พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา

บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา

บทที่628 หนึ่งคำมั่นสัญญา

หลังจากที่รพีพงษ์กับฝนสุดาได้ยินคำพูดของชายชรา ต่างก็สะดุ้งสะเทือน

ฝนสุดาพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น“คุณลุง พูดจริงหรือคะ คุณลุงช่วยชีวิตรพีพงษ์ได้จริงๆหรือคะ”

ชายชราสีหน้าเปื้อนยิ้ม พูดขึ้น“มีความมั่นใจแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ส่วนตัวเขาด้วย”

“งั้นคุณลุงรีบดูให้เขาทีเถอะค่ะ ถ้าคุณลุงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ จะให้หนูดำน้ำลุยไฟก็ยินดี”ฝนสุดาน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน

ส่วนรพีพงษ์มองชายชราอย่างชะงักงันเล็กน้อย เขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีอะไรที่ได้มาฟรีๆ และยิ่งไม่เชื่อว่าคนที่มีความสามารถขนาดนี้จู่ๆจะวิ่งมาช่วยเขาโดยที่ไม่คาดหวังอะไรตอบแทน

“คุณลุงครับ ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่คุณลุงยื่นมาช่วย มีวัตถุประสงค์ความต้องการบางอย่างใช่ไหมครับ”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

ชายชรายิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่เลว ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ต้องมีมูลค่าในตัวทั้งนั้นล่ะ”

“คุณอยากได้อะไรจากผมครับ”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้าขอดูสถานการณ์ของเจ้าหน่อย ไว้ให้ข้ายืนยันแล้ว ข้าจะบอก แล้วเราค่อยคุยเงื่อนไขกันก็ไม่สาย”

ชายชราพูดพลาง เดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ ยื่นมือไปจับจุดบนกระดูกของรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้ต่อต้าน คนที่ใกล้ตายอย่างเขา ไม่กลัวว่าคนแก่จะฉวยโอกาสทำร้ายอะไร เขาตอนนี้หรอก

จากการสำรวจตัวรพีพงษ์ ชายชรายิ้มออกมาอย่างสดใสเรื่อยๆ บ่นพึมพำว่า“กระดูกแข็งแรงดี ชีพจรไม่ติดขัด อัจฉริยะ คิดไม่ถึงว่าข้าอายุปูนนี้ จะมาเจออัจฉริยะที่หาได้น้อยเยี่ยงนี้ มิน่าล่ะได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ยังรอดชีวิตมาได้”

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชายชรา เขาไม่ได้ตกใจอะไรนัก เพราะว่าตอนที่อาจารย์เขาพบ ในปีนั้นท่านก็ได้กล่าวไว้อย่างนั้น

หากแต่เขาแค่ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้มีหัวนอนปลายเท้าเป็นมายังไง แต่ว่าสิ่งที่ยืนยันได้คือ ชายชราคนนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

ต่อให้เป็นอนันยช ก็แค่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกได้ถึงเพียงความอันตรายเท่านั้น แต่ความรู้สึกแบบนี้ รพีพงษ์เคยสัมผัสได้จากอาจารย์ของเขา

“บาดเจ็บของเจ้า ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถสมาน ฉันมียาอายุวัฒนะที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นได้อยู่สามเม็ดพอดี ยานี้จะช่วยสมานเครื่องในทั้งห้าของเจ้าได้”ชายชราหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขย่าไปมาตรงหน้ารพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะว่าเขารู้ดี ของที่ยิ่งล้ำค่า สิ่งที่แลกเปลี่ยนต้องมีมูลค่าสูงตาม

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ คุณลุงถึงให้ยาสามเม็ดนี้กับผม”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“ง่ายนิดเดียว ข้าต้องการเพียงคำมั่นสัญญากับเจ้า”ชายชราเอ่ยปากขึ้นช้าๆ

“คำมั่นสัญญาอย่างนั้นเหรอ”รพีพงษ์ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคำเรียกร้องของชายชราจะง่ายถึงเพียงนี้ แต่บางทีคำของ่ายๆ ก็มักจะมีน้ำหนักที่หนักอึ้งถ่วงเอาไว้

“ใช่แล้วล่ะ ข้าให้ยาสามเม็ดนี้กับเจ้า ช่วยชีวิตเจ้า แต่เจ้าต้องให้คำมั่นสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง หลังจากที่เจ้าฟื้นตัวแล้ว ข้าจะขอให้เจ้าทำอะไรเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าวางใจ มีเพียงเรื่องเดียว ที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้ ถ้าเจ้าตกปากรับคำ ข้าก็จะให้ยาสามเม็ดนี้แก่เจ้า”ชายชราเอ่ยปาก

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟัง จึงรีบถามขึ้น“งั้นถ้าคุณให้ผมไปฆ่าคนในครอบครัว ผมก็ต้องไปหรือครับ”

ชายชรายิ้มให้ พูดว่า“ข้ากับเจ้าไร้ซึ่งความแค้นใดๆต่อกัน แล้วเหตุใดต้องให้เจ้าไปฆ่าคนในครอบครัวด้วยเล่า เจ้าก็น่าจะเดาออก ว่าหากข้ายื่นเงื่อนไขแบบนี้ เพราะข้าเห็นศักยภาพในอนาคตของเจ้าต่างหาก หากเจ้ามีชีวิตต่อไป ภายภาคหน้าจะยิ่งใหญ่ ผู้มากความสามารถเช่นเจ้า ข้าจักเก็บไว้ใช้ทำการใหญ่”

“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า ก็จงนำยาสามเม็ดนี้ไป หากไม่ไว้ใจ ข้าก็ไม่ฝืน”

รพีพงษ์มองขวดในมือของชายชรา แววตาลังเล

ชายชราคนนี้ดูไม่เหมือนคนร้ายแม้แต่น้อย แต่ก็แค่ดูภายนอกเท่านั้น และสิ่งที่ชายชราจะเรียกร้องก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ยิ่งเป็นแบบนี้ สิ่งที่ต้องแลกในอนาคตก็ยิ่งมีมูลค่ามหาศาล

แต่หากว่าเขาไม่รับปาก สิ่งที่เขารอ ก็มีเพียงความตายหนทางเดียว

แต่ปัจจุบันเขาบาดเจ็บถึงเพียงนี้ เกรงว่าต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็คงไร้เรี่ยวแรงกลับ สวรรค์

ในจังหวะที่รพีพงษ์กำลังสับสน ฝนสุดาจึงหยิบขวดมา แล้วพูดขึ้น“หนูตอบรับเขาแทนคุณลุงค่ะ คุณลุงให้หนูทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่ยาขวดนี้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้”

ชายชราหัวเราะขึ้นมา พูดขึ้น“ยัยหนู แม้ว่าเจ้าจะงดงามนัก เป็นหลานสะใภ้ข้าก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ แต่ว่าตอนนี้ข้ายังไม่มีเหตุผลใดที่ต้องการใช้เจ้า เพราะฉะนั้นทางเลือกนี้ ให้เจ้าตัดสินใจเองเถอะ”

ฝนสุดาเม้มปากอย่างจนใจ

เป็นนาน รพีพงษ์จึงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้น“ตกลง ผมรับปาก”

ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์พูดถึงเรื่องในอนาคต

ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงหยิบเบ็ดตกปลาขึ้น หิ้วชะลอมไม้ไผ่ ยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราตกลงว่ากันตามนี้ ต่อไปเวลาข้าหาเจ้า หากเจ้าปฏิเสธ สิ่งที่เจ้าเผชิญ จะไม่ใช่เพียงแค่ความตายเท่านั้น”

พูดจบ เขาจึงเดินออกไป

รพีพงษ์ตะลึงเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้น“แค่คำมั่นสัญญาเพียงลมปากหรือครับ พวกเราไม่ต้องทิ้งช่องทางติดต่อไว้หรือครับ แล้วท่านจะหาผมเจออย่างไร”

“หากเจ้าเชื่อมั่น เพียงวาจาหนึ่งคำก็มากพอ สำหรับช่องทางการติดต่อ ไม่จำเป็นสำหรับตาแก่อย่างข้า ตอนที่ข้าต้องการใช้เจ้า ข้าหาตัวเจ้าพบได้ทุกที่ทุกเวลา”

ชายชรามิได้หยุด ยังคงเดินหน้าไป

ไม่นานนัก เงาของชายชราก็หายไปจากสายตาของคนทั้งคู่

“คุณลุงนี่สมองท่าจะยังไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่นะ โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าคิดจะหลบ เขาจะหาเจอได้ไง”ฝนสุดาเอ่ยปากพูด

“ถ้าย้อนคิด โลกกว้างขนาดนี้ เขายังมั่นใจว่าจะหาฉันได้ตลอดเวลา เธอคิดว่าข้อมูลกับพลังงานที่เขามีในมือ จะน่ากลัวแค่ไหน”รพีพงษ์จ้องฝนสุดาแล้วพูด

ฝนสุดาสีหน้าเปลี่ยนพลัน เธอตกใจในคำพูดของรพีพงษ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ตระกูลก้องวณิชกุลสักสิบตระกูลก็เอาไม่อยู่

“เป็นไปได้ไหมที่คุณลุงจะแค่เล่นตลกร้าย ยาที่เขาให้มาสามเม็ดนั้นอาจจะไม่ใช่ยาอายุ วัฒนะก็ได้ อาจจะเป็นยาพิษ แล้วจะทำไงดี”ฝนสุดาเกิดกังวลขึ้นมา

รพีพงษ์หรี่ตาแล้วพูดขึ้น“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พาฉันกลับไปเถอะ ยานี้ได้ผลหรือไม่ ไม่นานก็ได้รู้”

……

ชายชราถือชะลอมชะลอฝีเท้าอยู่ข้างหน้า ไม่นานนัก รถที่มีสีสันคันหนึ่งก็จอดลงตรงหน้า มีชายเอวตรงคนหนึ่งลงมาจากรถ โค้งคำนับให้ชายชราอย่างยำเกรง พูดอย่างนอบน้อม“เจ้านาย ท่านได้เดินเล่นบริเวณนี้นับชั่วโมงแล้ว ได้เวลากลับเปร์คิงแล้ว”

ชายชราพยักหน้า ยื่นเบ็ดและชะลอมให้

ในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถนั่นเอง จู่ๆก็ยกมือขึ้น ตบหน้าผากตนเองเบาๆ บ่นพึมพำ“แหม ลืมบอกพ่อหนุ่มนั่นไป ว่ายาที่ให้เขากินนั่นจะทำให้เขาเกิดไฟราคะ ช่างเถอะ ยังไงซะเขามียายหนูเฝ้าอยู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท