พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่634 เขาให้ราคามากกว่าสามเท่า

บทที่634 เขาให้ราคามากกว่าสามเท่า

บทที่634 เขาให้ราคามากกว่าสามเท่า

ห้างสรรพสินค้าเชร์สิง

โซนทำการ ณ ห้องทำงานประธาน

เจ้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงถิรเจดกำลังนั่งอยู่กับชายหัวล้าน นั่งยิ้มพลางฟังชายหัวล้านพูด คนนี้คือนายหน้าหลักของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง คอนเน็คชั่นทั้งหมดของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง ล้วนมาจากชายหัวล้านคนนี้ ถิรเจดมิกล้าเมินเฉยต่อเขาแน่นอน

“เจ้านายถิรเจด วางใจได้ ผมทำงานกับคุณมานาน ไม่มีทางให้ของขาดแน่นอน ในเรื่องของราคา เจ้านายอาจต้องยอมรับมันหน่อยนะ” ชายหัวล้านกล่าว

ถิรเจดรีบกล่าว “แกสบายใจได้ ฉันรู้ว่าสถานการณ์ของเมืองปากซำในตอนนี้ อยากที่จะหาของมา ฉันเพิ่มให้สักหน่อยก็ไม่เป็นไร”

ปัจจุบันชายหัวล้านคนนี้ยึดตลาดสินค้าไว้ที่ตัวเองแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าจะทำอะไรกับห้างสรรพสินค้าเชร์สิง แม้ถิรเจดจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

ตอนนี้เขาเป็นหนี้ธนาคารอยู่ไม่น้อย ทุกๆวันที่ลืมตาขึ้นมา ก็เต็มไปด้วยดอกเบี้ยเป็นแสนๆ ดังนั้นสินค้าของห้างขาดไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าสินค้าขาด แม้ห้างของเขาจะมีคนมากขนาดไหน แต่ไม่มีของขาย ก็จ่ายดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ดี

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอย่างมีความสุขอยู่นั้น ประตูของห้องทำงานถูกถีบออกทันใด เสียงดังปุง ทำเอาถิรเจดและชายหัวล้านตกใจกันเป็นแถวๆ

รพีพงษ์พาตุรียะเข้าไปในห้องทำงาน แล้วมองไปรอบๆอย่างสงบ กล่าว “ใครเป็นพ่อของมัน?”

ถิรเจดเห็นลูกชายตนเองถูกลากอย่างนกตัวน้อย ก็รีบยืนขึ้น แล้วกล่าว “แกเป็นใคร จับลูกฉันไว้ทำไม?”

รพีพงษ์มองไปที่ถิรเจด แล้วกล่าว “ลูกชายแกทำผิด ฉันมาเอาค่าเสียหาย”

ถิรเจดหลับตา มองไปที่ลูกชายของตน ถาม “แกไปทำอะไรไว้?”

“พ่อ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พ่อรีบให้คนจับมันเอาไว้ มันเลว ตั้งใจมาหาเรื่องถึงที่!” ตุรียะรีบตะโกนออกมา

รพีพงษ์บีบแขนของตุรียะ ตุรียะเจ็บจนร้องออกมา แล้วร้องขอว่า “หยุดหยุดหยุด ฉันทำผิดไปแล้ว”

ถิรเจดเห็นลูกตัวเองถูกรังแก ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วกล่าว “แกเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไร?!”

รพีพงษ์เล่าเรื่องที่ตุรียะสร้างขึ้นที่โรงจำนำ

ถิรเจดได้ฟัง ก็ดูแคลน เขาทราบเรื่องเหล่านี้ของลูกชายดี แต่เขามองว่า ลูกชายเขามีสิทธิ์ทำแบบนี้ ใครก็ทำอะไรลูกชายเขาไม่ได้ นั่นก็แสดงว่าคนอื่นไร้ศักยภาพ

แล้วถึงขึ้นไปโรงจำนำแล้ว ต้องเป็นคนที่ไร้ศักยภาพแน่นอน ถิรเจดกล่าวทันทีว่า “ลูกชายฉันชอบหญิงคนนั้น ถือว่าเธอโชคดี ทำไม หรือแกจะมาหาความยุติธรรมที่ฉัน? รีบปล่อยลูกชายฉันซะ แล้วไสหัวไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

รพีพงษ์เห็นท่าทางของถิรเจด ก็รู้สึกบึ้งขึ้นมา แล้วกล่าว “ที่แท้ก็ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ความจริงฉันยังคิดเลยนะ ว่าถ้าแกดีกว่านี้สักหน่อย ฉันอาจจะเมตตากว่านี้ ตอนนี้ดูๆแล้ว ไม่จำเป็นแล้วหล่ะ”

“แกจะทำอะไร?” ถิรเจดจ้องรพีพงษ์ มือข้างหนึ่งยื่นไปที่โต๊ะ กดไปที่ปุ่มสีแดง

“ความผิดของลูกชายแก ไม่ใช่แค่คำพูดกี่คำแล้วจะหายนะ เอาห้างสรรพสินค้าเชร์สิงให้ฉันซะ มิเช่นนั้น แกจะต้องแลก กับชีงิตลูกชายของแก!” น้ำเสียงของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความแค้น

หลังจากที่ถิรเจดได้ยินแล้วนั้น ก็ตาค้าง แล้วแสดงท่าทางเยาะเย้ย

“เด็กน้อย แกไม่ได้เสียสติใช่ไหม? แกจะให้ฉันเอาห้างสรรพสินค้าเชร์สิงให้แก? แกคิดว่าแกเป็นใคร? อยู่กับความฝันมากเกินไปเปล่า?” ถิรเจดประชด

ชายหัวล้านที่นั่งข้างๆหัวเราะขึ้นมา รู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้ช่างตลกสิ้นดี

รพีพงษ์ส่ายหน้า แลดูแล้วถ้าไม่ทำอะไร พวกเขาน่าจะไม่รู้ว่ากำลังยั่วโมโห ใครอยู่

แต่รพีพงษ์ยังไม่ลงมือ ก็มีเสียงเดินทางมา จากนั้น ก็เป็นคนที่สวมชุดรปภ.พุ่งเข้ามา

ถิรเจดเห็นคนพวกนั้น ก็รีบตะโกนว่า “ไอ้นี่มันจับลูกชายฉัน รีบจัดการมันซะ!”

รปภ.พวกนั้นพุ่งไปที่รพีพงษ์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมือในทันที

รพีพงษ์ปล่อยตุรียะ ก่อนที่พวกรปภ.จะมาถึงตัวเขา ก็ได้ปล่อยหมัดออกไปแล้ว

รปภ.พวกนี้เก่งกว่าคนธรรมดานิดหน่อย หมัดของรพีพงษ์ ต่อยพวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ไม่นาน คนก็นอนเต็มในห้องทำงาน

ถิรเจดเพิ่งจะรู้ถึงความสำคัญของปัญหานี้ เขาไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะเก่งขนาดนี้ รปภ.ที่เขาฝึกฝนมาจะมาพ่ายต่อหน้ารพีพงษ์ได้

รอยยิ้มของชายหัวล้านเริ่มหายไป จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมา เพื่อจะออกไปจากที่นี่ เผื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้น

“น้องชาย ผมไม่ได้เป็นพวกเขา ผมเป็นแค่นายหน้าหาสินค้าของห้างพวกเขาเท่านั้น วันนี้มาคุยงาน ในเมื่อพวกคุณมีธุระ งั้นผมก็จะไม่ขัดขวางพวกคุณ แก้ไขกันดีๆนะ ผมไปก่อน”

รพีพงษ์ยื่นมือไปขวางไว้ แล้วถาม “แกคือนายหน้าหาสินค้าห้างสรรพสินค้าเชร์สิง?” คนนั้นพยักหน้า

รพีพงษ์เกิดความคิดขึ้นมา ความจริงเขาคิดวิธีที่จะให้ถิรเจดโอนห้างให้เขาได้แล้ว แต่หลังจากที่รู้ว่าคนนี้คือนายหน้าหาสินค้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงแล้วนั้น เขาจึงคิดวิธีที่ง่ายกว่านั้นออก

รพีพงษ์มองไปที่ถิรเจด ยิ้มแล้วถาม “ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ โอนห้างให้ฉัน แล้วฉันจะไม่ใส่ใจกับเรื่องในวันนี้อีก และฉันยังให้นอกอีกหนึ่งล้านสำหรับการซื้อห้างนี้ มิเช่นนั้น พวกแกจะต้องได้รับผลที่ยากเกินจะรับได้”

แม้ถิรเจดจะกลัวรพีพงษ์อยู่บ้าง แต่ห้างนี้ ราคาห้าสิบล้านอัพ หนึ่งล้านซื้อห้างนี้ ไม่ต่างอะไรกับแย่งไป

เขาดูแคลน แล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้ ซื้อห้างฉันในราคาหนึ่งล้าน ทำไมไม่แย่งไปเลยล่ะ? แม้ลูกชายฉันจะทำผิด แกก็ไม่มีสิทธิ์ขอมากขนาดนี้ ฉันให้แกหนึ่งล้าน จบเรื่อง ถ้าไม่ได้ แกอย่าว่าฉันใช้อุบายล่ะกัน เด็กน้อย แกต้องรู้นะ ในสังคมนี้ แค่ชกต่อยเก่งหนะ ไม่พอ!”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วไม่พูดใดๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่ชายหัวล้าน แล้วกล่าว “แกออกไปกับฉัน”

ชายหัวล้านกลัวขึ้นมา แต่เขากลัวรพีพงษ์ลงมือ จึงทำได้เพียงออกไปกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยื่นมือไปปิดประตู

ตุรียะเดินไปด้านหน้าของถิรเจด มองไปที่พ่อของตัวเองอย่างสงสัย แล้วกล่าว “พ่อ พ่อว่ามันคิดจะทำอะไร?”

ถิรเจดมองมองเขาอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าว “ไม่ว่ามันติดจะทำอะไร ก็ไม่มีทางแย่งห้างสรรพสินค้าเชร์สิงไปได้ ก็แค่คนโง่คนนึง จะรู้เรื่องธุรกิจได้ไงกัน น่าจะได้ยินเค้าพูดว่าเป็นนายหน้าหาสินค้า จึงได้ขอความช่วยเหลือเค้ามั้ง”

“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ งั้นวิธีที่เขาใช้ก็ชั่งงี่เง่าเหลือเกิน นายหน้าคนนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางช่วยมีนต้องช่วยเราอยู่แล้ว ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” ตุรียะเหยียดหยาม

“พอล่ะ แกยังว่ามันอีก ถ้าไม่ใช่เพราะแก จะมีปัญหามากขนาดนี้หรอ” ถิรเจดชักตาไปที่ตุรียะ

ตุรียะรีบกล่าว “พ่อ ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำอีกต่อไปแล้วเคไหม”

ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ประตูของห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง รพีพงษ์กับชายหัวล้านเดินเข้ามาอีกครั้ง

ขณะนี้ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความเกรงกลัวต่อรพีพงษ์แต่อย่างใด

“ผู้จัดการถิรยุทธ์ ไม่ว่าไอ้เด็กนี่จะพูดอะไรกับคุณ คุณอย่าถูกมันหลอกล่ะ ผมยอมเพิ่มสอบเปอร์เซ็นต์จากกำไรให้คุณ คุณคิดว่ายังไง?” ถิรเจดมองไปที่ชายหัวล้านด้วยรอยยิ้ม รู้สึกมีอะไรไม่เข้าท่า จึงรีบพูดออกมา

ชายหัวล้านยิ้ม แล้วกล่าว “เจ้านายถินเจด เอาจริงๆ คุณไม่รู้ตัวตนของท่านเลยด้วยซ้ำ วันนี้ผมไม่มีทางช่วยคุณแน่นอน”

“ผมขอประกาศ การค้าระหว่างบริษัทของเรากับคุณ หยุดลงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สินค้าของห้างคุณ หาคนอื่นทำล่ะกัน” ถิรเจดมึนงง เขาไม่คาดคิด แค่ช่วงเวลาสิบนาทีสั้นๆ นายหน้าคนนี้จะหยุดการค้าเพื่อรพีพงษ์ได้ ไม่รู้จริงๆว่ารพีพงษ์พูดอะไรกับเขา

“ผู้จัดการถิรยุทธ์ คุณเป็นอะไร พวกเราทำการค้าด้วยกันมาตั้งหลายปี ทำไมคุณถึงพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ เอางี้ ผมจะให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากกำไร นี่สุดๆล่ะ คุณน่าจะเข้าใจผมนะ?”

ถ้าของขาด ห้างสรรพสินค้าเชร์สิงจะเผชิญกับการขาดเงินหมุนเวียน ถึงเวลานั้น ถิรเจดไม่เพียงล้มละลาย ไม่แน่ เขาอาจฆ่าตัวตายเลยก็เป็นได้

ชายหัวล้านมองไปที่ถิรเจดอย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “คิดจะซื้อผมโดยให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากกำไร เจ้านายถิรเจด คุณใจกว้างมากเลยนะ”

“ผมจะบอกให้ น้องชายท่านนี้ให้ราคามากกว่าสามเท่าเพื่อซื้อของเหล่านั้นของผม นอกเสียจากคุณให้ผมสามร้อยเปอร์เซ็นต์จากกำไร มิเช่นนั้น เรื่องนี้ ไม่ต้องมาคุยกันอีก!”

ถิรเจดงงเป็นไก่ตาแตก มองไปที่รพีพงษ์อย่างตื่นตระหนก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท