พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว

บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว

บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว

ฝนสุดาใจเบาหวิวชั่วขณะ เธอไอขึ้นเบาๆสองที แล้วจงใจละเลยคำถามของรพีพงษ์ไป หมุนตัวกลับแล้วเดินออกจากประตู

“น้องดา รีบพาหมอเข้ามาเถอะ เขาตื่นแล้วล่ะ”ฝนสุดาเอ่ยปาก

รพีพงษ์เห็นทีท่าของฝนสุดา ยิ่งรู้สึกว่าวิธีการป้อนน้ำแบบนี้ไม่ธรรมดาเลยเสียจริง เพียงแต่ตอนนั้นสติเขาเลือนลางไปหน่อย จึงจำได้แต่เพียงสัมผัสอ่อนโยนอันเลือนราง นอก เหนือจากนั้นเขานึกอะไรไม่ออกจริงๆ

ในเวลานี้เองน้องดาพาชายชราเขามาคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ตื่นแล้ว น้องดาจึงรีบประเมินสายตาดู จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างผิดหวัง“พี่ฝนสุดา เขาก็ดูธรรมดานี่นา พี่สวยงาม ราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ทำไมถึงได้ชอบเขาล่ะ”

ฝนสุดาจ้องน้องดาถมึงทึง พูดว่า “เด็กกะโปโลอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร”

จากนั้นเธอจึงเอ่ยปากพูดกับรพีพงษ์ว่า“นี่คือดาณิมา ลูกสาวของอาดุลที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ไม่กี่วันนี้ยัยหนูช่วยเหลือฉันได้ไม่น้อย”

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของดาณิมาเมื่อครู่ หากแต่มองหล่อนด้วยความขอบคุณ “ขอบใจนะ”

“คนที่คุณควรขอบคุณไม่ใช่หนูหรอกนะ แต่เป็นพี่ฝนสุดาต่างหาก คุณไม่รู้หรอก สองสามวันที่คุณสลบไป พี่ฝนสุดาได้นอนวันละสามชั่วโมงเอง เวลาที่เหลือเธอคอยเฝ้าคุณอยู่ ตลอด คอยดูสายน้ำเกลือให้ เปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหน้า เช็ดตัวให้ คุณเจ็บจนส่งเสียงร้องประหลาด พี่ฝนสุดาก็คอยลูบหน้าผากคุณ จนกระทั่งคุณสงบลง ในตอนที่คุณพ่อพาพวกคุณกลับมา มือของพี่ฝนสุดาสวยมากเลยนะ ดูก็รู้ว่าเป็นมือของพวกคุณหนู แต่เธอกลับตรากตรำทำอะไรให้คุณมากมาย จนมือแตกยับไปไม่รู้กี่ครั้ง ต่อไปพี่ต้องดีกับพี่ฝนสุดาให้มากนะ”ดาณิมาพูดกับรพีพงษ์

“แหม น้องดา พูดเรื่องนี้ทำไมกัน”ฝนสุดามองดาณิมาอย่างตำหนิ

ดาณิมาทำหน้าทะเล้นใส่ฝนสุดา พูดว่า“ก็หนูกลัวว่าเขาจะไม่รู้ความดีของพี่นี่นา หนูรู้สึกว่าถ้าคนที่นอนราบบนเตียงเป็นคุณพ่อ คุณแม่ยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลยนะ”

รพีพงษ์มองฝนสุดาอย่างสับสน คิดไม่ถึงว่าในวันที่ตัวเองสลบไสลไม่ได้สติ ฝนสุดาได้ทำอะไรมากมายเพื่อเขาถึงขนาดนี้ รพีพงษ์รู้ดีว่าฝนสุดาเป็นคุณหนูตระกูลก้องวณิชกุลที่ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจ เขาจึงเกิดความรู้สึกประหลาดอยู่เบื้องลึก ยากที่จะเอื้อนเอ่ย

ฝนสุดาจงใจหลบหลีกสายตาของรพีพงษ์ มองไปทางคุณหมอที่ดาณิมาแล้วพูดว่า“รีบให้คุณหมอตรวจเถอะนะ เมื่อกี้เขาเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ถ้าอาการหนัก ฉันจะหาทางพาเขาไปรักษากับหมอในเมืองหลวง”

