พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่668 บูชาต่างชาติ

บทที่668 บูชาต่างชาติ

บทที่668 บูชาต่างชาติ

ฑวัตอละเดซี่ทั้งคู่หันไปมองรพีพงษ์ เห็นการแต่งกายของรพีพงษ์ บวกกับในมือถือผ้ากันเปื้อน ก็ชัดเจนว่าคนด้านหน้านี่แหละคือรพีพงษ์

แต่ฑวัตไม่ได้พูดออกมาโดยตรง แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วกล่าว “ผมเอง ทำไมหรอ ดูจากลักษณะของคุณ น่าจะเป็นเด็กหลังร้านล้างจานสินะ มีปัญหาให้ผู้จัดการมา คุณมาหาผมไม่เหมาะสม”

เดซี่ปิดจมูกตัวเอง แล้วกล่าวอย่างรังเกียจว่า “เหม็นชะมัด ผู้ชายในประเทศชั่งน่ารังเกียจจริงๆ คุณรีบไปเถอะ ฉันจะรับไม่ไหวแล้ว”

รพีพงษ์ไม่โมโห ยิ้มกับฑวัต แล้วกล่าว “ผมคือรพีพงษ์ สามีของอารียา”

ฑวัตทำท่าทางตื่นตกใจ แล้วกล่าวต่อรพีพงษ์ว่า “คุณคือรพีพงษ์หรอ ขอโทษนะ ถ้าคุณไม่บอกผมคิดว่าเป็นพนักงานล้างจานหลังร้านเสียอีก”

รพีพงษ์รู้สึกได้ถึงความจอมปลอมของเขา คิดในใจว่าเพื่อนคนนี้ของอารียามาร้าย แต่เขาเพิ่งมีลูกสาว ยังมีความสุขอยู่ จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา

“ผมเพิ่งทำอาหารที่บ้านเสร็จ อารีให้ผมมาต้อนรับคุณ ผมทำตัวสบายๆจนชิน หวังว่าพวกคุณจะไม่แคร์” รพีพงษ์กล่าว

“ทำตัวสบายจนเคยชิน ผมว่าตอนคุณอยู่บ้านนอกจากล้างจานทำอาหาร ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว บอกว่ามีเกียรติสง่าผ่าเผย ชั่งหน้าไม่อายจริงๆ” เดซี่พึมพำ

ฑวัตยิ้ม แล้วกล่าว “นี่คือแฟนของผม ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศจนเคยชิน พูดตรงๆ คุณอย่าเก็บไปใส่ใจ”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วไม่ได้พูดอะไร

“พวกเราเพิ่งสั่งอาหาร ยังไม่ได้ทาน เป็นไรเช่นไหมถ้าคุณจะนั่งรออยู่ตรงนี้?” ฑวัตถาม

“ไม่เป็นไร พวกคุณกินไปก่อน ผมได้จัดโรงแรมให้พวกคุณแล้ว”

รพีพงษ์กล่าว “ผมไปลากเก้าอี้ทางมาจากนู้นแป๊ปนะ”

พูดจบ เขาก็เดินไปที่พนักงาน

ฑวัตกล่าวอย่างเหยียดหยามทันใดว่า “กระจอกจริงๆ ที่แบบนี้ไม่ให้เพิ่มเก้าอี้หรอกนะ นอกจากเขาจะกินข้าวที่นี่ ดูๆแล้วข่าวลือที่ว่าแฟนของอารียาคือไอ้สวะ นั่นเป็นความจริง”

“คนแบบมัน ชาตินี้ก็ไม่มีทางมากินข้าวที่นี่ได้หรอก อย่าไปสนใจ ดูว่ามันจะเสียหน้ายังไง” เดซี่มองรพีพงษ์ แล้วกล่าว

รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าของพนักงาน แล้วกล่าว “ช่วยเอาเก้าอี้มาให้ผมหน่อย วางโต๊ะนั้น”

“คุณผู้ชาย……ที่นี่……คุณ……คุณคือคุณรพี!” พนักงานคนนั้นตาโตทันทีที่เห็น

ในวงการอาหารตระกูลลัดดาวัลย์ถือว่าใหญ่ที่สุด ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโดยทั่วไปส่วนใหญ่มักจะมีหุ้นของตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ด้วย ร้านอาหารบลูดรีมนี้ก็ไม่ต่างกัน และชื่อเสียงของรพีพงษ์ไม่มีใครไม่รู้จัก ที่พนักงานคนนี้รู้จักรพีพงษ์ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

รพีพงษ์เพียงแค่พยักหน้าให้เขา ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเสียงดัง หยิบเก้าอี้มาก็พอ

พนักงานรีบพยักหน้า แล้วไปหยิบเก้าอี้ให้รพีพงษ์

รพีพงษ์เดินกลับไปที่โต๊ะของฑวัตและเดซี่ ทั้งสองคิดว่าพนักงานไม่สนใจเขา ฑวัตจึงพูดว่า “ผมลืมบอกคุณไป ว่าที่นี่……”

เขายังไม่ทันพูดจบ พนักงานก็นำเก้าอี้มาวางไว้ ด้วยความยินดีแล้วกล่าว “คุณรพี เก้าอี้ของคุณ”

รพีพงษ์พยักหน้า นั่งลงข้างๆทั้งคู่

ฑวัตอับอาย เพิ่งพูดออกไปแต่ต้องหุบปากเสียแล้ว

“เมื่อกี๊คุณพูดว่าอะไรนะ?” รพีพงษ์จ้องไปที่ฑวัตแล้วถาม

“ไม่ ไม่มีอะไร” ฑวัตกล่าว

“ผีหลอกแล้วจริงๆ ดวงดีจริงๆนะ เจอพนักงานที่อารมณ์ดีขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ไล่เขาออกไปนานแล้ว” เดซี่พึมพำ

ฑวัตอะแห่ม ไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้อีก แต่จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม “ตอนนี้พวกคุณลงหลักปักฐานที่เกียวโตแล้ว? ทำงานที่เกียวโตแล้ว?”

“ไม่ถึงขนาดนั้น พอดีที่เกียวโตมีปัญหานิดหน่อย ตรงกับคลอดลูก จึงไม่ได้กลับไป อารีเพิ่งจะคลอดลูก ผมอยากดูแลเธอให้ดี จึงไม่ได้ทำอะไร” รพีพงษ์ตอบ

ฑวัตพยักหน้า เขามองว่า รพีพงษ์ไม่มีความสามารถลงหลักปักฐานที่เกียวโตได้ ราคาบ้านที่นี่แพงจนน่าตกใจ ทะเบียนบ้านก็ทำยาก คนธรรมดาไม่ง่ายที่จะลงหลักปักฐานที่เกียวโต

“ก็ใช่ อยากลงหลักปักฐานที่เกียวโตค่อนข้างลำบาก” ฑวัตกล่าว

“ได้ยินอารีบอกว่า พวกคุณกลับมาจากต่างประเทศ” รพีพงษ์ถาม

พูดถึงเรื่องนี้ เขาทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมา ท่าทีภูมิใจ ราวกับว่าการที่กลับมาจากต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่นน่าโอ้อวดอย่างมาก

“ครั้งนี้ที่วัดกลับมา จะมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท เอ็กเซลเลนซ์เน็ตเวิร์คเทคโนโลยี จำกัด เก็บเกี่ยวประสบการณ์ สองปีข้างหน้าค่อนกลับอเมริกา แล้วฉันก็จะแต่งงานกับเขา ให้สัญชาติกับเขา จากนั้นค่อยกลับมา” เดซี่กล่าว

“หรอ? อยู่ในประเทศไม่ดีหรอ ทำไมต้องกลับไปล่ะ?” รพีพงษ์ถาม รพีพงษ์มองว่า ปัจจุบันนี้ประเทศก็พัฒนาไปไม่น้อยกว่าต่างประเทศเลย ในฐานะที่เป็นคนจีน ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศถึงจะถูก

เดซี่บึนปาก ด้วยความไม่พอใจ แล้วกล่าว “คืองี้ หลังจากที่กลับมาแล้ว ฉันรู้สึกหายใจไม่คล่อง อากาศต่างประเทศสดชื่นกว่า แล้วคนที่นั่นก้ดีกว่าคนในประเทศไม่รู้กี่เท่า ถ้าไม่ใช่เพราะให้วัดกลับมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฉันก็ไม่มีทางกลับมาหรอก”

ได้ยินคำพูดนี้ของเดซี่ รพีพงษ์ก็รู็สึกเหยียดหยาม ไม่คิดว่าคนนี้จะบูชาคนต่างชาติได้ขนาดนี้

“เดซี่พูดไม่ผิด คุณไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่รู้จักโลกภายนอก ในประเทศเทียบกับต่างประเทศไม่ได้ คุณก็ต้องขยัน……ชั่งเถอะ พูดเรื่องนี้กับคุณก็ไม่มีประโยชน์” ฑวัตเหยียดหยามรพีพงษ์

รพีพงษ์หัวเราะเหอะเหอะ เขารู้เรื่องต่างประเทศเป็นอย่างดี เพียงแค่เมื่ออยู่จุดเดียวกับเขาแล้ว เขาก็ต้องคิดว่าประเทศของตัวเองดี เขาก็ไม่เข้าใจว่าพวกที่บูชาต่างชาตินั้นคิดอะไรอยู่

“เอ็กเซลเลนซ์คือกิจการของครอบครัวเดซี่ ผมรู้ว่าคุณหางานทำยาก ถ้าคุณอยากเป็นยามเฝ้าประตูหรือพนักงานทำความสะอาดของเอ็กเซลเลนซ์ บอกผมได้นะ รับรองว่าเงินเดือนไม่น้อย แค่พูดก็ได้แล้ว” ฑวัตกล่าวอย่างสะใจ

รพีพงษ์บึนปาก เขาดูออกว่าสองคนนี้มาเพื่อโอ้อวด ไม่ได้ต้องการการรับรองแต่อย่างใด ในเมื่อครอบครัวก็เปิดบริษัทอยู่ที่เกียวโต แล้วจะหาที่พักที่เกียวโตไม่เจอเลยหรอ

ไตร่ตรองสักครู่ รพีพงษ์คิดว่าต้องไม่ทำให้อารียาอับอาย ดูออกชัดเจนว่าเพื่อนชายของเธอรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ อยากจะโอ้อวดต่อหน้าอารียา เพื่ออยากมีตัวตน เขาในฐานะที่เป็นสามีของอารียาจะทำให้อารียาขายหน้าไม่ได้เป็นอันขาด

เขาจึงเงยหน้า ยิ้มพลางกล่าว “ถ้าผมจำไม่ผิด ช่วงนี้เอ็กเซลเลนซ์กำลังพยายามหาทางร่วมมือกับอินเตอร์เน็ตของประเทศ HXกรุ๊ป ถ้าพวกคุณประสบปัญหาอะไร บอกผมได้ ผมจะช่วยพวกคุณ”

HXกรุ๊ป เป็นบริษัทอินเตอร์เน็ตที่ตระกูลลัดดาวัลย์สร้างขึ้นมาพอดี ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตยิ่งอยู่ยิ่งพัฒนา ตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่มีส่วนร่วมได้ไงกัน

วันนั้นตอนที่ได้พูดคุยกับเธีบรวิชญ์ รพีพงษ์บังเอิญได้ยินเขาพูดเกี่ยวกับเอ็กเซลเลนซ์อยู่บ้าง

ปัจจุบันเธียรวิชญ์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในส่วนของกิจการอินเตอร์เน็ตของตระกูลลัดดาวัลย์

ถ้าต่างประเทศดีจริง ทำไมเอ็กเซลเลนซ์ประจบสอพลอHXกรุ๊ปได้ ถ้าจำเป็นจริงๆ รพีพงษ์จะสั่งสอนฑวัตและเดซี่สักครั้ง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท