวานละมุน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท