พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่639 ยืดอก

บทที่639 ยืดอก

บทที่639 ยืดอก

“ชิ บัตรทองไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเป็นบัตรธนาคารธรรมดาได้ล่ะ? เมื่อกี๊คุณบอกว่าเอามาทุกแบบอย่างล่ะหนึ่งนะ รวมๆกันก็น่าจะแสนกว่าๆ ฉันไม่เชื่อว่าในบัตรจะมีเงินขนาดนั้น” ญาณิศาพูดอย่างหยามเหยียด

ดาณิมาเห็นเรื่องราวมาถึงจุดนี้ เดี๋ยวถ้าในบัตรของรพีพงษ์ไม่มีเงินมากขนาดนั้น เกรงว่าจะถูกไล่ออกจากห้างแน่ๆ เธอจะรับไม่ได้เป็นอย่างมาก

ดังนั้นเธอจึงพูดกับฝนสุดาว่า “พี่สุดาช่างมันเถอะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่อีกเลย ถึงเวลานั้นเราจะเสียหน้ามากนะ”

ฝนสุดาปลอบโยนดาณิมา “สบายใจได้ดา บัตรทองที่รพีพงษ์พูดนั้นพี่ทิ้งมันไปแล้วจริงๆ แต่เงินในบัตรนี้มากกว่าอีก ไม่มีทางทำให้เธอเสียหน้าหรอก”

ดาณิมาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว

พนักงานจ้องไปที่บัตรธนาคารของรพีพงษ์ แล้วถาม “คุรแน่ใจนะว่าในบัตรมีเงิน?”

“รูดเดี๋ยวก็รู้เอง” รพีพงษ์กล่าว

พนักงานไม่ถามต่อ รับบัตรธนาคารมา แล้วไปเช็คบิลที่เคาท์เตอร์

“ฉันล่ะอยากจะรู้ ว่าเดี่ยวเงินในบัตรไม่พอ พวกแกจะหาข้ออ้างอะไรอีก” เทพภวันดูแคลน

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แล้วมองไปที่ฝนสุดา กล่าว “คุณทิ้งบัตรนั้นทำไม แม้คุณจะไม่เอา ก็ให้ดาได้หนิ”

ฝนสุดารู้สึกผิด แล้วกล่าวอย่างกลัวๆ “ก็ตอนนั้นฉันโมโหหนิ เลยไม่ได้ใส่ใจบัตรนั่น”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเซ็ง แล้วไม่พูดอะไรอีก ด้วยนิสัยของฝนสุดา แน่นอนว่าไม่ใส่ใจบัตรทองของห้างอยู่แล้ว

ไม่นาน พนักงานคิดเงินเสร็จ แล้วให้รพีพงษ์ใส่รหัสบัตร

รพีพงษ์เดินไปที่เคาน์เตอร์ ใส่รหัส หลังจากที่พนักงานเห็นชำระสำเร็จแล้วนั้น ก็ตื่นตาตื่นใจขึ้นมา

“คุณ…..คุณผู้ชาย ชำระเงินสำเร็จแล้ว ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ กรุณาให้อภัยกับท่าทีของฉันก่อนหน้านี้ด้วย” ท่าทางของพนักงานเปลี่ยนไป เป็นอ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติ

“อะไรนะ! คุณบอกว่าชำระสำเร็จ? เป็นไปได้ไง!” เทพภวันและญาณิศาทั้งคู่ตาโตขึ้นมา

พนักงานมองไปที่ทั้งสอง แล้วกล่าว “กรุณาให้เกียรติกับลูกค้าคนสำคัญของร้านเราด้วยนะ มิเช่นนั้นฉันทำได้เพียงไล่พวกคุณทั้งสองออกไป”

เทพภวันทั้งสองงงงวย เห็นแบบนี้ แต่รพีพงษ์ก็ชำระเงินสำเร็จแล้ว

ดาณิมามึนงง เธอคิดว่าถ้าบัตรของรพีพงษ์ไม่มีเงินแล้วพนักงานร้านนี้ จะเกรี้ยวกราดอย่างมาก แล้วเรียกรปภ.มาไล่พวกเขาออกไป กลับคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอคิดไว้กับความเป็นจริงจะสลับกัน

ฝนสุดากระพริบตาให้ดาณิมา ยิ้มพลางกล่าว “พี่ไม่ได้หลอกเธอ”

ดาณิมาพยักหน้า ถาม “เขา……เขาจ่ายเงินไปเท่าไหร่?”

“คุณผู้ชายได้ซื้อชุดไปทั้งหมดในราคาหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นแปดพันสามร้อยหยวน ได้รับบริการส่งของถึงบ้าน มิทราบว่าต้องการให้ส่งของให้ไหมคะ” พนักงานกล่าว

รพีพงษ์ไม่อยากถือถุงเล็กใหญ่เดินห้างต่ออยู่แล้ว จึงได้เอาที่อยู่ของดาณิมาให้พนักงานไป

“บ้าป่ะ แค่เสื้อผ้าจ่ายไปแสนเจ็ดเลยหรอ? ดาณิมา แกแน่ใจหรอว่าญาติแกคนนี้ไม่ได้ขโมยบัตรธนาคารของใครมา?” ญาณิศากล่าวอย่างรับไม่ได้

“ญาณิศา อย่าเกินไปนะ ถ้าขโมยมา เขาจะรู้รหัสหรอ?” ดาณิมาตะคอกไปที่ญาณิศา

พนักงานเห็นเหตุการณ์ รีบเดินไปด้านหน้าของญาณิศาและเทพภวัน กล่าว “พวกคุณทั้งสองอยู่ในร้านมาตั้งนาน ไม่ซื้อเสื้อผ้าก็แล้วไป แต่ยังพูดเสียดสีลูกค้าของร้านเราอีก กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ.แล้วนะ!”

เทพภวันแล้วญาณิศาสีหน้าทะมึน ไมคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นพวกเขาที่โดนไล่ออกจากร้าน

“แก!” ญาณิศาไม่พอใจ จะทะเลาะกับพนักงานร้าน

เทพภวันรีบลากชุดของเธอ นี่คือห้างสรรพสินค้าเชร์สิง มีปัญหาที่นี่ คนที่เสียเปรียบก็คือพวกเขา

“พอแล้ว พวกเราไปเถอะ ผีรู้ว่าเงินมันมาจากไหน พวกเราอย่าไปสนใจมัน”

จากนั้นเทพภวันลากญาณิศาจากไปอย่างคอตก

ดาณิมาเพิ่งจะรู้สึกหายโกรธก็ตอนนี้ เห็นเทพภวันและญาณิศาเดินไปอย่างคอตก ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

จากนั้นเธอหันหน้าไปมองรพีพงษ์และฝนสุดา น้ำตาก็ไหลออกมา

“พี่สุดา พี่รพีพงษ์ ขอบคุณพวกคุณนะ”

ตั้งแต่เข้าเรียน เธอถูกญาณิศาดูถูกมาตลอด แค่มีโอกาส ญาณิศาก็จะหยามเหยียดเธอต่อหน้าเพื่อนๆ ทำให้เธอขายหน้า

ฐานะของบ้านเธอไม่ดี เพราะว่ากลัวจะมีปัญหา จึงได้อดกลั้น ผ่านมานาน สุดท้ายเธอก็ยืดอกต่อหน้าญาณิศาได้เสียที เพราะได้สลัดความน้อยเนื้อต่ำใจทิ้งไป จึงทำให้ควบคุมน้ำตาไว้ไม่อยู่

ฝนสุดายิ้มแล้วลูบไปที่หลัง กล่าว “พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว ซื้อชุดใหม่ หนูต้องดีใจถึงจะถูกสิ”

ดาณิมาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะไม่ร้อง จากนั้นเธอก็มองไปที่รพีพงษ์ “พี่รพีพงษ์ ฉัน……ฉันเข้าใจคุณผิดไป คุณจะโกรธฉันไหม?”

“ไม่มีทาง รีบเช็ดน้ำตา เดี๋ยวพวกเราไปเดินที่อื่นกัน” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ดาณิมาพยักหน้า แล้วใช้มือเช็ดน้ำตาจนแห้ง

……

หลังจากที่เทพภวันและญาณิศาออกไปร้านไปแล้วนั้น ก็บูดบึ้ง วันนี้กะว่าจะทำให้ดาณิมาอับอาย กลับไม่คาดคิดว่าจะโดนตบหน้าอย่างรุนแรงได้ขนาดนี้

ใช้เงินแสนกว่าซื้อเสื้อผ้า ในสายตาพวกเขา เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ

แต่เรื่องนี้ กลับเกิดขึ้นกับลูกเป็ดขี้เหร่ในสายตาของพวกเขา

“ชั่งน่าโมโหจริงๆ ดูไอ้ดาณิมาสะใจสิ คิดว่าตัวเองซื้อชุด แล้วจะดูดีขึ้นมางั้นหรอ ไม่รู้จริงๆว่าชายคนนั้นเอาเงินมาจากไหน ใส่เสื้อผ้าปอนๆ แต่มีเงินเป็นแสนๆ” ญาณิศาพึมพำ

“ไม่แน่ว่าเพื่อโอ้อวดจึงได้ซื้อทุกแบบเอาไว้ แต่ผมไม่เชื่อว่ามันเป็นคนรวย” เทพภวันกล่าว

“ไม่ได้ ฉันยอมไม่ได้ ต้องหาวิธีล้างแค้น เห็นดาณิมาสะใจฉันรับไม่ได้” ญาณิศากัดฟัน

เทพภวันมองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “ความจริงที่ผมเรียกคุณมา ก็เพื่อล้างแค้น ป้าของผมเปิดร้านทองที่นี่ ตั้งอยู่ที่ตรงแถวๆทางเข้า ผมคิดวิธีต่อกลอนกับพวกมันออกแล้ว พวกเราไปที่ป้าผมตรงนั้นก่อน รอให้พวกมันออกไป แล้วค่อยให้มันรู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา!”

ญาณิศาตาเป็นประกาย แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา เดินไปร้านทองพร้อมกับเทพภวัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท