พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว

บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว

บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว

ห้องประชุมตระกูลนฤวัตปกรณ์

พลชนายใหญ่ตระกูลนฤวัตปกรณ์และวรยศนายใหญ่ตระกูลวรโชติธีรธรรมนั่งอยู่ที่โต๊ะ เพื่อรอฟังข่าวความล่มจมของหอการค้าสมน. ถ้าตามแผนของพวกเขา วันนี้หอการค้าสมน.ไม่มีทางเอาเงินห้าหมื่นล้านมาอุดส่วนที่เสียไปได้ และจะต้องพังทลายลง

นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว บนโซฟาในห้องประชุมยังมีคนหกคนกำลังนั่งดื่มเหล้า พลชกับวรยศเอาแต่มองไปที่หกคนนั้นไม่หยุด แววตาที่มองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ทั้งหกคนเป็นผู้มีฝีมือด้านกำลังภายในที่อนันยชส่งมา หลังจากที่พวกเขามาถึงเกียวโต และได้รู้สถานการณ์ที่นี่ อีกทั้งยังติดต่อตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม อีกทั้งยังสัญญาว่าจะช่วยพวกเขากำจัดตระกูลลัดดาวัลย์

จากนั้นทั้งหกคนก็จัดการพวกดัมพ์รงค์ต่อหน้าของพลชและวรยศจนเละเทะ พวกเขารู้ดีดัมพ์รงค์น่ากลัวแค่ไหน แต่ทั้งหกคนไม่ได้พูดเล่น อีกทั้งพวกเขายังพูดชื่นชมทั้งหกคนอีกด้วย

และเพราะมีทั้งหกคนอยู่ ทั้งสองตระกูลถึงกล้าจัดงานในวันพรุ่งนี้ เมื่อมีนักสู้ที่แข็งแกร่ง ถึงตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่อยากมอบทรัพย์สินให้ แต่พวกนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น

คนที่เป็นหัวหน้าในบรรดาคนทั้งหกชื่อว่าจณัตว์ เขาเป็นคนที่เรียนรู้วิชาหายใจออกที่อนันยชถ่ายทอดให้ได้ดีที่สุด พละกำลังของเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งหก แต่เมื่อเทียบกับผู้มีฝีมือด้านกำลังภายในอย่างแท้จริง ก็ยังห่างชั้นกันมาก

เพราะว่ารอจนเบื่อ พลชลุกขึ้นมาแล้วเดินไปหาทั้งหกคน เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา ยิ้มและพูดว่า “ดีจริงๆ ที่มีท่านทั้งหกคน พวกเราถึงสามารถบีบบังคับตระกูลลัดดาวัลย์ให้มาอยู่ในจุดนี้ได้ ผมขอคารวะพวกท่าน ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากผม”

พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมด

วรยศเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินเข้ามา “ใช่ ถ้าไม่มีพวกนาย พวกเราไม่รู้จะทำยังไงกับคนมีฝีมือสามคนนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานที่จะจัดพรุ่งนี้เลย ตอนนี้อารียาใกล้คลอด ไม่มีแรงมาดูแลเรื่องในตระกูลลัดดาวัลย์ คนมีฝีมือสามคนนั้นก็โดนพวกคุณทำร้ายจนสาหัส งานเลี้ยงพรุ่งนี้ คงจะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์เหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น”

เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาคารวะทั้งหกคน และดื่มรวดเดียวจนหมด

“ตระกูลลัดดาวัลย์ที่มีอำนาจ พออยู่ต่อหน้าพวกเราก็แค่มดตัวเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจะทำผิดกฎหมาย พวกเราฆ่าคนในตระกูลลัดดาวัลย์ให้หมด และกลับไปตั้งนานแล้ว ไอ้ขยะสามตัวนั่น ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราสักนิด” จณัตว์ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าพออกพอใจ

“ใช่ ใช่ จากพละกำลังของพวกคุณ จะทำลายตระกูลลัดดาวัลย์มันก็แค่เรื่องง่ายๆ ผมรับรองว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ผมจะตอบแทนทั้งหกท่านอย่างเต็มที่ ให้ทุกคนกลับไปอย่างอิ่มหนำสำราญ” พลชยิ้มแล้วพูดออกมา

ขณะที่พลชกับวรยศกำลังพูดเยินยอ มีใครบางคนเดินเข้ามาในห้องประชุม

พลชกับวรยศตาเป็นประกาย วรยศรีบถามขึ้นว่า “ที่หอการค้าสมน.มีข่าวอะไรแล้วใช่ไหม”

คนนั้นมีสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าหอการค้าสมน. ยืมเงินมาจากไหน เขาใช้เงินห้าหมื่นล้านทดแทนส่วนที่เสียไปได้แล้วครับ ตอนนี้การเงินของหอการค้าเป็นปกติแล้วครับ สิ่งที่เราพยายามมาทั้งหมด มันเสียแรงเปล่า ถ้าอยากบีบบังคับให้หอการค้าสมน. เป็นเหมือนก่อน เราจะต้องเสียเงินเยอะมากกว่าเดิมครับ”

“อะไรนะ!” พลชกับวรยศอุทานออกมา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาใช้วิธีการหลายอย่างเล่นงานหอการค้าสมน. แต่ฝ่ายนั้นกลับรับมือได้

“พวกมันไปยืมเงินมาจากไหน” พลชถามขึ้น

“ผมไม่รู้ แต่ได้ยินมาว่าวันนี้คุณหนูของหอการค้าสมน.ไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์” ชายคนนั้นตอบ

พลชหรี่ตาลง แล้วพึมพำว่า “ดูเหมือนว่ามันจะยืมเงินมาจากตระกูลลัดดาวัลย คิดไม่ถึงว่าจนกระทั่งตอนนี้ ตระกูลนั้นยังมีเงินห้าหมื่นล้าน แต่น่าจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของพวกมันแล้ว”

“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ตระกูลนั้นไม่สนตัวเอง แล้วเอาเงินทั้งหมดให้หอการค้าสมน. ยืม งั้นงานคืนพรุ่งนี้ก็จะสามารถบีบบังคับตระกูลลัดดาวัลย์ได้ง่ายขึ้นอีก” วรยศยิ้มแล้วพูดขึ้น

พลชพยักหน้า แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ตระกูลลัดดาวัลย์จะทุบหม้อข้าวตัวเอง ถึงจะเอาเงินให้หอการค้าสมน. มันอาจจะไม่แบ่งให้เรา แต่สิ่งที่มีราคาที่สุดคือพวกอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ เราไม่ต้องไปสนใจส่วนแบ่งน้อยๆ แบบนั้นหรอก”

“นายใหญ่ คนของเราส่งการ์ดเชิญไปให้ตระกูลลัดดาวัลย์ ฝั่งนั้นปิดประตูไม่ยอมรับการ์ดของเรา พรุ่งนี้พวกนั้นอาจจะไม่มาที่งาน” ชายคนนั้นพูด

วรยศหรี่ตาลง “พวกมันเป็นตัวหลักของงานในวันพรุ่งนี้ จะไม่มาได้ยังไงล่ะ”

ขณะนั้น จณัตว์ ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก พรุ่งนี้ผมจะส่งคนของผมไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าพรุ่งนี้พวกมันไม่ไปที่งาน นายหญิงของบ้านมันก็ไม่ต้องคิดเรื่องคลอดลูกแล้ว”

พลชกับวรยศมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง รบกวนพวกท่านด้วย”

ช่วงค่ำภายในห้องประชุมของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

รพีพงษ์นั่งตรงหัวโต๊ะ ท่านคทา เธียรวิชญ์ ธฤตญาณ ไตรทศและคนอื่นๆ มองรพีพงษ์อย่างตื้นตัน ราวกับเห็นสัตว์หายากอย่างไรอย่างนั้น

รพีพงษ์ถูกมองจนทำตัวไม่ถูก เขายิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายอย่าจ้องฉันแบบนั้น พวกนายไม่เคยเห็นฉันเหรอ”

“เคยเห็นน่ะเคยเห็น แต่ครึ่งปีมานี้ พวกเรานึกว่าพี่ตายไปแล้ว จู่ๆ พี่ก็โผล่มา พวกเรารู้สึกว่ามันประหลาดมาก” ธฤตญาณพูดติดตลก

ทุกคนพากันพยักหน้า พวกเขาอยากรู้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมา รพีพงษ์เจอกับอะไรมาบ้าง

“พี่รพี รีบเล่ามาเลยว่าครึ่งปีมานี้ พี่ไปเจออะไรมาบ้าง พวกเราสงสัยจะตายแล้ว” ไตรทศเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์เล่าให้พวกเขาฟังแบบคร่าวๆ ว่าตัวเองถูกฝนสุดาช่วยเอาไว้ และไม่ได้พูดเรื่องสำคัญบางเรื่อง เพราะมันไม่จำเป็นต้องเล่าในตอนนี้ รวมถึงเรื่องที่เขากลับไปหาอาจารย์ด้วย

สำหรับรพีพงษ์แล้ว อาจารย์ยังคงเป็นความลับอย่างหนึ่ง

ถึงแม้มันจะเป็นการเล่าแบบคร่าวๆ แต่ทุกคนก็ฟังอย่างสนใจ และอุทานออกมาว่ารพีพงษ์เป็นคนที่โชคดีจริงๆ

“เหมือนที่คำโบราณกล่าวว่า ถ้ามีชีวิตรอดหลังจากที่พบความยากลำบาก จะพบโชคดี การที่พี่รพีกลับมาครั้งนี้ สำหรับพวกเราแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีอย่างใหญ่หลวง ” ไตรทศเอ่ยขึ้น

จู่ๆ ท่านคทาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “รพีพงษ์กลับมามันก็เป็นเรื่องดี แต่สองตระกูลนั้นก็ยังบีบบังคับเราจนอยู่ในขั้นวิกฤต ลูกธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยวก็จำเป็นต้องยิงออกไป ตอนนี้เราควรคิดว่าจะผ่านด่านอันยากลำบากนี้ไปยังไง”

บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียด

รพีพงษ์เห็นทุกคนมีท่าทางแบบนั้น เขายิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้พวกนายไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะลงมือจัดการเอง”

“พี่รพี พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง สองตระกูลนั้นร่วมมือกับกิจการแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในเกียวโตมาบีบบังคับพวกเรา ถึงพี่กลับมา เรื่องนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้” เธียรวิชญ์พูดแล้วถอนหายใจออกมา

“ใช่ สองตระกูลนั้นทำให้คนอื่นไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเราไม่รู้จะทำยังไงกับพวกนั้นแล้ว” ธฤตญาณพูดด้วยสีหน้าหดหู่

คนในห้องต่างพากันถอนหายใจออกมา คิดว่าตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่สามารถสู้กับตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมได้

“อย่าคิดในแง่ร้ายแบบนั้นสิ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะสองตระกูลนั้นไม่ใช่เหรอ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างพากันพยักหน้า

“งั้นฉันก็ฆ่าคนในสองตระกูลนั่นให้หมด ปัญหาก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท