พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่673 กินแล้วหนี

บทที่673 กินแล้วหนี

บทที่673 กินแล้วหนี

ณ คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ในห้องของอารียา

อารียามองไปที่รพีพงษ์ ถามอย่างกังวลว่า “คนต้องไปอเมริกาเพื่อล้างแค้นคนของตระกูลตระกูลนิธิวรสกุลจริงๆหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วลูบหน้าของอารียา แล้วกล่าว “เรื่องนี้มีผมต้องไปจัดการด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะจบ ตราบใดที่ยังไม่จัดการ ผมก็รู้สึกไม่สงบสักวัน ผมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณและลูกสาว”

อารียาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย รู้ว่าถ้ารพีพงษ์ตัดสินใจทำอะไรแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

และตระกูลนิธิวรสกุลเป็นศัตรูตัวฉกาจของรพีพงษ์อยู่ในตอนนี้จริงๆ ถ้าไม่กำจัดตระกูลนิธิวรสกุล พวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุข

เห็นท่าทีเป็นกังวลของอารียา รพีพงษ์ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “คุณไม่ต้องกังวลนะ เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์ คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ผมได้หาคนดูแลตระกูลลัดดาวัลย์โดยเฉพาะแล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อคุณเจอเขา ก็สบายใจได้”

อารียารู้สุกแปลกใจ แล้วถาม “คุณหาใครมา?”

รพีพงษ์ไม่ปิดบัง ยิ้มพลางกล่าวว่า “พ่อของคุณ ชลาธิป”

อารียาตาลุกวาว ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเอานายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดามา

แต่ถ้าชลาธิปมาดูแลตระกูลลัดดาวัลย์ล่ะก็ เธอก็ไร้กังวลทันที

แม้ดูผิวเผินตระกูลพงศ์ธนธดาจะเป็นแค่ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่เบื้องหลัง ได้ไต่เต้าไปถึงตระกูลระดับโลกแล้ว บวกกับครั้งที่แล้วที่ร่วมมือกับรพีพงษ์กำจัดตระกูลธาดาวรวงศ์ แล้วได้แย่งอำนาจคุณนายใหญ่ปสาทนีย์กลับมา ชลาธิปในปัจจุบัน ได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว

ตระกูลพงศ์ธนธดาอยู่ใต้อานัดของชลาธิป นั่งแท่นตระกูลชั้นนำระดับโลกอย่างมั่นคง ถ้าในวงการธุรกิจ ตระกูลพงศ์ธนธดาเทียบได้กับตระกูลนิธิวรสกุลแล้ว

ให้นายใหญ่ของตระกูลใหญ่มาดูแลตระกูลลัดดาวัลย์ นอกเสียจากตระกูลนิธิวรสกุลจะมาหาเรื่องด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครกล้ามาแย่งอำนาจจากตระกูลลัดดาวัลย์อีกแล้ว

แน่นอน ว่าชลาธิปตกลงจะมาช่วย และก็เพราะรู้ว่าอารียาได้คลอดลูกสาว เขาในฐานะที่เป็นคุณตา ต้องมาเยี่ยมแน่นอน

“ในเรื่องความปลอดภัยของพวกคุณ คุณก็ไม่ต้องกังวลใดๆ แม้ผมจะไปแล้ว ก็ยังคงมียอดฝีมือดูแลคุณอย่างห่างๆ จะเป็นใครนั้น รอเขามาแล้วเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง” รพีพงษ์พูดต่อ

อารียาพยักหน้า จากนั้นก็กล่าว “งั้นคุณคิดว่าจะไปตอนไหน? คงไม่ใช่พรุ่งนี้ตื่นเช้ามา คุณก็หายตัวไปแล้วนะ?”

รพีพงษ์ยิ้มไม่ออก แล้วกล่าว “ราวกับผมคือเด็กเลี้ยงวัว แล้วคุณคือสาวทอผ้า เพราะผิดกฎฟ้าดิน ดังนั้นต้องให้เวลาผ่านไปพักหนึ่งพวกเราจึงได้เจอกัน จากนั้นหลังจากที่ได้เจอกันแล้ว ฉันก็ต้องฃจากไปอย่างไม่เต็มใจ”

“เฮ้อ เลิกไร้สาระได้ล่ะ เค้ากำลังจริงจังอยู่นะ” อารียามองรพีพงษ์อย่างโมโห

รพีพงษ์เห็นอารียาทำหน้าตาแปลกๆ จึงกล่าว “เลิกกังวลได้แล้ว ผมจะบอกคุณก่อนผมจะจากไป ยอดฝีมือที่ผมหามาปกป้องคุณสองคนแม่ลูกตอนนี้ยังมาไม่ถึง ในช่วงเวลานี้ ผมไม่มีทางจากไปก่อน”

อารียาสบายใจขึ้น จากนั้นก็นอนลงบนเตียง แล้วเล่นกับมือน้อยๆของเด็กอ้วนอย่างขวัญนลิน

……

ณ สนามบินเกียวโต

ชลาธิปเดินออกมาจากสนามบิน ตามด้วยคนจำนวนมากอยู่ด้านหลัง มีทั้งชายและหญิง ล้วนเป็นคนที่มาบริการชลาธิปในครั้งนี้ทั้งหมด

“นายใหญ่ บอกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ไหม ว่าให้พวกเขาจัดคนมารับพวกเรา?” ชายคนหนึ่งถามขึ้นมา

ชลาธิปยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วกล่าว “ตอนนี้ไม่ต้องก่อน ฉันไม่ได้มาเกียวโตหลายปีแล้ว ฉันเที่ยวรอบๆก่อน จากนั้นค่อยไปตระกูลลัดดาวัลย์”

“แกไปหาร้านอาหารก่อน ทุกคนนั่งเครื่องมานาน น่าจะเริ่มหิวกันแล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ครับ!” คนนั้นกล่าวทันที

“เอ้อ ไม่ต้องหรูมากนะ หาร้านธรรมดาก็พอ ร้านอาหารที่ดูหรูหราของที่นี่อาหารรสชาติไม่ค่อยเท่าไหร่ สู้หาร้านธรรมดาดีกว่า ที่แบบนั้นอาหารกลับอร่อย” ชลาธิปพูดอีก

คนนั้นพยักหน้า แล้วกล่าว “เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้”

ชลาธิปแล้วมองไปยังฟ้าของเกียวโต จากนั้นก็พึมพำ “ท้องฟ้าของเกียวโตไม่สดใสเอาเสียเลย ต่อไปต้องคุยกับรพีพงษ์หน่อยแล้ว ให้เขาพาหลานสาวของฉันอาศัยที่ๆอากาศบริสุทธิ์ อย่าให้เธอสูดมลพิษตั้งแต่เด็กๆ

ในขณะเดียวกันนี้ ณ ประตูของร้านอาหารหนึ่งใกล้ๆกับสนามบิน

ศศินัดดาเดินมาที่นี่อย่างเวทนา มองอาหารที่อยู่บนป้ายนั้น แล้วกลืนน้ำลายหลายอึก

เธออยู่เกียวโตคนเดียวมาหลายวัน เงินที่พกติดตัวมาก็ใช้หมดแล้ว เพราะปากมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอได้เอาเงินเก็บเป็นค่าเดินทางออกมาใช้แล้ว ตอนนี้ ในตัวเธอเหลือเพียงห้าหยวนเท่านั้น

มีห้าหยวนแล้วอยากกินอาหารมากๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ศศินัดดาไม่ได้กินไปสองมื้อแล้ว หิวจนไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้ เธอไม่คิดอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว

จึงตัดสินใจว่า เดินเข้าไปด้านใน ที่ห้องโถงใหญ่ เธอนั่งลงบนโต๊ะหนึ่ง ก็มีพนักงานเอาเมนูมาให้เธอทันที

ศศินัดดาเห็นอาหารบนเมนู รู้สึกไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไรเธอก็อยากกินทั้งนั้น สั่งทีเดียวสิบอย่าง ทำเอาพนักงานตกใจ

ไม่นาน พนักงานก็เสิร์ฟอาหารที่ศศินัดดาได้สั่งไว้ เธอเริ่มกินอย่างมูมมาม ราวกับคนที่ไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ศศินัดดาได้กินอาหารบนโต๊ะทั้งหมด จากนั้นก็เรอออกมา

ในขณะนี้พนักงานได้มาเข้ามา ด้านหลังมีชายร่างบึกบึนสองคน แล้วพูดกับศศินัดดาว่า “กรุณาจ่ายเงินด้วย”

ตอนนั้นพนักงานรู้สึกว่าศศินัดดาไม่ชอบมาพากล จึงได้เรียกสองคนมา เพื่อกันศศินัดดากินแล้วหนี

ศศินัดดามองไปที่สามคน เริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เอามือไปล้วงเงินในเสื้อผ้า ล้วงอยู่นาน ก็หยิบเพียงธนบัตรเก่าๆห้าหยวนออกมา วางไว้บนโต๊ะ

พนักงานมองไปที่ห้าหยวนนั้น แล้วกล่าว “เจ๊ อย่ามาตลกหน่อยเลย รีบจ่ายเงินที่เหลือมา”

“ฉัน……ฉันมีแค่นี้” ศศินัดดากล่าว

พนักงานขนลุกซู่ จ้องไปที่ศศินัดดาอย่างเยือกเย็น แล้วถาม “เอาไง คิดจะกินแล้วหนีใช่ไหม?”

ศศินัดดากลอกตา แล้วกล่าว “ฉันจะบอกให้นะ ว่าฉันคือแม่ยายของรพีพงษ์ แกรู้จักรพีพงษ์ใช่ไหม นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์หนะ พวกแกไปเอาเงินจากเขา เขาจะช่วยฉันจ่าย”

“มึงคิดว่าพวกกูโง่หรือไง? ถ้ามึงเป็นแม่ยายของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ล่ะก็ จะมากินแล้วหนีที่นี่ทำไม? รีบจ่ายเงินมาซะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!” พนักงานตะคอก

ชายกำยำทั้งสองวางมือลงบนไหล่ของศศินัดดา เตรียมพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ

“ฉันพูดจริงๆ ฉันเป็นแม่ยายของรพีพงษ์ พวกแกต้องเชื่อนะ!” ศศินัดดาแล้วตะโกนออกมา

ในขณะเดียวกันนี้ ชายคนหนึ่งเดินมายังด้านหน้าของศศินัดดา จ้องไปที่เธออย่างครุ่นคิด แล้วถาม “คุณเป็นแม่ยายของรพีพงษ์จริงหรอ?”

ศศินัดดามองคนนั้น แล้วรีบพยักหน้า กล่าว “จริงแท้แน่นอน ถ้ามีสักคำเป็นเท็จล่ะก็ ขอให้ฟ้าผ่าตาย!”

คนนั้นยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “อาหารมื้อนี้ ผมเลี้ยงคุณเอง แต่คุณต้องไปกับผม ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”

ศศินัดดาไม่รีรอรีบตอบรับทันที ไม่ว่ายังไง ตัวเองไม่ต้องจ่ายเงิน เธอก็ถือว่าได้เปรียบแล้ว

แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเลย ชายที่เลี้ยงข้าวเธอนั้น คือลูกชายของพลชที่กำลังตามล้างแค้นรพีพงษ์อยู่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท