พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 645 เขาไม่ได้ใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อ

บทที่ 645 เขาไม่ได้ใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อ

บทที่ 645 เขาไม่ได้ใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อ

ดำเกิงมองชายชรา เขาสบถออกมาในใจ แล้วรีบพูดว่า “อาจารย์ ผมนึกได้ว่ายังฝึกไม่เสร็จ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

พูดจบ ดำเกิงจึงหมุนตัวเดินออกไป

“กลับมา” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เสียงนี้เหมือนเวทมนตร์ที่ทำให้ดำเกิงต้องชะงักลง จากนั้นเขาก็เดินกลับมาอย่างว่านอนสอนง่าย

“ลูกศิษย์ของคุณพูดโกหกว่าคุณเป็นคนสั่งให้รพีพงษ์ยกหินก้อนใหญ่นั่นทั้งช่วงบ่าย ลูกศิษย์ของคุณน่ารังเกียจจริงๆ คุณจะปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้” ฝนสุดาพูดอย่างหงุดหงิด

“แค่ก แค่ก ผมแค่ช่วยอาจารย์ทดสอบความจริงใจของรพีพงษ์ ตอนนั้นเขาดื้อดึงที่จะหนีไป ไม่ฟังคำเตือนของอาจารย์ พออยากขอความช่วยเหลือก็กลับมา มันไม่เห็นความสำคัญของอาจารย์เลย จะไม่ลงโทษมันได้อย่างไร” ดำเกิงรีบหาเหตุผลมาอ้าง

อาจารย์จ้องดำเกิง จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไปจัดหาที่พักให้ผู้หญิงคนนี้”

“รับทราบครับ!” ดำเกิงรีบตอบรับ

“เสร็จแล้วก็มายกหินที่นี่จนกว่าธูปจะหมด”

ดำเกิงมีสีหน้าเป็นกังวล สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นการลงโทษของอาจารย์ แต่เขาคิดว่ารพีพงษ์ยกมาทั้งบ่ายก็ไม่เห็นเป็นอะไร อาจารย์ให้เขายกจนกว่าธูปจะหมด ไม่ถือว่าลำบากเท่าไร จึงรับคำอาจารย์

“ตามฉันมา” อาจารย์หันไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในเรือนไม้ที่อยู่ไม่ไกล

รพีพงษ์มองฝนสุดา เพื่อให้เธออยู่ฟังสิ่งที่ดำเกิงจัดหาให้ จากนั้นเขาจึงเดินตามอาจารย์เข้าไปในเรือนไม้

ฝนสุดาก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถตามรพีพงษ์ไปได้ในตอนนี้ หลังจากที่เธอหันไปมองดำเกิง แล้วก็พูดออกมาเสียงดัง “ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี ฉันคิดบัญชีกับนายแน่ กล้ามาหลอกรพีพงษ์เหรอ ฉันจัดการนายแน่!”

……

ภายในเรือนไม้ อาจารย์รินชาให้รพีพงษ์ จากนั้นจึงพูดว่า “ไม่กี่ปีมานี้เป็นยังไงบ้าง”

รพีพงษ์สูดหายใจลึก จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “ความเกลียดชังภายในครอบครัวจบลงแล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์กลับคืนมาอยู่ในมือผมแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้รับจุดจบที่สมควรจะได้รับแล้ว”

อาจารย์พยักหน้า แล้วพูดว่า “งั้นก็ดีแล้ว”

“ไอ้เด็กที่อยู่ข้างนอกนั่นชื่อดำเกิง ฉันรับมันมาเป็นศิษย์เมื่อสองปีก่อน ความสามารถของมันไม่ต่างกับนายเมื่อปีนั้นเลย แต่จิตใจของมันเทียบกับนายไม่ได้เลย ไอ้เด็กนั่นมันเห็นนายเป็นศัตรูตลอด เลยทำอะไรแบบนั้นกับนาย อย่าไปถือสาเลย”

รพีพงษ์รีบเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอกเพื่อแสดงความเคารพ “ศิษย์รู้ว่าเขาแค่ล้อเล่น ไม่ถือสาหรอกครับ”

“หืม? นายรู้ว่ามันล้อเล่นเหรอ แล้วทำไมยังยกหินนั่นอยู่อีกล่ะ” อาจารย์ถามขึ้น

“ตอนนั้นศิษย์ไม่ฟังคำเตือนของอาจารย์ และดึงดันหนีไป มันเป็นเรื่องที่ผิดและสมควรโดนลงโทษแล้ว”

อาจารย์หัวเราะออกมา จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าผ่านไปไม่กี่ปี แต่นิสัยของนายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ เรื่องตอนนั้น นายไม่ผิดอะไรเลย นายมีทางเลือกของตัวเอง ฉันไม่เคยตำหนินาย ต่อไปไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก”

รพีพงษ์ซึ้งใจ เขามีพละกำลังแข็งแกร่งได้ก็เพราะอาจารย์ ไม่งั้นคงไม่สามารถเอาตระกูลลัดดาวัลย์กลับมาจากเงื้อมมือของวีธราได้หรอก

และเมื่อเขาเรียนรู้จนเริ่มบังเกิดผล อาจารย์คาดหวังในตัวเขามาก แต่เขากลับเลือกเดินจากมา สำหรับเขาแล้วการทำแบบนี้มันค่อนข้างโหดร้าย

แต่อาจารย์กลับไม่คิดตำหนิเขา และยังถือว่าเขาเป็นศิษย์เสมอมา สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์ซึ้งใจเป็นอย่างมาก

“พูดมาสิ นายเจอเรื่องอะไรถึงกลับมาที่นี่” อาจารย์มองรพีพงษ์แล้วเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ไม่พูดนอกเรื่อง เขาเล่าเรื่องที่เจอบนเกาะพระจันทร์และเรื่องที่เขาประสบมาให้อาจารย์ฟัง อีกทั้งยังพูดถึงข้อสงสัยที่อยู่ในใจเขา ทำไมพละกำลังของอนันยชถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น และการที่เขาปลดปล่อยพละกำลังออกมาได้รุนแรงขนาดนั้น มันเป็นเพราะอะไรกันแน่

หลังจากที่อาจารย์ได้ฟังสิ่งที่รพีพงษ์พูด จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ แล้วเอ่ยถามว่า “อนันยชเหรอ ใช้คุณชายของตระกูลนิธิวรสกุลหรือเปล่า”

รพีพงษ์พยักหน้า คิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะรู้จักชื่อเสียงของตระกูลพวกนี้ด้วย

แต่เมื่อคิดว่าอาจารย์ได้ท่องไปทั่วหล้า ไม่มีใครสามารถมีพละกำลังเทียบเท่าเขาได้ การที่รู้เรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่แน่เขาอาจจะรู้เรื่องทุกอย่างที่กิสนาก็ได้

ตอนที่เขาพูดถึงเรื่องที่กิสนา อาจารย์ไม่ได้แสดงท่าทีน่าสงสัยอะไรออกมา เขาต้องรู้จักกิสนาอย่างแน่นอน แถมยังรู้จักอย่างดีอีกด้วย

“ก็แปลกที่พละกำลังอย่างน้อยยังโดนทำร้ายจนเกือบตาย ที่แท้เจอลูกศิษย์ของชินาธิปนี่เอง ตอนที่นายจากไป ฉันนึกว่านายจะไปเจรจากับพวกตระกูลที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่านายจะมาถึงจุดนี้แล้ว การที่นายรอดมาครั้งนี้ ถือว่านายโชคดีมาก”

อาจารย์พูดพึมพำ “นายรู้ไหมว่าคนที่ให้ยาสามเม็ดนั่นกับนายเป็นใคร”

รพีพงษ์ส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่รู้ครับ ดูเหมือนเขาจะเป็นชายชราที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร ผมเจอเขาตอนไปเดินเล่นที่ท่าเรือ”

เขาจดจำชื่อของคนที่ชื่อชินาธิป การที่ถูกอาจารย์พูดถึง ต้องไปใช่คนธรรมดาแน่

อาจารย์พยักหน้า และครุ่นคิดว่าคนที่ช่วยเหลือรพีพงษ์เป็นใคร

ผ่านไปครู่ใหญ่ อาจารย์เอ่ยขึ้นมาว่า “ถึงแม้บนโลกใบนี้มียาที่ช่วยให้คนรอดจากความตายไม่กี่อย่าง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี การที่นายได้ยานั่นถือว่าเป็นบุญวาสนา คนที่มียาประเภทนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ต่อไปถ้าชายแก่คนนั้นมาให้นายทำตามสัญญา นายไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่ก็อย่าผลีผลาม ต้องระวังตัวด้วย”

รพีพงษ์พยักหน้า “ศิษย์จะจำไว้”

“ตอนนี้นายอยากรู้ใช่ไหมว่าตอนที่อนันยชสู้กับนาย ทำไมเขาถึงแสดงพลังออกมาได้ขนาดนั้น” อาจารย์ยิ้มแล้วถามขึ้น

ในที่สุดอาจารย์ก็พูดเรื่องนี้ เขานั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ตอนนั้นอาจารย์บอกว่ากำลังของกล้ามเนื้อในตัวผมถึงข้อจำกัดของมนุษย์แล้ว เห็ดแปลกประหลาดนั่นไม่ได้มีทุกที่ ถ้าพูดตามหลักเหตุผล มองแค่ความแข็งแกร่ง ไม่น่าจะมีใครเทียบผมได้ แต่ตอนที่ผมเผชิญหน้ากับอนันยช ขนาดผมต่อสู้กับเขาอย่างสุดกำลัง เขากลับรับมือได้อย่างง่ายดาย หรือว่าเขาเจอเห็ดแปลกประหลาดพวกนั้นเหมือนกัน หรือว่าตอนนั้นจะมีอะไรที่ทำให้มีกำลังเพิ่มมากขึ้นกว่ายาของอาจารย์”

อาจารย์หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดว่า “ถ้าคิดแค่กำลังของกล้ามเนื้อในร่างกาย ฉันพูดอย่างไม่โอ้อวดเลยว่าในโลกนี้มีเพียงนายคนเดียว ในโลกนี้ไม่มีใครเทียบกำลังกล้ามเนื้อกับนายได้อีกแล้ว เห็ดนั่นไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป ฉันท่องไปทั่วหล้าก็เคยเห็นแค่ที่นั่น”

“ทำไมอนันยชถึงทำให้ผมเกือบตายได้ ตอนที่ผมต่อกรกับเขา ผมรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลจากหมัดของเขา จนผมไม่สามารถรับมือได้เลย” รพีพงษ์ถามด้วยสีหน้าสงสัย

อาจารย์จิบชาแล้วพูดเบาๆ ว่า “เพราะว่าสิ่งที่เขาใช้ไม่ใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อไง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท