บทที่663 มึงเยอะเกินไปแล้ว
“รพีพงษ์ แก……แกคิดจะทำอะไร?” วรยศที่อยู่ข้างๆตกใจขึ้นมา จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านหลังยังมียอดฝีมือ เขาจึงไม่กลัวอะไร
รพีพงษ์มองไปที่เขา กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ทำไม พวกแกจะลงมือกับเมียและลูกของฉัน แล้วยังจะเอาธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันจะทำอะไร พวกแกไม่รู้หรอ?”
“ร……รพีพงษ์ แกหยุดอวดเก่งได้ล่ะ แม้แกจะมีชีวิตอยู่ แต่ตระกูลลัดดาวัลย์ของแกต้องเอาธุรกิจออกมาให้ ยุคของตระกูลลัดดาวัลย์ของของแก ได้จบลงแล้ว” พลชสูดหายใจลึกๆเพื่อระงับความกลัวที่รพีพงษ์ทำไว้ แล้วตะคอกไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์เหอะๆ แล้วกล่าว “แกคิดว่าแกเป็นใคร กิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ แกให้มอบให้แล้วฉันก็ต้องมอบให้”
“มึง!” พลชไม่พอใจ ดูออกว่าโมโห เขาได้แพ้รพีพงษ์แล้ว
ขณะเดียวกันนี้เองจณัตว์พาสามคนเดินไปที่รพีพงษ์ เชิดหัวขึ้นพลางจ้องไปที่เขา
”มึงคือรพีพงษ์? กูสองพี่น้องไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์ มึงไม่เห็นพวกกู?”
รพีพงษ์จ้องไปที่จณัตว์ทั้งสี่คน รู้สึกได้ถึงอำนาจของทั้งสี่คน แล้วถาม “พวกแกเป็นคนที่อนันยชให้มา?”
“เหอะเหอะ ไม่คาดคิดว่ามึงก็มีแววตาเหมือนกันนะ ไม่เลวหนิ กูจณัตว์ มาที่นี่ เพื่อล้างบางตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกมึง คาดไม่ถึงว่าชีวิตของมึงจะยาวได้ขนาดนี้” จณัตว์กล่าวอย่างดูแคลน
“เกรงว่าแกจะคิดมากไปแล้ว สองคนนั้นที่พวกมึงให้ไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์นั้น ตายด้วยน้ำมือของกูแล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย
จณัตว์ตาโต แต่ก็ยังเหยียดหยามว่า “หยุดใช้วิธีนี้โกหกกูได้ล่ะ ฝีมือของพวกมันเป็นไงกูรู้ดี จะฆ่ามันทั้งสอง ฝีมือมึง ก็พอได้อยู่”
เห็นจณัตว์ไม่เชื่อ รพีพงษ์ก็บึนปาก และขี้เกียจจะอธิบาย หันไปมองทุกคน แล้วกล่าวอย่างดึงว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมหลอกพวกคุณ ถ้าคิดจะแย่งกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์ ผมไม่ว่า แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมไว้แน่ ดังนั้นขอทุกท่านได้โปรดเป็นพยาน วันนี้ ผมจะล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม ต่อไปใครคิดจะทำลายตระกูลลัดดาวัลย์ คิดให้ดีๆ”
ทุกคนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น คนจำนวนไม่น้อยแสดงออกถึงความเหยียดหยาม ดูออกชัดเจนว่าพวกเขาคิดว่าตระกูลลัดดาวัลย์ในปัจจุบันไม่มีความสามารถต่อกลอนกับตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมได้
ช่วงครึ่งปีมานี้ ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้เป็นใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่รพีพงษ์กลับมาแล้วจะแก้ไขได้เลยในทันใด
แน่นอน พวกเขาไม่รู้ ว่าเบื้องหลังรพีพงษ์ยังมีเทือกเขากิสนาอยู่ ปัญหาอันเล็กน้อยในปัจจุบันของตระกูลลัดดาวัลย์ แค่รพีพงษ์โทรศัพท์กลิ๊งเดียวก็ได้แล้ว
“มันชั่งน่าขำจริงๆ รพีพงษ์ ช่วงครึ่งปีมานี้มึงคงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลบ้าหรอกนะ หรือสมองมึงกลับแล้ว ที่จะรักษาชีวิตไว้? มึงรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลลัดดาวัลย์ไหม ถึงได้กล้าพูดว่าจะล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม ตลกชิบหายเลยหวะ!” พลชกล่าวอย่างประชดประชัน
วรยศเดินไปด้านหน้า แล้วกล่าว “ทุกท่าน คำพูดทุกคำที่รพีพงษ์พูดออกมานั้น ก็แค่ใช้อำนาจที่เหลืออยู่เล็กนั้นพูดออกมา ถ้ามีปัญหากันจริงๆ ผมไม่ชนะมันแน่นอน แต่ สี่คนนี้ เป็นยอดฝีมือ ก่อนหน้านี้ที่ยอดฝีมือสามคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ถูกพวกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บ หนึ่งในสี่ของพวกเขา ทำเอารพีพงษ์ไร้ซึ่งเนื้อหนังไปแล้ว!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของวรยศ ก็ไม่พอใจรพีพงษ์มากขึ้น พวกเขามองว่า วันนี้ที่รพีพงษ์กลับมาก็เพื่อเป็นตัวตลก
รพีพงษ์บึนปาก แล้วก้าวไปข้างหน้า ตบวรยศไปหนึ่งฉาด กำลังภายในเดือดพล่าน ฉาดนี้ ตบเอาหน้าของวรยศหันร้อยแปดสิบองศา
เสียงแกร๊กดังขึ้น เสียงประชดประชันของวรยศหยุดลง ร่างล้มลงไปนอนกับพื้นโดยตรง
“มึงเยอะเกินไปแล้ว” รพีพงษ์จ้องไปที่วรยศแล้วกล่าวอย่างนิ่งๆ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเริ่มกรีดร้องออกมา นายใหญ่ตระกูลตระกูลวรโชติธีรธรรม ถูกรพีพงษ์ตบตาย
พลชตกใจถึงขั้นเกือบฉี่ราดออกมา จณัตว์ก็ไม่ทันได้เตรียมตัวว่ารพีพงษ์จะลงมือเร็วขนาดนี้ หลังจากที่เห็นวรยศล้มลงกับพื้นแล้วนั้น จณัตว์ชกไปที่รพีพงษ์
“กล้าฆ่าคนต่อหน้ากู รนหาที่ตายแล้วมึง!”
รพีพงษ์สงบนิ่ง หลังจากที่นับหมัดของจณัตว์แล้วนั้น มองไปที่สายตาคนข้างหลังเขาทั้งสามคน แล้วกล่าว “ให้พวกมันเข้ามาด้วย”
จณัตว์กล่าว “มึงโอหังเกินไปแล้ว แค่กูคนเดียวมึงยังเอาชนะไม่ได้ แล้วยังอยากต่อยสี่คนอีก มึงควรจะคิดว่าจะใช้ท่าไหนไปหายมบาลจะดีกว่า!”
พูดจบ จณัตว์ก็ลงมือกับรพีพงษ์ต่อ สามคนข้างหลังเขาอยากกำจัดรพีพงษ์ให้เร็วขึ้น ไม่ได้นึกถึงจำนวนคนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ก็ได้พูดแล้วให้พวกเขารุมเข้ามาเลย
ทั้งสามเข้าร่วมการต่อสู้ อยู่ฝ่ายเดียวกับจณัตว์ ต่อกลอนกับรพีพงษ์
ทุกคนในงานถอยไปอยู่รอบๆ เหลือเนื้อที่ไว้ให้กับการต่อสู้ รพีพงษ์ตบฉาดเดียวตาย ถ้าโดนลูกหลง แค่เจ็บแต่ไม่ถึงปางตาย
รพีพงษ์และทั้งสี่คนต่อสู้กัน ความเร็วที่พวกเขาจินตนาการไว้ยังไม่ปรากฏออกมา รพีพงษ์ต่อกลอนกับสี่คน ชัดเจนว่าฝีมือเยี่ยม ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“พวกมึงน่าจะแปลกใจว่าทำไมกูต้านทานพวกมึงสี่คนได้สินะ?” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
“ความจริง ูคนเดียวก็ฆ่าพวกมึงทั้งสี่คนได้นะ”
พูดจบ รพีพงษ์ไม่คิดจะเล่นกับพวกเขาแล้ว จึงได้ใช้กำลังภายใน ต่อยไปที่คนหนึ่ง ตายในทันใด ล้มลงกับพื้น
จณัตว์ตกใจจนซีด มองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ในสมองเกิดความคิดขึ้นมา
“มึง……มึงคือยอดฝีมือกำลังภายใน?!”
รพีพงษ์ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “ดีใจด้วย ถูกต้องแล้ว”
จากนั้นรพีพงษ์ก็ปล่อยสองหมัดไปที่อีกสองคนที่เหลือ พวกเขาทั้งสองไม่ทันได้ระวัง ก็ถูกรพีพงษ์จัดการแล้ว
จณัตว์เห็นความน่าเกรงขามของอนันยช รู้ว่ายอดฝีมือกำลังภายในเป็นอย่างไร ด้วยฝีมือของเขา แม้จะผ่านไปร้อยปี ก็ไม่น่าจะชนะยอดฝีมือกำลังภายในได้
ดังนั้นเมื่อเขานึกขึ้นได้ จึงรีบหนี วันนี้ทำได้เพียงหนี จึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
แต่ทว่ารพีพงษ์ไม่เปิดโอกาสนี้ให้เขา ในขณะที่จณัตว์กำลังจะหนีนั้น เขาก็อยู่ที่ด้านหลังของจณัตว์ และถามข้างๆหูว่า “ทำไมรีบไปล่ะ ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าไปอีกเลย”
จณัตว์ขนลุกซู่ รู้สึกว่ารพีพงษ์เหมือนเป็นผีมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น น่ากลัวที่สุด
“ได้โปรด……”
เสียงของจณัตว์ยังไม่ดังออกมา รพีพงษ์ก็บีบคอเขา เมื่อออกแรง เสียงกระดูกแตกร้าวก็ดังขึ้นมา จณัตว์ล้มชักอยู่บนพื้น