ดาณิมาพยักหน้า จากนั้นจึงให้คุณหมอตรวจอาการรพีพงษ์

คุณหมอหยิบหูฟังออกมา กับเครื่องมือที่ใช้รักษา แล้ววางลงข้างตัว เขานั่งอยู่ขอบเตียง จับชีพจรให้รพีพงษ์เป็นอันดับแรก

เมื่อวินิจฉัยออกมาแล้ว คุณหมอยิ่งขมุ่นคิ้วแน่นขึ้น สบตารพีพงษ์ด้วยแววตาประหลาดใจ ฝนสุดาที่ดีใจเพราะรพีพงษ์ฟื้นขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าของคุณหมอ ในใจจึงเกิด ความรู้สึกที่ไม่สงบ

บรรยากาศในห้องอึมครึมขึ้นมาทันที นอกจากเสียงลมหายใจของคุณหมอ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรอีก

ในที่สุด คุณหมอจึงวางเครื่องมือในมือลง จ้องมองรพีพงษ์ แล้วพูดขึ้น“ผมเป็นหมอมานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเจ็บหนักขนาดนี้ แต่ยังมีชีวิตรอด ถ้าผมเดาไม่ผิด หน้าอกของคุณคงโดนของหนักกระทุ้งเข้าอย่างแรง ถ้าเป็นคนปกติธรรมดา การโจมตีที่แรงขนาดนี้ คงสลายไปถึงวิญญาณแล้วล่ะ”

“ผมได้ตรวจดูกระดูกคุณเมื่อครู่แล้ว กระดูกคุณแข็งกว่าคนทั่วไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรอดชีวิตมาได้ก็ได้”

“เพียงแต่เครื่องในทั้งห้าของคุณได้รับการบาดเจ็บหนักก็เท่านั้น ถึงขนาดไฟชีวิตใกล้มอดเลยทีเดียว ต่อให้เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด เกรงว่าก็คงไม่น่าจะทำให้คุณหายดีเหมือนเดิมได้ ผมทำนายว่าคุณมีอายุอยู่ได้อีกแค่เดือนสองเดือนเท่านั้น”

“สองเดือนที่เหลือนี้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเถอะ ผมหมดหนทางรักษาแล้ว”

คุณหมอพูดจบ จึงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้

ฝนสุดาฟังคำพูดของหมอ น้ำตาหยดลงติ๋งๆจากเบ้า เธอยืนตรงหน้าหมออย่างร้อนรน พูดขึ้น“คุณหมอคะ คุณหมอดูผิดหรือเปล่าคะ เขาก็ยังดีๆ จะเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนได้ไง ขอร้องล่ะค่ะ คุณหมอดูใหม่ได้ไหมคะ เขาจะตายง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

คุณหมอส่ายหน้า พูด“เขาบาดเจ็บถึงขนาดี้ ต่อให้ผมแก่จนตาลาย ก็ดูไม่ผิดหรอก ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีน หรือ แพทย์แผนตะวันตก ต่อให้แพทย์ที่ล้ำเลิศที่สุดอย่างฮว๋าทัวยังมีชีวิตอยู่ ถ้าได้มาเห็นบาดแผลเขา ก็คงสรุปแบบผมนี่แหละ”

ฝนสุดาน้ำตาไหลพรากทันที“เป็นไปไม่ได้!คุณหมอดูผิดแน่นอน”

“พี่ฝนสุดา คุณหมอคนนี้เก่งที่สุดในเมืองปากซำของเราแล้วนะ มาตรฐานการตรวจของเขา เหลือล้ำกว่าพวกหมอตามโรงพยาบาลอีก เขาดูไม่ผิดหรอก พี่อย่าตีโพยตีพายไป”ดาณิมามองฝนสุดาอย่างเห็นใจ

คุณหมอเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป

รพีพงษ์ก็นึกไม่ถึงว่าหมอจะสรุปผลการตรวจของเขามาแบบนี้ ในเมื่อเหลือเวลาชีวิตอีกเพียงหนึ่งถึงสองเดือน สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นข่าวสายฟ้าฟาดข่าวหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนกแบบฝนสุดา ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย รพีพงษ์ก็ยังคงสงบนิ่ง

ดาณิมาจ้องมองรพีพงษ์กับฝนสุดา แล้วเริ่มพูด“คือว่า หนูออกไปก่อนนะคะ พี่ฝนสุดา อย่าตื่นตระหนกจนเกินไปนะคะ คุณหมออาจจะยังไม่ฟันธงก็ได้ เราอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้”

พูดจบ ดาณิมาจึงเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตู

ฝนสุดาน้ำตาไหลไม่หยุด เธอจ้องมองรพีพงษ์ครู่หนึ่ง เห็นรพีพงษ์นอนจ้องเพดานเหม่อลอย จากนั้นยืนขึ้น เช็ดน้ำตา เดินออกจากห้องไป

ผ่านไปไม่นานนัก ฝนสุดาเดินกลับเข้ามาจากข้างนอก ในมือถือโทรศัพท์มาด้วย นั่งลงข้างรพีพงษ์

“ฉันรู้ว่าตอนนี้นายคิดถึงแคลร์ นายคงอยากจะโทรหาเธอสินะ นายบอกเบอร์ฉันมา ฉันโทรให้”ฝนสุดากลืนก้อนแข็งลงลำคอ

ในหัวรพีพงษ์เกิดภาพในอดีตขึ้นมาเป็นฉากๆ เขาคิดไม่ถึงว่า แม้ว่าตัวเองจะพ้นเคราะห์รอดตายมาได้ แต่ก็เหลือเวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น

เขาเห็นฝนสุดาถือโทรศัพท์เดินมา ใจเขาอยากจะโทรหาอารียาจริงๆนั่นแหละ

แต่เขาเหลือเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น ตอนนี้เกรงว่าอารียาคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าเขาโทรศัพท์ไปตอนนี้ อารียาอาจจะดีใจ แต่สองเดือนหลังจากนี้ เธอคงจะต้องหัวใจล่ม สลายอย่างหนัก

รพีพงษ์เป็นหนักขนาดนี้แล้ว เขาไม่อยากให้อารียาที่กำลังตั้งครรภ์ต้องได้รับความกระทบกระเทือนอะไรอีก จึงส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น“ไม่โทรดีกว่า ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะไปสร้างความหวังให้เธอทำไมกัน”

“ตาบ้า นายจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือ!ฉันไม่ยอม!ก่อนที่นายจะชอบฉัน นายตายไม่ได้!”จู่ๆฝนสุดาตะโกนขึ้น จนรพีพงษ์ตกใจ

รพีพงษ์ยิ้มขึ้น แล้วพูดขึ้น“ฉันเป็นขนาดนั้นด้วย เธอไม่จำเป็นต้องมากำชับให้ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”

“หึ นายอย่ามาใช้คำพูดแบบนี้กับฉันหน่อยเลย จะบอกนายให้ ต่อให้นายเหลือชีวิตอีกแค่สองเดือน ฉันก็จะใช้เวลาสองเดือนที่เหลือ ทำให้นายชอบฉันให้ได้”ฝนสุดาพูดพลางร้องไห้

รพีพงษ์ยิ้มส่ายหน้า ในเวลาแบบนี้ เขาไม่คิดจะถือสาหานิยายอะไรกับฝนสุดาอีกแล้วล่ะ ชีวิตนี้ของเขา ฝนสุดาเป็นคนช่วยเอาไว้ ก่อนไป ก็ทำให้เธอสมปรารถนาหน่อยดีกว่า ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจฝนสุดา

“ตกลง ถ้าเธอทำให้ฉันชอบเธอได้ ฉันก็จะคิดดูกัดฟันทนยืดชีวิตตัวเองออกไปอีกสองสามเดือน”รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด

ฝนสุดาฮึดฮัดมองรพีพงษ์ พูดขึ้น“อย่าดูแคลนเสน่ห์ของคุณหนูอย่างฉันจนเกินไป ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว ต่อให้เธอตาย ฉันก็จะสลักชื่อเธอลงไปที่ก้นบึ้งของหัวใจ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท