พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่671 คนนี้คือท่านประธานของเรา

บทที่671 คนนี้คือท่านประธานของเรา

บทที่671 คนนี้คือท่านประธานของเรา

ในมุม ฑวัตและเดซี่ทั้งสองมองไปที่วุฒิศรกับผู้บริหารทั้งหลายพูดคุยกัน ด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ ท่าทีของเธียรวิชญ์เมื่อกี๊ทำให้พวกเขารู้เสียคนสำคัญไป

แน่นอน ในความเป็นจริง ไม่มีใครสนใจเขาทั้งคู่

“คุณว่าที่ตัวแทนของHXกรุ๊ปพูดหมายความว่าไง เมื่อกี๊คุณจับมือกับเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะขยับ คือดูถูกเอ็กเซลเลนซ์ของเราหรอ?” เดซี่พึมพำอย่างโมโห

“บางทีเขาอาจจะไม่คุ้นชินกับการจับมือก็ได้นะ คุณดูสิปกติเขาก็ไม่จับมือกับใครนะ อย่าคิดมาก” ฑวัตปลอบ

“เหอะ ไอ้พวกชอบดูถูกคนอื่น บริษัทที่นี่ของครอบครัวฉันก็เป็นแค่สาขาย่อย ถ้าที่อเมริกา ดูสิว่าพวกเขาจะยังกล้าทำแบบนี้อีกไหม HXกรุ๊ปก็แค่มีชื่อที่นี่ ที่อเมริกา แม้แต่ต่อคิวยังทำไม่ได้เลย” เดซี่ยังคงกล่าวอย่างไม่พอใจ

ฑวัตรีบพูดคล้อยตาม ในใจคิดว่าในเมื่อครอบครัวคุณเก่งขนาดนี้ ทำไมยังจะร่วมมือการค้ากับ HXกรุ๊ปอีกล่ะ

แน่นอน เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพราะอนาคตเขาต้องพึ่งเอ็กเซลเลนซ์ คำพูดแขวะแบบนี้เก็บมันไว้ในใจก็พอแล้ว

“หวังว่าอีกเดี๋ยวท่าทีของประธานของHXกรุ๊ปจะดีกว่านี้ มิเช่นนั้น ถ้าไม่ทำการค้ากับเขา ฉันก็จะไม่ไว้หน้าพวกเขาเช่นกัน” เดซี่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

ฑวัตกล่าวทันใดว่า “คุณอย่าใช้อารมณ์สิ คุณก็รู้อยู่ว่าการร่วมมือทางการค้าในครั้งนี้กับHXกรุ๊ปนั้นมันสำคัญขนาดไหน ถ้าคุยไม่สำเร็จ บริษัทของคุณที่เป็นสาขาย่อยที่นี่ก็จะไม่มีคุณค่าใดๆอีก บางครั้งในการทำธุรกิจก็ต้องยอมๆเค้าบ้าง คุณก็ไม่คิดบ้างว่าพ่อของคุณมีอคติกับผมเพราะเรื่องนี้มากขนาดไหน?”

เมื่อได้ยินฑวัตพูดดังนี้ เดซี่ก็ใจเย็นลง ถึงแม้ในใจเธอจะดูถูกบริษัทที่อยู่ในประเทศมากขนาดไหน แต่การร่วมมือกันทางการค้าครั้งนี้สำคัญอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเธอแค่พูดว่าจะไม่เอาก็ไม่เอาแล้ว

“น่ารำคาญจริงๆ ที่นี่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ฉันจะต้องรีบกลับประเทศให้เร็วที่สุด อากาศที่นั่นสดชื่น” เดซี่กล่าวอย่างไม่มีทางเลือก

ประตูของนิทรรศการ รพีพงษ์ลงจากรถแท็กซี่คันหนึ่ง เดินไปข้างใน

ขณะเดียวกันนี้ฑวัตและเดซี่กำลังเดินเล่นอยู่ในงาน ฑวัตหันหน้าไปมอง ก็เห็นรพีพงษ์ที่กำลังเดินเข้ามายังในงาน

“ไอ้นี่มาที่นี่ทำไมกัน?” ฑวัตพึมพำ

เดซี่มองตามฑวัต หลังจากที่เห็นรพีพงษ์แล้วนั้น หน้าตาบูดบึ้ง เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี กำลังหาโอกาสระบายอารมณ์ รพีพงษ์เป็นตัวระบายอารมณ์ที่เหมาะสมที่สุด

“วัด ไอ้นี่มันยังไม่ขอโทษพวกเราเลย พวกเราไปด่ามันซักหน่อย ให้ฉันได้ระบายอารมณ์” เดซี่ลากฑวัตไปหารพีพงษ์

ฑวัตก็ไม่ได้มีรพีพงษ์อยู่ในสายตา เขามองว่า งานนิทรรศการอินเตอร์เน็ตที่ใหญ่โตขนาดนี้ เป็นผู้คนเก่งอย่างเขาเท่านั้นที่มีวิธิ์เข้าร่วม รพีพงษ์ก็แค่ไอ้สวะยากจน มีสิทธิ์อะไรมาที่นี่

ทั้งสองมาถึงด้านหน้ารพีพงษ์ ขวางเขาเอาไว้ เดซี่กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

ยังกล้ามาสถานที่แบบนี้อีก ไง มาวางท่อน้ำหรอ? หรือมาทำความสะอาดห้องน้ำ?”

รพีพงษ์เห็นฑวัตและเดซี่ทั้งคู่ที่ขวางอยู่ด้านหน้าของเขา ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ยิ้มพลางกล่าวว่า “ผมมาร่วมงานนิทรรศการอินเตอร์เน็ต กรุณาหลบด้วย พวกเขากำลังรอผมอยู่”

“รพีพงษ์ คุณกำลังเล่นตลกอยู่หรือไง? คนส่วนใหญ่ที่มางานอินเตอร์เน็ตนี้คือผู้บริหารทั้งนั้น พวกเขาจะรอไอ้ยากจนอย่างแก? จะบอกให้นะ เรื่องวันนั้นยังไม่จบ คุณรีบขอโทษผมกับเดซี่ซะ มิเช่นนั้นวันนี้อย่าคิดจะออกไปจากที่นี่เลย” ฑวัตกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

รพีพงษ์จ้องไปยังสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า แล้วกล่าว “ทำไมผมต้องขอโทษพวกคุณด้วย พวกคุณบูชาต่างชาติ ไม่ให้เกียรติกรรมกร ถ้าต้องขอโทษ ก็ต้องเป็นพวกคุณที่ต้องขอโทษ”

“ตลก! พวกเราบูชาต่างชาติแล้วไง? ต่างประเทศดีกว่าในประเทศเป็นร้อยเท่า นี่คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในประเทศมีอะไรดี คุณยังบอกไม่ได้เลย ยังจะบอกว่าพวกเราบูชาต่างชาติอีก หรือคุณไม่รู้ว่าโลกนี้มันมีชนชั้นต่ำกับชนชั้นสูงหรอ พวกมันทำได้เพียงออกแรง งานแบบนี้มีดีอะไร!” เดซี่กล่าว

เมือ่ได้บินคำพูดนี้ของเดซี่ รพีพงษ์ก็ไม่ได้โมโห แต่กลับยิ้มเบาๆ จากนั้นก็เดินผ่านทั้งสอง เข้าไปยังด้านใน

“คุณไม่ได้ยินคำพูดที่ผมพูดหรือไง ผมให้คุณขอโทษเราอยู่นะ หูหนวกหรือไง!” ฑวัตเห็นรพีพงษ์เดินไป จึงรีบตะโกนตามหลัง

“วัดรีบลากมันไว้ วันนี้มันต้องขอโทษฉันนะ ไม่งั้นเรื่องนี้ไม่จบ!” เดซี่ชักตาพลางตะคอก

ทั้งสองรีบเดินให้ทันรพีพงษ์ จะลากเขาเอาไว้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเร็วขนาดไหน ก็ไม่สามารถตามรพีพงษ์ได้ทัน แม้รพีพงษ์จะเดินเหมือนเดินเล่น แต่ก็สามารถทิ้งระยะจากสองคนนั้นได้

“ทำไมไอ้นี่มันเดินเร็วจัง? บ้าจริง มันเดินไปที่ตรงกลางนั้นแล้ว เดี๋ยวถ้ามันสร้างปัญหาขึ้นมา คนของHXกรุ๊ป ไม่แน่อาจกระทบการร่วมมือทางการค้า ผมว่ามันตั้งใจมาวุ่นวาย” ฑวัตด่าเสียงเบา

ไม่นาน รพีพงษ์ก็เดินไปถึงตรงกลางตรงนั้น

สีหน้าฑวัตเปลี่ยนไป แล้วพุ่งไปที่รปภ.แล้วตะโกน “รีบไปขวางมันไว้ มันมาเพื่อก่อความวุ่นวาย!”

รปภ.ตกใจ รีบมองไปที่รพีพงษ์ เตรียมพร้อมจะลงมือ

ในขณะเดียวกันนี้เอง เธียรวิชญ์เห็นรพีพงษ์เดินไปทางนั้น ยิ้มพลางต้อนรับเขา

รปภ.ทั้งสองเห็นเหตุการณ์ ก็รีบหยุดทันที

คนเมื่อกี๊คือผู้บริหารของHXกรุ๊ป เขาเข้ามาต้อนรับเอง แล้วคนนั้นจะมาก่อความวุ่นวายได้ไงกัน เหตุการณ์แบบนี้ พวกคุณอยู่นิ่งๆไว้จะดีกว่า

ฑวัตและเดซี่คิดไม่ถึงว่าเธียรวิชญ์จะต้อนรับรพีพงษ์ด้วยตัวเอง ก็เกิดความงงงวยขึ้นมา

หลังจากที่ผู้บริหารเหล่านั้นในงานเห็นรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ตกใจ ข่าวลือที่วารพีพงษ์เสียชีวิตแล้วนั้นดังไปทั่ว ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะปรากฏตัวที่นี่ได้ ทำให้พวกเขาเชื่อทันที ว่าข่าวลือนั้นไม่เป็นความจริง

แล้วก่อนหน้านี้ที่ตอนนั้นตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมได้โดนล้างบางภายในคืนเดียว พวกเขาก็ได้ยินมาบ้างแล้ว ตอนนี้ดูๆแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าเพราะรพีพงษ์กลับมา ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมจะได้สลายไป

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับการที่คนอื่นจะรู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่หรือไม่ แม้ข่าวนี้จะเข้าหูคนของตระกูลวรโชติธีรธรรม ก็เกรงว่าจะอีกนาน

รพีพงษ์ได้เตรียมแผนไว้แล้ว ใช้เวลาไม่นาน เขาก็ไปเยือนอเมริกาด้วยตัวเอง ปิดฉากความแค้น ระหว่างเขาและอนันยช

ทุกคนเดินไปด้านหน้า ทักทายรพีพงษ์ด้วยความเคารพ รพีพงษ์พยักหน้าตอบรับ แม้เขาจะสวมใส่ชุดที่ธรรมดาในวง แต่ท่าทางดูดีที่สุดในนั้นแล้ว

ฑวัตและเดซี่งงอีกครั้ง ยังไงก็ไม่คาดคิด ว่าผู้บริหารอินเตอร์เน็ตเหล่านี้ จะทักทายรพีพงษ์ ต้องเป็นระดับไหนถึงจะเป็นแบบนี้ได้นะ?

พวกเขาทั้งสองเดินไปด้านหน้าของผู้คน ฑวัตยังคงไม่เชื่อ จึงได้ถามเธียรวิชญ์ว่า “คุณเธียรวิชญ์ คนนี้……”

เธียริวชญ์มองไปที่ฑวัต ยิ้มพลางกล่าว “คุณมาถูกเวลาพอดี คุณจะพูดคุยเรื่องการร่วมมือทางการค้ากับท่านประธานไม่ใช่หรอ? คนนี้คือท่านประธานของเรา คุณมีเรื่องอะไร ก็พูดกับท่านประธานแล้วกัน”

พูดจบ เธียรวิชญ์ก็ชี้ไปที่รพีพงษ์

ฑวัตและเดซี่ทั้งสอง ตัวแข็งราวกับก้อนหิน หยุดอยู่กับที่ไม่ไปไหน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท