พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่680 แน่ใจใช่มั้ยว่าจะเล่น

บทที่680 แน่ใจใช่มั้ยว่าจะเล่น

บทที่680 แน่ใจใช่มั้ยว่าจะเล่น

“ทำไม คุณมาที่แบบนี้ได้คนเดียวหรือไง แล้วผมมาไม่ได้งั้นหรอ?” หลังจากที่ดำเกิงรู้สึกตัวแล้วนั้น ก็ตอกคุ้มขวัญไป

คุ้มขวัญเยาะเย้ย ยืนขึ้นจากโซฟา ปัดมือ แล้วกล่าว “ทุกคนหยุดสักครู่ ดูไอ้บ้านนอกนี่ คนนี้ เป็นไอ้สวะที่ฉันบอกกับพวกแก คือมัน ที่ตอนแรกจะจีบฉัน สุดท้ายโดนพี่ชายฉันตบไปจนคุกเข่าอ้อนวอน วันนี้มันบอกกับฉันว่าจะมาล้างแค้น พวกแกว่า ตลกมั้ย!”

ทุกคนได้ยินคำพูดของคุ้มขวัญ ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วมองไปที่ดำเกิงอย่างดูหมิ่น

ดำเกิงโมโห เดินไปข้างหน้า กำหมัดแน่น อยากจะต่อยคุ้มขวัญ

“คุ้มขวัญอย่าเกินไป หมัดของผมไม่รับกับหน้านะ!”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้ ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่นั่นก็ยืนขึ้น หนึ่งในนั้นมองดำเกิงอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “เด็กน้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆแกจะทำอะไรก็ได้นะ พวกเราไม่เหมือนกับแก เจอปัญหาก็ลงมืออย่างเดียว ขยะที่ไร้ความสามารถไร้เงินอย่างแก อยู่ห่างๆคุ้มขวัญไว้”

คุ้มขวัญมองดำเกิงอย่างดูแคลน กลอกตาไปรอบๆ แล้วกล่าว “ดำเกิง ที่นี่ไม่ได้มีไว้ให้แกชกต่อย ถ้าแกอยากชกต่อย ไปหาพี่ชายฉัน เขาเตรียมเวทีไว้พร้อมแล้ว กลัวว่าแกนะแหละจะไม่ไป”

“แต่ที่นี่ ถ้าแกอยากสนุก ก็ต้องมีเงิน แกก็แค่ไอ้คนยากจน ในสายตาฉัน แม้แต่ตดก็ไม่ใช่ ดังนั้นฉันว่าแกรีบไสหัวไปซะ”

“ไม่มีเงินแล้วไง พวกเราเป็นคนเรียนศิลปะการต่อสู้ ไม่มีทางหลงใหลในสิ่งของพวกนี้ได้หรอก” ดำเกิงกล่าวอย่างโมโห

“เหอะเหอะ งั้นฉันจะให้แกรู้ ถึงอำนาจของเงิน” คุ้มขวัญบึนปาก

จากนั้นเธอได้หยิบเงินออกจากกระเป๋าหนึ่งแสนหยวน จากนั้นใต้แก้วเหล้าทุกใบ ได้ใส่เงินไว้ เรียกทุกคนมา แล้วกล่าว “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว ด่าไอ้นี่ว่าไอ้สวะ ก็สามารถเอาเงินที่วางอยู่ใต้แก้วไปได้ คนล่ะหนึ่งครั้ง ฉันอยากให้ทุกคนที่นี่ รู้ว่าไอ้นี่มันเป็นไอ้สวะที่แท้จริง!”

เมื่อคุ้มขวัญพูดจบ ทุกคนก็เริ่มร้องเรียก แล้วก็มีคนหยิบเหล้าบนโต๊ะดื่ม จากนั้นก็ชี้ไปที่ดำเกิง แล้วด่า “มึงไอ้สวะ!”

หลังจากพูดจบ ก็หยิบเงินบนโต๊ะไป

ดำเกิงโมโห จะลงมือทันใด

ชายที่พูดก่อนหน้านี้กล่าว “ในผับไม่อนุญาตให้ใช้กำลัง แล้วเมื่อกี๊เค้าก็แค่พูดความจริง ถ้าแกตีเค้าเพราะเหตุผลนี้ล่ะก็ พวกเราจะไม่ยอม!”

ทันใดนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็พูดตามๆกัน ดำเกิงทำได้เพียงกัดฟัน เขาไม่สามารถเพียงเพราะคำพูดกระแทกคำเดียว แล้วลงไม้ลงมือ

รอบๆข้างเห็นเพียงแค่ดื่มแก้วเดียว ด่าดำเกิง ก็สามารถหยิบเงินร้อยกว่าหยวนไปได้ เรื่องดีๆแบบนี้ไม่มีใครอยากพลาดแน่ๆ ไม่นานก็มีคนมาดื่มอีก แล้วด่าดำเกิงไอ้สวะ จากนั้นก็หยิบเงินไป

ดำเกิงทำได้เพียงชักตาไปที่พวกนั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้

คุ้มขวัญเห็นดำเกิงอดกลั้น ก็รู้สึกสะใจ แล้วกล่าว “ดำเกิง ตอนนี้แกรู้แล้วใช่มั้ยว่าแกหนะเป็นแค่ไอ้ยากจน เงินเท่านั้นที่เป็นพระเจ้า แกไม่มีเงิน ก็เป็นแค่ขยะ!”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ดูต่อไปม่ไหว เขาเดินมาด้านหน้า แล้วกล่าว “ผมขอให้คุณหยุดเกมส์นี้ซะจะดีที่สุด มิเช่นนั้นคนที่จะมีปัญหาที่สุด จะเป็นคุณ”

คุ้มขวัญมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหยียดหยามว่า “แกเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน”

“ผมเป็นรุ่นพี่ของเขา” รพีพงษ์กล่าว

คุ้มขวัญเหอะเหอะ แล้วกล่าว “ฉันคิดว่าแกเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นรุ่นพี่ของไอ้สวะ งั้นดูๆแล้ว แกก็น่าจะเป็นไอ้สวะเช่นกันสินะ? รีบไสหัวไปซะ ฉันจะทำอะไร ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของแก!”

รพีพงษ์โมโห แล้วกล่าว “คุณแน่ใจว่าจะเล่น?”

“ทำไม ถ้าแกอยากเล่น แกก็เล่นได้นะ คนจนๆอย่างพวกแก น่าจะไม่เคยเห็นเงินล่ะสิ? ฉันอนุญาตให้แกเล่นหลายครั้งได้ เพียงแค่แกด่ารุ่นน้องแกว่าไอ้สวะ ฉันจะให้เงินแก ไง?” คุ้มขวัญกล่าวอย่างไม่พอใจ

รพีพงษ์ได้ยินคุ้มขวัญพูดแบบนี้ จึงได้ตัดสินใจ หันไปหาดำเกิง ตบบ่าของเขา แล้วกล่าว “แกรออยู่ตรงนี้สักแป๊ป ฉันออกไปด้านนอก จำไว้นะ อย่าลงมือกับพวกมัน ฉันมีวิธีจัดการกับพวกมัน” ดำเกิงพยักหน้า

จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินออกไป

คุ้มขวัญเห็นดังนั้น ก็หัวเราะอย่างดัง แล้วกล่าว “ไอ้นั่นคงไม่ใช่กลัวฉันจนหนีไปแล้วหรอกนะ ตลกชิบหาย มันแน่ไม่ใช่หรอ ทำไมหันหลังหนีไปแล้วหละ?”

“คนแบบนี้ ก็แค่เสแสร้งเท่านั้น เมื่อเจอเข้ากับของจริง หนีเร็วกว่าใครเค้าอีก”

“เด็กน้อย รุ่นพี่แกก็หนีไปแล้ว แกแน่ใจว่าจะยโสต่อหน้าฉัน? แกคุกเข่าขอโทษขวัญซะ ไม่แน่ถ้าขวัญใจอ่อน อาจจะให้แกหลายหมื่นก็ได้นะ น่าจะพอค่าครองชีพหลายปี”

ทุกคนเยาะเย้ยรพีพงษ์และดำเกิง ไม่มีพวกเขาทั้งสองอยู่ในสายตา

“อย่าไปสนใจรุ่นพี่มัน พวกเราเล่นต่อ ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีเงิน คนล่ะแก้ว ด่ามันไอ้สวะ ก็เอาเงินไปได้ พูดจริงไม่หลอก!”

ในตอนเช้าดำเกิงทำให้เธอไม่พอใจ ตอนนี้มีโอกาส เธอก็ต้องล้างแค้นเป็นธรรมดา

แต่ล่ะคนต่างพากันมาหยิบแก้วเหล้า ด่าดำเกิงอย่างบ้าคลั่ง ดำเกิงยืนอยู่กับที่ ไม่พูดอะไร รอรพีพงษ์กลับมา

ผ่านไปสักพัก คุ้มขวัญและเพื่อนของตนจ้องไปที่ดำเกิงที่ยืนอยู่ที่เดิม อย่างมีเลศนัย

“ไม่คาดคิดว่ามันจะอดได้จริงๆ ถูกด่านานขนาดนี้ กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หรือถูกด่าจนบ้าไปแล้ว?” ชายคนหนึ่งกล่าว

“สนมันทำไม ยังไงคนที่ถูกด่าก็ไม่ใช่ฉัน มันยอมถูกด่า ก็ให้ทุกคนด่ามันไป” คุ้มขวัญกล่าวอย่างไม่แคร์

ในขณะเดียวกันนี้ รพีพงษ์กลับมาถึงผับ ในมือถือถุงสองใบไว้

“พี่ขวัญ รุ่นพี่ของไอ้นี่มันกลับมาแล้ว” คนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

คุ้มขวัญหันไปมอง ด้วยความสงสัย แล้วพึมพำ “ในมือมันถืออะไรมา”

ไม่นาน รพีพงษ์มาถึงด้านหน้าของทุกคน แล้วโดยถุงไปที่โต๊ะ

“แกยังมีหน้ากลับมาอีก ไง มาเก็บของทั้งหมดของพวกแกหรอ เตรียมหนี?” คุ้มขวัญกล่าวอย่างดูแคลน

รพีพงษ์ยิ้มให้เธอ จากนั้นก็เปิดซิบออกหนึ่งถุง เอาของออกมาให้ทุกคนดู

ถุงนั้นใส่ เงินเป็นมัด กองเท่าภูเขา ธนบัตรร้อยหยวนสีแดง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท