พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่672 มองตัวเองสูงไป

บทที่672 มองตัวเองสูงไป

บทที่672 มองตัวเองสูงไป

“ท่าน…..ท่านประธาน? ไอ้นี่ ไอ้นี่มันเป็นไอ้สวะไม่ใช่หรอ? จะเป็นประธานของHXกรุ๊ปได้ไงกัน?” ฑวัตบ่นคนเดียว ในสมองเต็มไปด้วยความมั่ว

เดซี่ที่อยู่ข้างๆก็ผวา ผ่านไปสักพัก ถึงจะพูดออกมาว่า “ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ไอ้นี่จะเป็นประธานของHXกรุ๊ปได้ไงกัน ฑวัต คุณบอกว่ามันเป็นไอ้สวะไม่ใช่หรอ?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมอยู่ต่างประเทศมาหลายปี จะรู้สถานการณ์ปัจจุบันได้ไงกัน แล้วก่อนที่ผมจะไป จำได้ว่าอารียาแต่งงานกับไอสวะคนหนึ่ง หรือช่วงสองปีนี้เธอแต่งงานใหม่งั้นหรอ?” ฑวัตสงสัย

ตอนนี้รพีพงษ์มองมาที่ทั้งสอง ยิ้มพลางพูดกับฑวัตว่า “คุณอยากร่วมมือทางการค้ากับทางกรุ๊ปของเรา?”

ฑวัตอับอาย ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มแหยๆออกมา แล้วกล่าว “ร……รพีพงษ์ ไม่คาดคิดว่าคุณคือประธานของHXกรุ๊ป บังเอิญจังเลย เอ็กเซลเลนซ์ของเราอยากทำการค้ากับพวกคุณอยู่พอดีเลย เห็นแก่ความเป็นเพื่อน พวกเราคุยกันดีๆดีกว่า”

“เพื่อน? คุณมองตัวเองสูงไปหรือเปล่า หรือคุณได้ลืมคำพูดที่คุณทั้งสองได้พูดกับผมเมื่อกี๊ไปแล้ว?” รพีพงษ์กล่าวอย่างดูแคลน

ฑวัตเหงื่อไหลออกมา ขณะนี้ผู้บริหารทั้งหลายของวงการอินเตอร์เน็ตได้จ้องมองไปที่เขา ถ้าเขาจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ต่อจากนี้ไปถ้าเอ็กเซลเลนซ์ต้องการเจริญก้าวหน้าในประเทศล่ะก็ คงต้องปากกัดตีนถีบแล้วล่ะ

“ดูคุณพูดเข้าสิ เมื่อก่อนเป็นแค่ความเข้าใจผิด ตอนที่ผมเรียนที่มหาลัย ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแคลร์ก็ไม่เลวนะ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของคุณ ผมก็ดีใจแทนเธอด้วย ความเข้าใจผิดที่ผ่านมา ผมจะหาเวลาอธิบายให้คุณฟัง เราอย่าพุดเรื่องนี้ที่นี่อีกเลย” ฑวัตใช้สติปัญญา ขจัดความอับอายอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์บึนปาก จากนั้นก็กล่าวอย่างเป็นทางการว่า “งั้นตอนนี้ผมจะพูดในนามของประธานHXกรุ๊ป HXกรุ๊ปของเรา จะไม่ร่วมมือทางการค้ากับบริษัทที่บูชาต่างชาติ ไม่ให้เกียรติกรรมกร ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องเสียเวลาที่นี่อีกต่อไป”

สีหน้าฑวัตเปลี่ยนไป ดูออกว่ารพีพงษ์ไม่มีทางให้เกียรติเขาแล้วแน่นอน

เดซี่ที่อยู่ข้างๆได้บินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เกิดอารมณ์โมโหขึ้นมา ไอ้นี่ไม่ให้เกียรติก็ชั่ง ตอนนี้ยังพูดอีกว่าเอ็กเซลเลนซ์ของพวกเขาเป็นบริษัทที่บูชาต่างชาติ ไม่ให้เกียรติกรรมกร

ตอนแรกเธอคิดว่าถ้าไม่สามารถร่วมงานกับHXกรุ๊ปได้นั้น เลือกบริษัทอื่นก็ไม่ต่างกัน ก็แค่ความสามารถต่างๆกันนิดหน่อย แต่ตอนนี้รพีพงษ์พูดถึงบริษัทของเธอแบบนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย นี่มันเป็นการติดทางทำมาหากินกันชัดๆ

เธอที่กำลังเกรี้ยวกราดมองไปยังรพีพงษ์ แล้วถาม “รพีพงษ์ ทำไมแกต้องว่าให้ร้ายบริษัทเราด้วย แม้แกจะเป็นประธานของHXกรุ๊ป แกก็ไม่ควรทำลายบริษัทเราแบบนี้ป้ะ กรุณาอย่าเอาความโกรธแค้นส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงาน!”

เมือ่ได้ยินคำพูดของเดซี่ รพีพงษ์ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว “คุณมั่นใจว่าผมว่าให้ร้ายบริษัทคุณ? หรือคำพูดที่คุณพูดก่อนหน้านี้ ลืมง่ายขนาดนั้น?”

“แกกำลังว่าร้ายฉัน ฉันพูดว่าบูชาต่างชาติเมื่อไหร่กัน แกตั้งใจทำร้ายพวกเราต่างหาก!” เดซี่คิดว่าคำพูดที่เธอได้พูดก่อนหน้านี้ คนอื่นในที่นี้ไม่มีทางรู้แน่นอน เพียงแค่เธอบอกว่ารพีพงษ์ว่าร้ายเธอ รพีพงษ์ก็ทำอะไรเธอไมไ่ด้แล้ว

รพีพงษ์จ้องเดซี่ แล้วถาม “งั้นคุณบอกผมหน่อยว่าคุณทำตำแหน่งอะไรในเอ็กเซลเลนซ์?”

“เอ็กเซลเลนซ์เป็นบริษัทที่พ่อฉันสร้างขึ้น อนาคตเอ็กเซลเลนซ์เป็นของฉันทั้งหมด” เดซี่พูดอย่างสะใจ

“นั่นก็หมายความว่าคุณเป็นตัวแทนของเอ็กเซลเลนซ์ใช่ไหม?” รพีพงษ์ถามต่อ

“ใช่ ฉันเป็นตัวแทนของเอ็กเซลเลนซ์ แกถามทำไม?” เดซี่สงสัยขึ้นมา

รพีพงษ์ไม่ถามอะไรเธอต่อ แต่หยิบเครื่องอัดเสียงในชุดออกมา แล้วเขย่าต่อหน้าฑวัตและเดซี่

จากนั้นเขาก็ได้เปิดเสียงของเครื่องอัดเสียงให้ดังที่สุด แล้วเปิดต่อหน้าทุกคน

“ตลก! พวกเราบูชาต่างชาติแล้วไง……” เสียงเกรี้ยวกราดของเดซี่ดังออกมาจากเครื่องอัดเสียง

หลังจากที่เดซี่และฑวัตได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากเครื่องอัดเสียงแล้วนั้น ก็กลอกตาไปมา ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะอัดเสียงไว้

เดซี่จะยื่นมือไปคว้าเครื่องอัดเสียงที่อยู่ในมือรพีพงษ์ รพีพงษ์ชูมือขึ้น แล้วซ่อนไว้

“แกรีบเอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ! หยุดเดี๋ยวนี้!” เดซี่ร้อนใจ

“ตอนนี้คุณยังกล้าพูดคำพูดเมื่อก่อนอีกครั้งไหม?” รพีพงษ์จ้องไปที่เธอแล้วถาม

“ฉันพูดอะไร? แกรีบเอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ แกกำลังทำร้ายฉันอยู่ ฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทแก คลิปเสียงนี้แกเป็นคนปลอมขึ้นมา!” เดซี่กำลังบ้าคลั่ง เปลี่ยนเป็นหญิงปากร้ายในทันใด

รปภ.ที่อยู่ไม่ไกลเห็นเหตุการณ์ ก็รีบเข้ามาห้ามเดซี่ไว้

ผู้บริหารทั้งหลายที่อยู่ในงานล้วนจ้องไปที่เดซี่ทั้งคู่ ดูสายตาเหยียดหยาม

“ไม่คาดคิดจริงๆว่าบริษัทเอ็กเซลเลนซ์จะเป็นแบบนี้ ไม่เพียงบูชาต่างชาติ แล้วยังไม่ให้เกียรติกรรมกรอีก ถ้าไม่มีกรรมกรพวกนั้น แม้แต่บ้านพวกคุณก็จะไม่มี ไม่รู้จริงๆว่าทำไมพวกคุณชั่งกล้ายโสขนาดนั้น

“ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ เอ็กเซลเลนซ์น่าจะเป็นธุรกิจเงินทุนต่างชาติ ในเมื่อพวกคุณดูถูกพวกเราที่อยู่ในประเทศ แล้วมางานนี้ทำไม ฉันว่าพวกคุณรีบกลับไปดีกว่านะ!”

“บริษัทแบบนี้ อยู่ในประเทศ ก็เป็นเนื้อร้าย ต่อไปถ้าหาคู่ค้า ต้องดูให้ดี อย่าให้บริษัทแบบนี้มาทำให้เดือดร้อนได้

……

ได้ยินผู้บริหารทั้งหลายของธุรกิจอินเตอร์เน็ตติแบบนี้ ฑวัตเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเดินอีกต่อไป ผู้บริหารเหล่านี้ไม่ร่วมการค้ากับพวกเขาแล้ว บริษัทเล็กๆที่เหลือก็ยิ่งไม่มีศักยภาพเข้าไปใหญ่

เดซี่ได้ยินคำพูดของทุกคน ก็เต็มไปด้วยความอาฆาต ไม่นาน ก็ตะคอกไปว่า “พวกแกมันงี่เง่า! ฉันจะไม่มาที่บ้าๆนี่อีกต่อไป ไอ้พวกไร้สมอง ชาตินี้ไม่มีทางเจริญได้หรอก!”

“รปภ. รีบพาสองคนที่สร้างปัญหานี้ออกไปซะ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะมีการประชุมใดๆ ไม่อนุญาตให้เอ็กเซลเลนซ์เข้าร่วมโดยเด็ดขาด คิดว่าตัวเองเป็นทุนต่างชาติ สำคัญตัวเองไป” เธียรวิชญ์กล่าว

รปภ.ทั้งสองรีบไล่ฑวัตและเดซี่ไป อย่าไม่รีรอ

ด้านนอกของนิทรรศการ ฑวัตมองไปยังรปภ.ที่ขวางพวกเขาไว้ กระทืบเท้า แล้วใช้มือกดหัวไว้

“หมดกัน หมดสิ้นทุกอย่างแล้วงานนี้!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท