พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน

บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน

บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน

ในห้องนั่งเล่น ผู้อาวุโสในตระกูลลัดดาวัลย์เห็นรพีพงษ์จัดการโศธัยกับตันหยงอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ใจของพวกเขาสั่นระริก ความคิดบางอย่างที่ได้คล้อยตามโศธัยกับตันหยงมลายหายไปในพริบตา

พวกเขาสัมผัสได้ว่ารพีพงษ์ไม่อ่อนข้อให้กับคนที่ทรยศตระกูลแม้แต่น้อย ในขณะนี้พวกเขาพากันคิดอยู่ในใจว่าจะซื่อสัตย์กับตระกูลลัดดาวัลย์ตลอดไป

ท่านคทาเดินเข้าไปหารพีพงษ์ด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม มือทั้งสองข้างของชายชราสั่นเล็กน้อย ในระยะเวลากว่าครึ่งปี ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อในความยืนหยัดของอารียาว่ารพีพงษ์ยังไม่ตาย แต่การที่คนหายไปกว่าครึ่งปี มักจะทำให้การรอคอยของคนสิ้นหวังเสมอ

ดังนั้นในใจของท่านคทารู้ดีว่ารพีพงษ์อาจจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาแค่ไม่ได้พูดออกมา และทำตามคำสั่งของอารียาอย่างแน่วแน่ และคิดว่าการที่รพีพงษ์จะกลับมา เป็นความปรารถนาอันงดงามอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เห็นรพีพงษ์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขา เป็นจริงแล้ว

ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา สุดท้ายมันก็กลั่นออกมาได้เพียงประโยคเดียว “กลับมาก็ดีแล้ว”

รพีพงษ์ยิ้มให้ท่านคทา จากนั้นจึงพูดว่า “ช่วงที่ผ่านมา ทำให้ท่านคทาลำบาก ในเมื่อผมกลับมาแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ตระกูลของเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ผมจะไม่ปล่อยคนที่มุ่งร้ายกับตระกูลเราเอาไว้”

ท่านคทาพยักหน้า เขาเชื่อมั่นในตัวของรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ เขาต้องพาตระกูลออกจากสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

“ผมขอจัดการกับไอ้คนทรยศสองคนนี้ก่อน คุณคุยกับคุณจารุณีไปก่อนนะครับ ตอนนี้หอการค้าสมน.กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก คุณกลับมาคนแก่อย่างผมก็โล่งอก” ท่านคทาพูดขึ้น

รพีพงษ์ตอบรับ จากนั้นก็หันไปหาจารุณีที่เอาแต่เช็ดน้ำตาไม่หยุด ความโกรธเริ่มหายไป ใบหน้าของเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น

จารุณีมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าตำหนิ แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความดีใจ

รพีพงษ์เดินเข้าไปหาเธอ แล้วยื่นมือไปบีบจมูกของเธอเบาๆ “ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ มันจะภัยกับพวกคุณ ผมเลยต้องกลับมาช้า และทำให้คุณเป็นห่วง”

จารุณีกำหมัดเล็กๆ ชกไปบนตัวของรพีพงษ์ “โอเค นี่เป็นบทลงโทษของนาย ถ้าครั้งหน้านายทำให้ฉันเป็นห่วงอีก นายกับฉันได้แตกหักกันแน่”

“ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก!” รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ แล้วทำท่าวันทยหัตถ์ให้จารุณี

ผู้อาวุโสในตระกูลเห็นเช่นนั้น ก็ถอนหายใจอยู่ในใจ เขารู้วิธีการของรพีพงษ์ดี โดยเฉพาะตอนที่เขาจัดการกับโศธัยและตันหยง คนที่ทำให้รพีพงษ์เป็นกันเองแบบนี้ได้ บนโลกนี้มีแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือจารุณี

จารุณีหัวเราะพรืด ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา

แต่จู่ๆ แววตาของเธอก็นิ่งไป แน่นอนว่าการที่รพีพงษ์กลับมาเป็นเรื่องดี แต่สถานการณ์ของหอการค้าสมน. อยู่ในช่วงวิกฤต ถึงแม้รพีพงษ์กลับมา ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้

รพีพงษ์รู้ว่าจารุณีกำลังคิดอะไร เขายิ้มบางๆ แล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาจากเสื้อ และยื่นไปตรงหน้าจารุณี

จารุณีมองบัตรธนาคารใบนั้น แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “อะไรเหรอ”

“หอการค้าสมน.กำลังเสียหายด้านทุนทรัพย์ รีบเอาบัตรธนาคารนี้กลับไปให้พ่อของคุณ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

จารุณีส่ายหน้า เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทุนทรัพย์ที่เราเสียไปในครั้งนี้ห้าหมื่นล้าน ทั้งตระกูลลัดดาวัลย์มีให้เราแค่สามหมื่นล้าน แค่บัตรธนาคารใบเดียวจะพอได้ยังไง”

รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “แค่บัตรธนาคารใบเดียวแล้วมันยังไง อย่าบอกนะว่าเธอดูถูกมัน”

จารุณีมองรพีพงษ์ด้วยสายตาประหลาด “นี่ จนถึงขนาดนี้แล้ว นายยังจะล้อฉันเล่นอีกเหรอ”

“ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น ในบัตรใบนี้ยังมีเงินเหลืออยู่กว่าเก้าหมื่นล้าน อย่าบอกนะว่าไปทดแทนกับเงินที่คุณเสียไปไม่ได้” รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

“กะ..เก้าหมื่น” ตอนแรกจารุณียังไม่ได้ตั้งใจฟัง เธอได้ยินเป็นเก้าล้าน แต่วินาทีต่อมาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางตัวเธอ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“กะ…เก้าหมื่นล้าน?” จารุณีมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

รพีพงษ์พยักหน้า

จารุณีสูดหายใจเฮือก หากหอการค้าสมน. มีมูลค่าเจ็ดแปดหมื่นล้าน จารุณีจะไม่ประหลาดใจอะไรเลย แต่ถ้าในบัตรธนาคารแค่ใบเดียวมีเงินสดอยู่กว่าเก้าหมื่นล้าน เธอไม่มีความคิดอื่นเลย นอกจากความตกตะลึง

บัตรธนาคารใบเดียว สามารถซื้อได้ทั้งหอการค้าสมน. มันจะมันทำให้คนตกตะลึงได้อย่างไรล่ะ

ไม่ใช่แค่จารุณี ผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็อ้าปากค้าง บัตรใบเดียวมั้งเงินตั้งเก้าหมื่นล้าน พวกเขาสงสัยแม้กระทั่งว่ารพีพงษ์แอบเปิดธนาคารลับหลังพวกเขาหรือเปล่า ถึงรพีพงษ์จะเก่ง แต่เอาเงินเก้าหมื่นล้านมาในครั้งเดียว มันไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ว่าเมื่อมีบัตรธนาคารใบนี้ ผู้อาวุโสในตระกูลก็โล่งอก บัตรที่มีเงินเก้าหมื่นล้านรพีพงษ์เอาให้คนอื่นอย่างง่ายดาย งั้นสถานการณ์ของตระกูลที่ใกล้จะวิกฤต ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกแล้ว

รพีพงษ์เหมือนเทพเจ้าของตระกูล ขอแค่มีเขาอยู่ ถึงจะมีอุปสรรคใหญ่แค่ไหนก็ไม่ต้องพูดถึง

จารุณีไม่เกรงใจรพีพงษ์แล้ว เพราะตอนนี้หอการค้าสมน. เป็นตายเท่ากัน เธอจะเล่นตัวอีกทำไม หญิงสาวรับบัตรมาจากมือของรพีพงษ์ แล้วพูดกับเขาไม่กี่ประโยค จากนั้นจึงรีบออกจากคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

……

ห้องหนึ่งในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์กับดัมพ์รงค์ยืนเผชิญหน้ากัน ในห้องมีเตียงวางอยู่สามเตียง มีคนเอนอยู่บนเตียงสองคน ซึ่งสองคนนั้นคือผู้มีฝีมืออันสองและสามในลำดับนักรบของกิสนา ทั้งสองหายใจรวยรินเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส

“นายยังมีชีวิตอยู่” ดัมพ์รงค์จ้องรพีพงษ์แล้วเอ่ยขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของดัมพ์รงค์ รพีพงษ์ก็หัวเราะออกมา นี่คงเป็นคำพูดแสดงความดีใจที่ดัมพ์รงค์สามารถแสดงออกมาได้ดีที่สุดแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น” รพีพงษ์เอ่ยถาม

“โดยคนที่ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมส่งมาทำร้าย พละกำลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก ฉันต้องใช้พละกำลังทั้งหมดกว่าจะสู้กับหนึ่งในคนของพวกมันได้ พวกมันมีทั้งหมดหกคน เราสามคนไม่สามารถรับมือได้” ดัมพ์รงค์อธิบาย

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าสองตระกูลนั้นจะหาคนที่แข็งแกร่งกว่าผู้มีฝีมือสามอันดับแรกในลำดับนักรบของกิสา นี่มันเกินกว่าที่รพีพงษ์คาดเอาไว้ เขาสงสัยว่าใครคือผู้ที่อยู่เหนือกว่าอนันยช

และหกคนนั้นยังแข็งแกร่งกว่าดัมพ์รงค์ รพีพงษ์อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกนั้นอาจจะเป็นผู้มีฝีมือด้านกำลังภายใน

“เรื่องจากนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ไม่ว่าคนที่มาจะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันจะให้มันชดใช้อย่างสาสม” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ดัมพ์รงค์ลังเลเล็กน้อย เหมือนจะเตือนให้รพีพงษ์ระวังตัว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท