พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 659 ผมกลับมาแล้วอารี

บทที่ 659 ผมกลับมาแล้วอารี

ทที่ 659 ผมกลับมาแล้วอารี

หน้ากระจกเต็มบาน

รพีพงษ์เปลี่ยนสูทเรียบร้อย ผมและหนวดเคราของเขาได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย ช่างทำผมยังจัดทรงผมให้เขา จนทำให้รพีพงษ์เหมือนเด็กหนุ่มอ่อนเยาว์

หลังจากที่กลับมารพีพงษ์ไปพูดคุยกับผู้อาวุโสในตระกูลเป็นอันดับแรก บอกให้พวกเขาอย่าเอาเรื่องที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ไปพูดกับใคร และไปสอบถามสถานการณ์ของสองตระกูลนั้นจากดัมพ์รงค์และท่านคทา สุดท้ายจึงให้ท่านคทาหาคนมาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้เขา

และการที่ทำเช่นนี้ เพราะเขาอยากเจออารียาด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม ลูกทั้งสองของเขาใกล้คลอดแล้ว ถึงแม้ลูกในท้องจะไม่เห็นเขา รพีพงษ์ก็ไม่อยากเจอพวกเขาด้วยสภาพเละเทะ

หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อย รพีพงษ์สูดหายใจ แล้วเดินไปที่ห้องของอารียาอย่างช้าๆ

เขาค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เห็นอารียากำลังนอนอยู่บนเตียง ท้องของเธอโตมาก เธอหลับตา คิ้วขมวด ส่วนข้างๆ เตียงของเธอมีพยาบาลคอยดูแลและรับคำสั่งของอารียา

เมื่อพยาบาลสองคนที่อยู่ข้างในเห็นประตูห้องถูกผลักเข้ามา ก็รีบหันมาดูทันที เมื่อเห็นว่าเป็นรพีพงษ์ ต่างก็พากันเบิกตาโต

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเจอรพีพงษ์ แต่ชื่อเสียง รูปภาพต่างๆ ของรพีพงษ์ในเมืองเกียวโต พวกเธอเคยเห็นมาแล้ว ตอนนี้เห็นคนที่เหมือนรพีพงษ์เดินเข้ามา พวกเธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์ทำท่าบอกให้พยาบาลอย่าส่งเสียง และให้พวกเธอออกไปก่อน พยาบาลทั้งสองไม่กล้าส่งเสียงและรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

เมื่อพยาบาลออกไป รพีพงษ์เดินเข้าไปที่ข้างเตียงอย่างเงียบๆ เขานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง และมองอารียาอย่างรักใคร่

เมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อน อารียาในตอนนี้ดูอ่อนล้ากว่าตอนนั้นเล็กน้อย ใบหน้าที่เนียนละเอียดของอารียาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยเนื่องจากความกดดัน รพีพงษ์เห็นแล้วก็ปวดใจ

“รพีพงษ์ นายจะกลับมาตอนไหน ฉันรู้สึกกดดันมาก ฉันกลัวว่าจะอดทนต่อไปไม่ไหว ถ้าเป็นอย่างนั้นตระกูลลัดดาวัลย์ต้องแย่แน่…”

ไม่นาน อารียาที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ขมวดคิ้ว แล้วเพ้อออกมา

“ไอ้คนนิสัยไม่ดี ไม่รู้ว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน แต่ฉันจะต้องหานายและสั่งสอนนายให้ได้”

“ไม่ได้ สิ่งที่เป็นของรพีพงษ์จะหายไปไม่ได้ พวกเขายังไม่รู้ว่ารพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะเป็นคนปกป้องสิ่งที่เป็นของรพีพงษ์เอง!”

“ฉันอยากกอดนาย สักแป๊บก็ได้”

…..

เสียงเพ้อของอารียา ทำให้ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจของรพีพงษ์ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้ร้องไห้มาเป็นเวลาหลายปี ทำให้ต่อมน้ำตาของเขาเริ่มชา เขาคงจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ความกดดันที่อารียาแบกรับเอาไว้ในช่วงนี้ เขาว่ามันต้องหนักหนาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า จนทำให้เธอเพ้อออกมาแบบนี้

เธอแบกรับและทำทุกอย่างเพื่อเขา

รพีพงษ์ยื่นมือไปลูบหน้าผากของอารียา อาจจะเป็นเพราะสัมผัสที่มองไม่เห็น เมื่อมือของรพีพงษ์สัมผัสไปบนหน้าผากของอารียา คิ้วที่ขมวดก็เริ่มคลายลง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เมื่อเห็นว่าอารียาเริ่มผ่อนคลายลง รพีพงษ์จึงเอามือคลึงบริเวณหน้าผากของเธอเบาๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เหมือนว่าอารียาอยากพลิกตัว แต่เพราะท้องของเธอจึงทำให้เธอต้องนอนอยู่ท่าเดิม และทำให้เธอลืมตาขึ้น

เธอลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นว่ามีมือข้างหนึ่งวางอยู่บนหน้าผากของเธอ และคนที่เธอคิดถึงตลอดเวลาก็นั่งอยู่ข้างเตียง จู่ๆ เธอตั้งสติได้ และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป

“ไอ้คนนิสัยไม่ดี กลับมาให้ฉันเห็นในฝัน ทำไมไม่กลับมาจริงๆ ล่ะ อย่าให้ฉันตื่นมาด้วยจิตใจที่ว่างเปล่าทุกครั้งสิ”

รพีพงษ์กำลังหวนคิดถึงเรื่องราวที่เขาผ่านมากับอารียา เมื่อได้ยินเสียงของอารียา เขาก็หลุดออกจากภวังค์ ยิ้มให้อารียา และพูดว่า “ผมกลับมาแล้วนี่ไง”

อารียาย่นปากยู่ แล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังฝันอยู่ นายหลอกฉันทุกครั้ง”

รพีพงษ์จับแก้มของอารียาเบาๆ จากนั้นยื่นแขนของตัวเองไปตรงปากของอารียา “กัดดูสิ”

อารียาอึ้งไปเล็กน้อย คิดในใจว่าฝันของตัวเองแปลกมาก รพีพงษ์พูดอะไรแปลกๆ กับเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องปรึกษาจิตแพทย์สักหน่อยแล้ว

“ไม่กิน” อารียาปฏิเสธ

รพีพงษ์ยื่นแขนของตัวเองออกไปอีกครั้ง “หวานนะ”

อารียาเห็นว่ารพีพงษ์เอาแต่ให้ตัวเองกัด เอาแต่พูดอยู่อย่างนั้น เธอก็เลยอ้าปากกัดไปหนึ่งที

ช่วงที่กัดลงไปบนแขนของรพีพงษ์ อารียาเบิกตาโต เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและสัมผัสจากร่างกายของรพีพงษ์

“ฉะ…ฉันไม่ได้ฝันไปเหรอ” อารียาถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

รพีพงษ์รวบตัวเธอมากอด แล้วพูดว่า “ยัยโง่ ตั้งแต่วันนี้ผมจะไม่อยู่ในความฝันของคุณอีกแล้วนะ”

อารียาได้ยินเสียงหัวใจของรพีพงษ์ จากนั้นเธอก็ดึงแขนของรพีพงษ์มากัดอีกรอบหนึ่ง

ครั้งนี้ เธอใช้แรงกัดอย่างรุนแรง รพีพงษ์ปล่อยให้เธอกัดตามสบาย รอยยิ้มเอ็นดูยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา

“นายโกหก นายไม่เจ็บนิ” อารียาพูดขึ้น

“บางครั้งการโดนคุณกัด ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ ผมจะกล้าพูดว่าเจ็บได้ยังไงล่ะ”

“ผมกลับมาแล้วอารี”

อารียามองคนตัวเป็นๆ ที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลพรั่งพรูออกมา

“รพีพงษ์ อย่าจากฉันไปอีกตลอดชีวิต ได้ไหม” อารียายื่นมือไปโอบคอของรพีพงษ์

“ได้สิ”

….

เกาะทะเลสาบเทียมที่กิสนา

นนทภูนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างเหม่อลอย

หลังจากที่เขารู้ว่ารพีพงษ์ตายในเงื้อมมือของอนันยช เขามักจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนจิตใจขาดอะไรไปบางอย่าง เขาจัดการอะไรได้ช้าลงมาก

ไม่นาน เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นนทภูหลุดออกจากภวังค์

“เข้ามา” นนทภูเอ่ยขึ้น

ชายสวมแว่นเดินเข้ามาในห้อง นนทภูถามขึ้นว่า “ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ตระกูลนิธิวรสกุลอีกเหรอ”

ชายคนนั้นส่ายหน้า แล้วพูดว่า “เราได้รับข่าวที่ดัมพ์รงค์แจ้งมาจากเกียวโต”

“ข่าวอะไร” นนทภูรู้สึกเครียดเล็กน้อย เขารู้ดีว่าสถานการณ์ที่ตระกูลตอนนี้เป็นยังไง เพราะเขาทุ่มเทแรงไปกับการรับมือตระกูลนิธิวรสกุล ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงจัดการเรื่องในตระกูลลัดดาวัลย์

“ดัมพ์รงค์บอกว่านายน้อยยังมีชีวิตอยู่ครับ อีกทั้งเขายังกลับไปที่เกียวโตแล้ว”

นนทภูอึ้งไป เขาย้อนถามกลับไปว่า “นายว่าอะไรนะ”

“นายน้อยยังมีชีวิตอยู่ครับ” ชายคนนั้นพูดย้ำอีกรอบ

นนทภูลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว สีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่หายไปในพริบตา

“ฉันคิดไว้แล้วว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ตายง่ายๆ หรอก ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายฉัน ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”

คนที่เย็นชามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอย่างนนทภู ตอนนี้เขาแทบจะกระโดดโลดเต้นออกมา

“ออกคำสั่งกลับไปว่า ให้ระงับแผนที่จะจัดการกับตระกูลนิธิวรสกุลไว้ชั่วคราว ให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม และรอฟังคำสั่งจากรพีพงษ์”

“ขอแค่รพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลนิธิวรสกุลจะต้องหายไปจากโลกนี้ไม่ช้าก็เร็ว”

นนทภูพูดด้วยความมั่นใจ

“รับทราบครับ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท