บทที่680 แน่ใจใช่มั้ยว่าจะเล่น
“ทำไม คุณมาที่แบบนี้ได้คนเดียวหรือไง แล้วผมมาไม่ได้งั้นหรอ?” หลังจากที่ดำเกิงรู้สึกตัวแล้วนั้น ก็ตอกคุ้มขวัญไป
คุ้มขวัญเยาะเย้ย ยืนขึ้นจากโซฟา ปัดมือ แล้วกล่าว “ทุกคนหยุดสักครู่ ดูไอ้บ้านนอกนี่ คนนี้ เป็นไอ้สวะที่ฉันบอกกับพวกแก คือมัน ที่ตอนแรกจะจีบฉัน สุดท้ายโดนพี่ชายฉันตบไปจนคุกเข่าอ้อนวอน วันนี้มันบอกกับฉันว่าจะมาล้างแค้น พวกแกว่า ตลกมั้ย!”
ทุกคนได้ยินคำพูดของคุ้มขวัญ ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วมองไปที่ดำเกิงอย่างดูหมิ่น
ดำเกิงโมโห เดินไปข้างหน้า กำหมัดแน่น อยากจะต่อยคุ้มขวัญ
“คุ้มขวัญอย่าเกินไป หมัดของผมไม่รับกับหน้านะ!”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่นั่นก็ยืนขึ้น หนึ่งในนั้นมองดำเกิงอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “เด็กน้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆแกจะทำอะไรก็ได้นะ พวกเราไม่เหมือนกับแก เจอปัญหาก็ลงมืออย่างเดียว ขยะที่ไร้ความสามารถไร้เงินอย่างแก อยู่ห่างๆคุ้มขวัญไว้”
คุ้มขวัญมองดำเกิงอย่างดูแคลน กลอกตาไปรอบๆ แล้วกล่าว “ดำเกิง ที่นี่ไม่ได้มีไว้ให้แกชกต่อย ถ้าแกอยากชกต่อย ไปหาพี่ชายฉัน เขาเตรียมเวทีไว้พร้อมแล้ว กลัวว่าแกนะแหละจะไม่ไป”
“แต่ที่นี่ ถ้าแกอยากสนุก ก็ต้องมีเงิน แกก็แค่ไอ้คนยากจน ในสายตาฉัน แม้แต่ตดก็ไม่ใช่ ดังนั้นฉันว่าแกรีบไสหัวไปซะ”
“ไม่มีเงินแล้วไง พวกเราเป็นคนเรียนศิลปะการต่อสู้ ไม่มีทางหลงใหลในสิ่งของพวกนี้ได้หรอก” ดำเกิงกล่าวอย่างโมโห
“เหอะเหอะ งั้นฉันจะให้แกรู้ ถึงอำนาจของเงิน” คุ้มขวัญบึนปาก
จากนั้นเธอได้หยิบเงินออกจากกระเป๋าหนึ่งแสนหยวน จากนั้นใต้แก้วเหล้าทุกใบ ได้ใส่เงินไว้ เรียกทุกคนมา แล้วกล่าว “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว ด่าไอ้นี่ว่าไอ้สวะ ก็สามารถเอาเงินที่วางอยู่ใต้แก้วไปได้ คนล่ะหนึ่งครั้ง ฉันอยากให้ทุกคนที่นี่ รู้ว่าไอ้นี่มันเป็นไอ้สวะที่แท้จริง!”
เมื่อคุ้มขวัญพูดจบ ทุกคนก็เริ่มร้องเรียก แล้วก็มีคนหยิบเหล้าบนโต๊ะดื่ม จากนั้นก็ชี้ไปที่ดำเกิง แล้วด่า “มึงไอ้สวะ!”
หลังจากพูดจบ ก็หยิบเงินบนโต๊ะไป
ดำเกิงโมโห จะลงมือทันใด
ชายที่พูดก่อนหน้านี้กล่าว “ในผับไม่อนุญาตให้ใช้กำลัง แล้วเมื่อกี๊เค้าก็แค่พูดความจริง ถ้าแกตีเค้าเพราะเหตุผลนี้ล่ะก็ พวกเราจะไม่ยอม!”
ทันใดนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็พูดตามๆกัน ดำเกิงทำได้เพียงกัดฟัน เขาไม่สามารถเพียงเพราะคำพูดกระแทกคำเดียว แล้วลงไม้ลงมือ
รอบๆข้างเห็นเพียงแค่ดื่มแก้วเดียว ด่าดำเกิง ก็สามารถหยิบเงินร้อยกว่าหยวนไปได้ เรื่องดีๆแบบนี้ไม่มีใครอยากพลาดแน่ๆ ไม่นานก็มีคนมาดื่มอีก แล้วด่าดำเกิงไอ้สวะ จากนั้นก็หยิบเงินไป
ดำเกิงทำได้เพียงชักตาไปที่พวกนั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้
คุ้มขวัญเห็นดำเกิงอดกลั้น ก็รู้สึกสะใจ แล้วกล่าว “ดำเกิง ตอนนี้แกรู้แล้วใช่มั้ยว่าแกหนะเป็นแค่ไอ้ยากจน เงินเท่านั้นที่เป็นพระเจ้า แกไม่มีเงิน ก็เป็นแค่ขยะ!”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ดูต่อไปม่ไหว เขาเดินมาด้านหน้า แล้วกล่าว “ผมขอให้คุณหยุดเกมส์นี้ซะจะดีที่สุด มิเช่นนั้นคนที่จะมีปัญหาที่สุด จะเป็นคุณ”
คุ้มขวัญมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหยียดหยามว่า “แกเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“ผมเป็นรุ่นพี่ของเขา” รพีพงษ์กล่าว
คุ้มขวัญเหอะเหอะ แล้วกล่าว “ฉันคิดว่าแกเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นรุ่นพี่ของไอ้สวะ งั้นดูๆแล้ว แกก็น่าจะเป็นไอ้สวะเช่นกันสินะ? รีบไสหัวไปซะ ฉันจะทำอะไร ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของแก!”
รพีพงษ์โมโห แล้วกล่าว “คุณแน่ใจว่าจะเล่น?”
“ทำไม ถ้าแกอยากเล่น แกก็เล่นได้นะ คนจนๆอย่างพวกแก น่าจะไม่เคยเห็นเงินล่ะสิ? ฉันอนุญาตให้แกเล่นหลายครั้งได้ เพียงแค่แกด่ารุ่นน้องแกว่าไอ้สวะ ฉันจะให้เงินแก ไง?” คุ้มขวัญกล่าวอย่างไม่พอใจ
รพีพงษ์ได้ยินคุ้มขวัญพูดแบบนี้ จึงได้ตัดสินใจ หันไปหาดำเกิง ตบบ่าของเขา แล้วกล่าว “แกรออยู่ตรงนี้สักแป๊ป ฉันออกไปด้านนอก จำไว้นะ อย่าลงมือกับพวกมัน ฉันมีวิธีจัดการกับพวกมัน” ดำเกิงพยักหน้า
จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินออกไป
คุ้มขวัญเห็นดังนั้น ก็หัวเราะอย่างดัง แล้วกล่าว “ไอ้นั่นคงไม่ใช่กลัวฉันจนหนีไปแล้วหรอกนะ ตลกชิบหาย มันแน่ไม่ใช่หรอ ทำไมหันหลังหนีไปแล้วหละ?”
“คนแบบนี้ ก็แค่เสแสร้งเท่านั้น เมื่อเจอเข้ากับของจริง หนีเร็วกว่าใครเค้าอีก”
“เด็กน้อย รุ่นพี่แกก็หนีไปแล้ว แกแน่ใจว่าจะยโสต่อหน้าฉัน? แกคุกเข่าขอโทษขวัญซะ ไม่แน่ถ้าขวัญใจอ่อน อาจจะให้แกหลายหมื่นก็ได้นะ น่าจะพอค่าครองชีพหลายปี”
ทุกคนเยาะเย้ยรพีพงษ์และดำเกิง ไม่มีพวกเขาทั้งสองอยู่ในสายตา
“อย่าไปสนใจรุ่นพี่มัน พวกเราเล่นต่อ ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีเงิน คนล่ะแก้ว ด่ามันไอ้สวะ ก็เอาเงินไปได้ พูดจริงไม่หลอก!”
ในตอนเช้าดำเกิงทำให้เธอไม่พอใจ ตอนนี้มีโอกาส เธอก็ต้องล้างแค้นเป็นธรรมดา
แต่ล่ะคนต่างพากันมาหยิบแก้วเหล้า ด่าดำเกิงอย่างบ้าคลั่ง ดำเกิงยืนอยู่กับที่ ไม่พูดอะไร รอรพีพงษ์กลับมา
ผ่านไปสักพัก คุ้มขวัญและเพื่อนของตนจ้องไปที่ดำเกิงที่ยืนอยู่ที่เดิม อย่างมีเลศนัย
“ไม่คาดคิดว่ามันจะอดได้จริงๆ ถูกด่านานขนาดนี้ กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หรือถูกด่าจนบ้าไปแล้ว?” ชายคนหนึ่งกล่าว
“สนมันทำไม ยังไงคนที่ถูกด่าก็ไม่ใช่ฉัน มันยอมถูกด่า ก็ให้ทุกคนด่ามันไป” คุ้มขวัญกล่าวอย่างไม่แคร์
ในขณะเดียวกันนี้ รพีพงษ์กลับมาถึงผับ ในมือถือถุงสองใบไว้
“พี่ขวัญ รุ่นพี่ของไอ้นี่มันกลับมาแล้ว” คนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
คุ้มขวัญหันไปมอง ด้วยความสงสัย แล้วพึมพำ “ในมือมันถืออะไรมา”
ไม่นาน รพีพงษ์มาถึงด้านหน้าของทุกคน แล้วโดยถุงไปที่โต๊ะ
“แกยังมีหน้ากลับมาอีก ไง มาเก็บของทั้งหมดของพวกแกหรอ เตรียมหนี?” คุ้มขวัญกล่าวอย่างดูแคลน
รพีพงษ์ยิ้มให้เธอ จากนั้นก็เปิดซิบออกหนึ่งถุง เอาของออกมาให้ทุกคนดู
ถุงนั้นใส่ เงินเป็นมัด กองเท่าภูเขา ธนบัตรร้อยหยวนสีแดง