พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่635 ห้างนี้เป็นของแกแล้ว

บทที่635 ห้างนี้เป็นของแกแล้ว

บทที่635 ห้างนี้เป็นของแกแล้ว

“ผู้จัดการถิรยุทธ์ คุณอย่าล้อผมเล่นแบบนี้สิ เมื่อกี๊คุณไม่ได้ยินที่มันพูดหรอ มันไปโรงจำนำและเงินแล้ว จะซื้อของๆคุณในราคาสามเท่าได้ไงกัน คุณอย่าหลงคารมมันนะ”

ถิรเจดๆม่อยากเชื่อชายหัวล้าน และซื้อในราคาสามเท่าแบบนี้จะทำขายขาดทุนแน่นอน ไม่มีใครทำ ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ดูๆก็แค่คนธรรมดา ไม่มีทางมีเงินมากขนาดนี้

ชายหัวล้านเยาะเย้ย หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เขย่าให้ถิรเจดดู แล้วกล่าว “ดูให้ดี เค้าโอนเงินมาให้แล้ว จะโกหกได้ไงกัน? เจ้านายถิรเจด ผมพูดได้แค่ว่าชื่อเสียงอันดีงามของคุณ ถูกลูกชายคุณทำลายไปหมดแล้ว”

ถิรเจดจ้องไปที่ข้อมูลการโอนเงินในมือถือของชายหัวล้าน จากนั้นก็งงงวย

เขารู้สึกเหมือนตัวเองจมอยู่ในน้ำแข็ง ร่างกายที่แข็งทื่อค่อยๆเริ่มขยับได้

“นี่……นี่มันเป็นไปได้ยังไง เขาใช้เงินมากขนาดนี้ซื้อสินค้าของคุณ เพียงเพราะแค่เข้าใจผิดเล็กๆน้อยกับลูกชายฉัน?” ถิรเจดบ่นกับตัวเอง

“คุณคิดว่า นั่นเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่เค้ามองว่า ลูกชายคุณทำผิดอย่างมหันต์ เจ้านายถิรเจด คุณก็ถือว่ามีหน้ามีตาในสังคมแล้ว ที่ว่าไม่สามารถยั่วโมโหใครก็ได้นั้น คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ” ชายหัวล้านเหยียดหยาม

ถอรเจดหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เริ่มเสียใจขึ้นมา เขาพูดอย่างอ้อนวอนว่า “น้องชาย ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ เพิ่งจะรู้สึกตัว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวเล็กๆ อาศัยห้างนี้เก็บเงิน ถ้าแกอยากได้ ฉันจะขายให้ในราคาท้องตลาด ถึงขั้นถูกลงมากๆ ทำไมแกถึงยอมจ่ายเงินสามเท่าเพื่อซื้อของ แต่ไม่ปล่อยฉันไปล่ะ”

รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “เพราะแกสำคัญตัวเองไปไง แล้วเงินพวกนี้ สำหรับฉันแล้วน้อยกว่าเงินค่าขนมของฉันอีก ให้ใครก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ ต้องให้แกและลูกของแกได้รับโทษ”

ตอนนี้เขาได้ขายของราคาส่งให้ฉันแล้ว ถ้าห้างนี้ไม่มีของ ก็เป็นแค่ห้างล้าง ฉันว่าแกน่าจะเป็นหนี้ธนาคารอยู่ไม่น้อยเลยนะ ถึงตอนนั้นจ่ายหนี้ไม่ทัน ขาดผ่อน ห้างนี้ของแกก็จะพังลง แล้วแกก็ยังมีหนี้มหาศาล อนาคตเกรงว่าจะไม่มีจุดยืนแล้วหล่ะ

“และทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือ โอนห้างให้ฉัน ฉันให้เวลาห้านาที แกเลือกเอาเองล่ะกัน”

ถิรเจดฟังรพีพงษ์พูดจบ รู้สึกปวดหัว ตอนนั้นเขายังคุยกับชายหัวล้านอย่างมีความสุข เกี่ยวกับอนาคตของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงอยู่เลย แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็ต้องเผชิญกับสภาวะล้มละลาย การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน

หลังจากที่ตั้งหลักอยู่นาน ถิรเจดหันหลัง มองไปที่ตุรียะที่ตัวสั่นอยู่ ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆแล้วถีบไปที่เขาทันที

ตุรียะไม่ต่อต้านใดๆ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เพราะการผยองของเขา ทำให้คนทั้งครอบครัวติดร่างแหไปด้วย

“แกไอ้ลูกไม่รักดี! ฉันสู้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิต ถึงได้มีธุรกิจอย่างในวันนี้ ตอนนี้เป็นเพราะแก เขามาหาเรื่องถึงที่! ฉันล่ะเสียใจที่เกิดคนไร้ประโยชน์อย่างแกออกมา!”

พูดจบ เขาก็ตบไปที่ตุรียะสามฉาดอย่างไม่ยั้ง หลังจากตบเสร็จก็ยังไม่หายโกรธ จึงได้ถีบไปอีกหลายครั้ง

“พ่อ เมื่อก่อนผมทำแบบนี้ พ่อก็ไม่สนผมหนิ ตอนนี้นอกจากเรื่องนี้ ที่พ่อว่าผม ความจริงพ่อก็มีส่วนต้องรับผิดชอบนะ” ตุรียะร้องพลางกล่าว

“แม่ง มึงหาเรื่องกูแล้ว วันนี้กูไม่ตีมึงตาย อย่ามาเรียกกูว่าพ่อ!”

ผ่านไปสักพัก ตุรียะถูกถิรเจดตีเกือบตาย หลังจากที่ล้มลงพื้นแล้วนั้น ถิรเจดจึงหยุด

เขาหันไปหารพีพงษ์ ด้วยความเสียใจ แล้วกล่าว “น้องชาย ครั้งนี้คิดเสียว่าฉันโชคร้าย แกโอนเงินล้านนั้นมาให้ฉัน แล้วฉันจะเซ็นโอนสัญญาให้แก”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันว่าแกน่าจะเข้าใจผิดแล้วนะ ล้านนั้นเป็นราคาที่ฉันให้ในตอนแรก แต่แกไม่รับไว้ ตอนนี้แม้แต่สตางค์เดียวแกก็ไม่ได้”

ถิรเจดตาโต แล้วกล่าว “หรือ ฉันต้องให้ห้างแกฟรีๆงั้นหรอ?”

“หรือแกจะประกาศล้มละลายก็ได้นะ” รพีพงษ์ยิ้มออกมา

ถิรเจดถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย รู้ว่าตัวเองไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว

ชายหัวล้านหาทนายมาคนหนึ่งอย่างกระตือรือร้น เพื่อมาช่วยทำสัญญาโอน ถิรเจดเซ็นสัญญาอย่างไม่ยินยอม ห้างสรรพสินค้าเชร์สิงกลายเป็นทรัพย์สินของรพีพงษ์แล้ว

จากนั้นรพีพงษ์ได้เรียกระดับสูงของห้างสรรพสินค้าเชร์สิงทั้งหมดมา ได้ประกาศต่อหน้าถิรเจด เรื่องห้างสรรพสินค้าเชร์สิงได้เปลี่ยนเจ้าของคนใหม่แล้ว

รองผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง เป็นผู้จัดการที่ถิรเจดเชิญมาโดยเฉพาะ ชื่อผู้จัดการทั่วไปโอชวิน เขาบริหารห้างสรรพสินค้าเชร์สิงมาตลอดช่วงหลายปีมานี้ ถิรเจดรับผิดชอบเรื่องงานทุนและสินค้าเท่านั้น

หลังจากที่รพีพงษ์ทำความรู้จักกับระดับสูงเหล่านี้แล้วนั้น ถือว่าผู้จัดการทั่วไปโอชวินจริงใจ บริหารห้างสรรพสินค้าเชร์สิงมาหลายปีถือว่าประสบการณ์โชกโชน ดังนั้นจึงมอบหมายงานส่วนใหญ่ให้ผู้จัดการทั่วไปโอชวินดูแล รวมถึงดูแลเรื่องสินค้า

เพราะห้างนี้เป็นสิ่งที่รพีพงษ์ชดเชยให้กับฝนสุดา เขาไม่คิดที่จะทำอะไรกับห้างนี้อยู่แล้ว รอให้บาดแผลหายดีแล้ว เขาก็จะออกไปจากที่นี่

ได้รับอำนาจให้ประสานงานกับฝั่งสินค้า ผู้จัดการทั่วไปโอชวินรู้สึกตะลึง แล้วรู้สึกนับถือเจ้าของคนใหม่ในทันที แล้วสัญญาว่าจะบริหารห้างสรรพสินค้าเชร์สิงให้ดีที่สุด

จากนั้นผู้จัดการทั่วไปโอชวินให้บัตรสีทองแก่รพีพงษ์ นี่เป็นของไว้สำหรับมอบให้คนอื่นเป็นของขวัญ เพียงแค่ถือบัตรนี้ ก็สามารถหยิบของในห้างสรรพสินค้าเชร์สิงได้ตามใจชอบ ปกติจะมีแค่เจ้าของและครอบครัวของเจ้าของเท่านั้นที่มีบัตรนี้

รพีพงษ์ไม่เกรงใจ หลังจากรับบัตรมาแล้ว ก็มอบหมายงานทุกอย่างให้กับผู้จัดการทั่วไปโอชวิน จากนั้นก็ออกไปจากจุดทำงาน ไปที่ประตูใหญ่ของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง

ในขณะนี้มีคนเดินเข้าออกห้าง ในฐานะที่เป็นห้างขึ้นชื่อของเมืองปากซำ ที่ว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก

ฝนสุดานั่งอยู้บนเก้าอี้สาธารณะข้างประตู อย่างน่าเบื่อ มองไปที่ผู้คนที่เดินไปมา ด้วยความอนาถจิต

ชีวิตของคุณหนูที่มีคนปกป้องตั้งแต่เล็กจนโต วันนี้ต้องมาใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ก็รู้สึกไม่เลว

ไม่นาน รพีพงษ์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าของฝนสุดา เห็นเธอนั่งเหม่ออยู่ตรงนี้ ก็ยิ้ม

“อย่านั่งบ้าๆอยู่อีกเลย เข้าไปพร้อมกันเถอะ” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์มา ก็รีบยืนขึ้น แล้วถาม “แก้ไขปัญหาได้แล้ว?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้างนี้เป็นของคุณ”

ฝนสุดาดีใจจนกระโดดโลดเต้น

รพีพงษ์ยื่นบัตรทองนั้นให้กับฝนสุดา แล้วกล่าว “ถือบัตรนี้ไว้ คุณสามารถหยิบอะไรก็ได้ในห้างนี้ รีบไปสนองความต้องการของตัวเองเถอะ”

ฝนสุดารับบัตรนั้นมา แล้วถามรพีพงษ์ว่า “คุณไม่ไปกับฉันหรอ?”

“ปัจจุบันบาดแผลผมก็หายเดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอารีอีก ผมไปซื้อมือถือซักเครื่อง โทรหาอารี คุณไปคนเดียวล่ะกัน”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปยังร้านมือถือใกล้ๆ

ฝนสุดาที่ดีใจอยู่มองไปยังรพีพงษ์ที่เดินจากไป ก็เริ่มรู้สึกผิดหวังขึ้นมา สักพักเธอถอนหายใจอย่างเซ็งๆออกมา แล้วเดินไปข้างๆถังขยะ แล้วทิ้งบัตรเหล่านั้นลงในถังขยะ

“ดูๆแล้วทำไปมากขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจคุณได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว คุณนี่มันโง่จริงๆ คุณไม่ไปเป็นเพื่อนฉัน แล้วฉันจะมีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยยังไงกัน”

พูดกับตัวเองอยู่นาน ฝนสุดาก็หันหลัง เดินไปที่ถนน เรียกรถ กลับบ้าน

……

หลังจากที่ซื้อมือถือเสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็ได้ไปที่ศูนย์บริการเครือข่ายเพื่อซื้อซิมการ์ด ไปสวนสาธารณะที่ไม่มีคน นั่งลงบนเก้าอี้ยาว หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว ก็กดเบอร์อารียา

จ้องไปที่เบอร์โทรอันคุ้นเคยอยู่นาน รพีพงษ์ก็ได้กดโทรออก

ไม่นาน มีคนกดรับ เสียงจากปลายทางดังขึ้น

“สวัสดีค่ะ คุณคือ?”

รพีพงษ์ตื่นเต้น แล้วรวบรวมสติ จากนั้นก็กล่าว

“อารี ผมเอง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท