พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 651 สถานการณ์ที่เกียวโต

บทที่ 651 สถานการณ์ที่เกียวโต

บทที่ 651 สถานการณ์ที่เกียวโต

เกียวโต

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ คนระดับสูงในตระกูลลัดดาวัลย์นั่งอยู่ในห้องประชุม อารียานั่งท้องโตอยู่ตรงหัวโต๊ะ บรรยากาศภายในห้องดูกดดันเล็กน้อย

อารียาตั้งท้องได้แปดเดือนแล้ว ตามปกติแล้ว ตอนนี้เธอควรจะอยู่ในขั้นของการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสมบูรณ์ แต่ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังต้องรับมือกับทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ในตระกูลลัดดาวัลย์

เมื่อเทียบกับไม่กี่ปีก่อน บนใบหน้าของอารียาปรากฏความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักอย่างเห็นได้ชัด ศักดากับชนิสราเตือนเธอหลายครั้งว่าให้ยกงานของตระกูลลัดดาวัลย์ท่านคทา แต่อารียาไม่วางใจและยังคงทำงานหนักมาถึงทุกวันนี้

ภายในเวลาไม่กี่เดือน ตระกูลลัดดาวัลย์มีการเปลี่ยนแปลงไปมา คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว สิ่งเลวร้ายที่กำลังปกคลุมตระกูลลัดดาวัลย์ในช่วงนี้ยังคงไม่หายไป และถูกจับตามองในทุกด้าน การแข่งขันระหว่างด้านธุรกิจก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ มีความน่ากลัวในทุกที่ และต้นตอของเรื่องพวกนี้คือความจริงเรื่องการตายของรพีพงษ์

เวลาไม่กี่เดือนผ่านไป คนที่เคยสงสัยเรื่องการตายของรพีพงษ์ เริ่มทำใจยอมรับเรื่องนี้ ผู้คนต่างรู้เรื่องนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนนี้รพีพงษ์ไม่เคยมาที่เกียวโต ภรรยาที่กำลังตั้งท้องเป็นคนจัดการทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในตระกูล นี่มันหมายความว่าอย่างไร ไม่พูดก็เข้าใจกันดี

เมื่อไม่มีรพีพงษ์ ความหวาดกลัวที่มีต่อตระกูลลัดดาวัลย์ลดลงเพียงชั่วข้ามคืน ถึงแม้ตระกูลลัดดาวัลย์ยังมีอำนาจมาก แต่เมื่อขาดหัวใจสำคัญอย่างรพีพงษ์ ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่น่าหวาดกลัวอีกต่อไป

บวกกับการแอบยุแยงตะแคงรั่วของตระกูลนิธิวรสกุล อีกทั้งพวกเขายังทำลายรากฐานด้านธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ในทุกธุรกิจ อีกทั้งยังกุข่าวว่าคนในตระกูลลัดดาวัลย์หวาดกลัวและบาดหมางกันเอง

ถึงแม้จะมีฝ่ายที่นนทภูสั่งมาให้ช่วยตระกูลลัดดาวัลย์อยู่เงียบๆ แต่ตระกูลลัดดาวัลย์ที่กำลังเป็นเป้าหมายในการจู่โจมของผู้คน ก็ยังอยู่ในสถานการณ์คับขัน

และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือหอการค้าสมน. ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลลัดดาวัลย์ มีผลประกอบการลดลงติดต่อกันสามเดือน บริษัทกว่าครึ่งที่เคยร่วมมือกับพวกเขา ยุติความร่วมมือด้วยเหตุผลหลายประการ ทำให้ธุรกิจของหอการค้าสมน. หดตัวลงอย่างมาก ถ้าจะให้เปรียบเปรยหอการค้าสมน.ในตอนนี้อาจจะใกล้หมดหนทางแล้วก็ไม่ได้พูดเกินไป

ทุกคนเห็นว่าตระกูลลัดดาวัลย์และหอการค้าสมน. เหมือนเค้กก้อนหนึ่ง ในเมื่อจะแบ่งกันกิน ก็ต้องแบ่งอย่างเท่าเทียมไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

“นายหญิง ตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม อ้างว่าเป็นการแบ่งไม่เหมาะสม เลยขอให้เราแบ่งส่วนแบ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจด้านอาหารและอสังหาริมทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง ไม่งั้นเขาจะรวมผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ในสองธุรกิจสองด้านนี้ และแยกออกจากตระกูลของเรา ถ้าถึงตอนนั้นเราจะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน” ท่านคทาพูดกับอารียาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เสียงถอนหายใจดังขึ้นในห้องประชุมหลายสิบเสียง สถานการณ์แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

“นายหญิง หรือเราจะเอาส่วนแบ่งบางส่วน ทำให้พวกเขาพอใจ ไม่แน่พวกเขาอาจจะไม่มาหาเรื่องเราอีก” ชายที่ค่อนข้างมีอายุเอ่ยขึ้น

ชายอายุสี่สิบกว่าปีที่ยืนอยู่ข้างเขารีบเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “ผมว่าเราจะเอาแค่ส่วนแบ่งไม่ได้ แต่เราต้องแบ่งส่วนแบ่งจากธุรกิจทุกด้านของตระกูลลัดดาวัลย์ให้พวกเขา ตอนนี้เรากำลังโดนจับตามองจากทุกด้าน ไม่ใช่แค่กำไรที่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ถ้าเราเป็นฝ่ายยอมให้ ผมเชื่อว่าพวกนั้นจะไม่ละโมบแบบนี้อีก”

เมื่ออารียาได้ฟังคำพูดของทั้งสองคนก็ขมวดคิ้วขึ้น เธอคิดไม่ถึงว่าคนภายนอกจะสร้างความกดดันให้ตระกูลขนาดนี้ ถึงขนาดที่มีคนคิดที่จะเอาส่วนแบ่งของตระกูลมาปกป้องตัวเอง

ถ้าวิธีนี้ได้ผล อารียาอาจจะเอามาพิจารณา แต่คนฉลาดรู้ดีว่าจุดประสงค์ของคนพวกนั้นคืออะไร ถึงจะเอาส่วนแบ่งไปให้ ก็ไม่สามารถเติมเต็มความละโมบของคนพวกนั้นได้หรอก

“วิธีนี้ทำไปก็ไม่เกิดผลดี คนละโมบแบบนั้นไม่มีทางพอใจหรอก ตอนนี้ที่พวกนั้นไม่กล้าผลีผลามทำอะไร เพราะตระกูลลัดดาวัลย์ยังพอมีอำนาจในเกียวโต ถ้าแบ่งส่วนแบ่งออกมา เมื่อถึงตอนนั้นพวกนั้นจะไม่เห็นตระกูลเราอยู่ในสายตา ต่อจากนี้ไปต้องเสนอความคิดอะไรแบบนี้อีก” อารียาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ชายชรากับชายวัยกลางคนเหลือบมองอารียา และไม่พูดอะไรอีก

“ไปบอกตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม ส่วนแบ่งของตระกูลเราได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงาน พวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาขอส่วนแบ่งจากเรา ถ้าพวกเขาอยากได้จริงๆ ก็มาแย่งไปเอง พวกเราก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน” อารียาพูดต่อ

ท่านคทารีบพยักหน้า เขาไม่คัดค้านคำสั่งของอารียาแม้แต่น้อย

การประชุมยังคงดำเนินต่อไป เรื่องที่คุยกันก็ไม่ต่างจากเดิม อารียาให้คำแนะนำทีละอย่างโดยชัดเจน สองชั่วโมงผ่านไปถึงจะสิ้นสุดการประชุม

ทุกคนต่างพากันแยกย้าย ท่านคทาเดินเข้ามาหาอารียา เธอพูดว่า “ท่านคทา ช่วงนี้รบกวนคุณช่วยจับตาดูโศธัยกับตันหยงหน่อยนะ ฉันสงสัยว่าสองคนนั้นถูกตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมซื้อไปแล้ว”

ท่านคทาพยักหน้า แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “รับทราบครับนายหญิง”

โศธัยคือชายชราเมื่อครู่ ส่วนตันหยงคือชายวัยกลางคนคนนั้น

หลังจากพูดกำชับเสร็จเรียบร้อย อารียาลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกปวดเมื่อยและอ่อนล้า หลังจากที่เธอเอามือลูบท้องตัวเอง เธอรู้สึกผ่อนคลายลง

“เด็กน้อย นี่แม่กำลังปกป้องที่นี่เพื่อหนูนะ ถ้าลูกไม่เชื่อฟัง แม่ต้องโมโหตายแน่ๆ” อารียายิ้มแล้วพูดออกมา

หลังจากที่ท่านคทาออกไป อารียาค่อยๆ เดินออกมาจากห้องประชุม ตอนที่กำลังจะถึงหน้าประตู เสียงถกเถียงดังเข้ามาในหูของเธอ

“พวกนายว่านายหญิงจะดึงดันไปถึงไหน ตอนนี้คนทั้งเกียวโตรู้หมดแล้วว่านายใหญ่ของพวกเราตายแล้ว อำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์ก็หายไปแล้ว มีแค่นายหญิงคนเดียวที่ยังยืนกรานว่านายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ นี่มันเป็นเพียงการหลอกตัวเองและคนอื่น”

“ใช่ อำนาจของตระกูลอยู่ในมือของนายหญิง เราทำได้เพียงเล่นเกมนี้ตามนายหญิง”

“ฉันว่า ในตอนนี้เลือกที่จะยอมยังดีกว่า ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ทุกคนต่างก็อยากทำร้ายตระกูลลัดดาวัลย์ แค่ตระกูลเดียว ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก แต่ถ้าทุกตระกูลรวมกัน จากสถานการณ์ของตระกูลลัดดาวัลย์ตอนนี้ สู้ไม่ได้แน่ๆ”

“นายจะไปรู้อะไร นี่อาจจะเป็นวิธีการที่นายหญิงบริหารตระกูลก็ได้ ขอแค่คิดว่านายใหญ่ยังไม่ตาย เธอก็จะสามารถควบคุมตระกูลได้ตลอดเวลา นี่ก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว ถ้านายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่จริง ก็คงกลับมาตั้งนานแล้ว เธอคิดว่าพวกเราทุกคนโง่หรือไง”

ได้ยินเสียงถกเถียงของคนข้างนอก อารียารู้สึกเศร้าใจจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา แต่สุดท้ายเธอก็กลั้นมันเอาไว้

ช่วงเวลานี้เธอแบกรับความกดดันเยอะกว่าใครในตระกูล เพราะตัวเธอเองรู้ดีว่ารพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องกลับมา

แต่เธอคิดไม่ถึงว่าคนในตระกูลจะมาพูดลับหลังแบบนี้ คนที่กำลังจะเป็นแม่แบบเธอ จะไม่รู้สึกน้อยใจได้อย่างไร

เธอสูดหายใจลึก และรอให้คนข้างนอกเดินออกไป เธอถึงจะเดินออกจากห้องประชุม

“รพีพงษ์ ฉันแค่ไม่อยากให้ธุรกิจของตระกูลตกไปอยู่ในมือของคนอื่นโดยเปล่า ทำไมพวกเขาต้องพูดแบบนี้ด้วย”

“ฉันจะอดทนได้จนถึงตอนที่นายกลับมาไหมนะ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท